ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 236

สรุปบท บทที่ 236 สักวันหนึ่งจะบอกเจ้าเอง: ใต้ร่มยาใจ

อ่านสรุป บทที่ 236 สักวันหนึ่งจะบอกเจ้าเอง จาก ใต้ร่มยาใจ โดย ลิ่วเยว่

บทที่ บทที่ 236 สักวันหนึ่งจะบอกเจ้าเอง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายประวัติศาสตร์ ใต้ร่มยาใจ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ลิ่วเยว่ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ขณะที่ฮูหยินเล็กสามถูกผงหอมลึกลับนั้นกระตุ้นให้เริงโลกีย์อยู่กับบ่าวรับใช้ชายอยู่นั้น นางไม่รู้เลยว่าลูกสาวของตนเองก็ทนต่อผงหอมลึกลับนั่นไม่ไหวเช่นกัน จับองครักษ์ได้คนหนึ่งก็แนบตัวเข้าไปหา

องครักษ์คนนั้นก็เป็นชายหนุ่มที่กระฉับกระเฉงทรงพลัง ไหนเลยที่จะทนไหว เพียงแต่หลังจากที่เสร็จกิจแล้วก็ได้ยินความเคลื่อนไหวจากทางฝั่งของฮูหยินเล็กสาม เขาตระหนักได้ถึงสถานการณ์ของตนเองทันที ไม่กล้าอยู่ต่ออีก ดึงกางเกงขึ้นมาแล้วก็รีบหนีเอาชีวิตรอดไป

"หามันออกมาให้ข้า! เมืองลั่วหยางเป็นสถานที่แบบไหน? มันนึกว่ามันจะหลบซ่อนที่ไหนได้!" เจ้าบ้านหานเห็นตนเองสูญเสียสนมคนโปรดคนหนึ่งลูกสาวคนหนึ่งไปในชั่วข้ามคืน แถมยังเป็นลักษณะที่น่าอับอายเช่นนี้ โมโหจนแทบจะกระอักเลือดออกมาสามลิตร

ทั้งหมดนี่เป็นเพราะคุณชายเจ็ดนั่น! เป็นเพราะเขาคนเดียว!

แค้นนี้หากไม่ชำระ เขาจะไม่แซ่หาน!

โหลชีไม่รู้เรื่องราวต่อจากนั้นของตระกูลหาน แต่ถึงจะรู้ นางก็ไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด ฮูหยินเล็กสามหาเรื่องตายเอง ลูกสาวเพิ่งจะอายุสิบสี่ กลับใช้ผงหอมลึกลับนั่นกับนางด้วยตัวเอง คุณหนูสี่หานก็สมัครใจเองแท้ๆ บาปที่ตนเองกระทำไม่อาจหลีกหนีได้ นางไม่ได้ลงมือกับคุณหนูสี่หานถือว่านางเมตตากรุณาแล้ว แม่แท้ๆของนางวางยานางเอง ต่อมามีผลลัพธ์อะไรเกิดขึ้นแล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับนางด้วย?

"คุณชายเจ็ดกลับโรงเตี๊ยมลั่วหยางไหม?" บนถนนสายยางที่ไร้ผู้คน จ้าวหยุนหยุดฝีเท้าลงมา หันหลังกลับมา "ท่านกับหยุนเฟิงเกี่ยวข้องอะไรกัน? หรือว่า ท่านก็คือหยุนเฟิง?" โหลชีเลิกคิ้ว ถามออกมาโดยตรง

จ้าวหยุนหัวเราะเบาๆ: "คุณชายเจ็ดเห็นว่าข้าเกี่ยวข้องกับหยุนเฟิงตรงไหน?"

"หากข้าบอกว่าเป็นลางสังหรณ์ ท่านเชื่อไหม?"

"หรือว่าคุณชายเจ็ดชอบหยุนเฟิง? มีลางสังหรณ์กับเขาแล้ว----" ในดวงตาของจ้าวหยุนเปล่งประกายขึ้นมาแวบหนึ่ง

โหลชีชิออกมาคำหนึ่ง: "ไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด ลากันตรงนี้เลยแล้วกัน"

นางหันหลังจากไปอย่างไม่ลังเลเลย

ด้านหลัง เสียงของจ้าวหยุนลอยมาตามลม: "สักวันหนึ่งข้าจะบอกเจ้าเอง โหลชี"

ร่างกายของโหลชีหยุดลงกะทันหัน แต่ไม่ได้หันกลับไป โบกมือแล้วกล่าวว่า: "เช่นนั้น ข้าไม่จำเป็นต้องบอกลาหยุนเฟิงแล้ว ท่านบอกกับเขาคำหนึ่งแล้วกัน"

วินาทีที่เขาเรียกชื่อของนาง โหลชีก็มั่นใจว่า ถึงแม้จ้าวหยุนจะไม่ใช่หยุนเฟิง ก็ต้องมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับหยุนเฟิงมากแน่นอน

เมืองลั่วหยางยังต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกแน่ ถึงแม้การปรากฏตัวของซีฉางอี้เมื่อครู่นี้ทำให้เรื่องราวดูเหมือนจะผกผันเล็กน้อย แต่เมื่อนางนึกถึงสายตาละโมบโลภมากของเจ้าบ้านหานก็รู้สึกว่าเขาไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆอย่างแน่นอน

เสียงลมพัดเบาๆลอยมาจากด้านหลัง เสียงของจ้าวหยุนล่องลอยไม่ชัดเจนเล็กน้อย: "โหลชี ป้ายอาญาสิทธิ์นี้สามารถออกคำสั่งให้เปิดประตูเมืองได้"

โหลชีหันหลังมือไปคว้า คว้าจับป้ายอาญาสิทธิ์มาได้หนึ่งอันจริงๆ นางก้มหน้าไปมอง ด้านหน้าป้ายอาญาสิทธิ์มีอักษรคำสั่งตัวหนึ่ง ด้านหลังกลับเป็นคำว่าซู่

ซู่ นายอำเภอเมืองลั่วหยางซู่ฉงโจว

แม้ว่าจ้าวหยุนจะเป็นสหายรัก ยังสามารถพกป้ายอาญาสิทธิ์ของซู่ฉงโจวติดตัวตลอดเวลาได้?

"โหลชีรับป้ายอาญาสิทธิ์เอาไว้ ไม่ได้หลังกลับมาเลย พูดขึ้นมาคำหนึ่งว่า: "ขอบคุณมาก ป้ายอาญาสิทธิ์หลังจากที่ใช้เสร็จแล้ว ข้าจะฝังมันไว้บนกำแพงเมืองสูงสองเมตรฝั่งขวามือด้านนอกประตูเมือง คุณชายจ้าวอย่าลืมไปเอามันกลับมาล่ะ"

ได้ยินคำพูดของนาง จ้าวหยุนตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมา

"ได้"

โหลชีโบกมือ ร่างกายบินโฉบไปทางเมือง ความเร็วของนางรวดเร็วมาก จ้าวหยุนรู้สึกแค่ว่ายังมองแผ่นหลังของนางได้ไม่พอเลย คนก็ออกไปจากสายตาของเขาแล้ว

ในความมืดมิด เงาร่างสองเงาปรากฏตัวขึ้นหลังจ้าวหยุนอย่างเงียบเชียบ

"คุณชาย ในที่ทำการปกครองเมือง ฮูหยินโวยวายขึ้นมา จะบุกเข้าไปดูใต้เท้าให้ได้"

จ้าวหยุนจนใจ: "เจ้าหยุนฉางคนนี้มันแสดงอย่างไรของมัน ให้ผู้หญิงคนนั้นสงสัยขึ้นมาอีกแล้ว?"

เงาดำพูดไม่ออก

จ้าวหยุนส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า: "ช่างเถิดช่างเถิด จากนี้ไปเมืองลั่วหยางแห่งนี้ไม่น่าจะสงบแล้ว สองสามวันนี้ ข้าไปรับบทเป็นซู่ฉงโจวด้วยตัวเองอีกครั้งก็ได้"

หันหลังกลับมา จ้าวหยุนมุ่งหน้าไปทางจวนของซู่ฉงโจวนายอำเภอเมืองลั่วหยาง

เวลากลางคืน เสียงกีบม้าดังก๊อกแก๊ก ที่ประตูเมือง ทหารเฝ้าประตูเมืองตะโกนขึ้นมาคำหนึ่ง: "ผู้ที่มาเป็นใครกัน?"

อีกอย่าง หากผู้ที่มาเป็นคนที่มีฝีมือ มีความรู้ มีประสบการณ์ มีทักษะทางการแพทย์ นั่นก็เป็นรางวัลที่สูงมากอีกแบบหนึ่ง หนังสือแจ้งต่อคนมีความสามารถในใต้หล้าของพั่วอวี้ถูกส่งออกไปราวกับหิมะโปรยปรายแล้ว ข่าวแพร่สะพัดไปทั่วทั้งใต้หล้า

แล้วก็ กำแพงเมืองของเมืองชีสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว ตอนนี้กำลังเร่งการก่อสร้างในเมือง ดังนั้น ต้องการคนจำนวนมาก คนที่ใช้แรงงานอย่างเดียว แล้วก็คนที่มีความรู้เกี่ยวกับการก่อสร้าง มีความรู้เกี่ยวกับการออกแบบการจัดเตรียมถนนที่เหมาะสมและอื่นๆ ยิ่งสมควรต้องมีคนที่มีความสามารถในการวางกำลังทหารเพื่อป้องกัน ดังนั้น หนังสือแจ้งต่อคนมีความสามารถในใต้หล้าเขียนเอาไว้อย่างชัดเจน พั่วอวี้ยินดีต้อนรับคนที่มีความสามารถทุกๆคน คนมีความสามารถที่มีฝีมือ ขอแค่มาที่พั่วอวี้ พั่วอวี้จะยอมรับการจำนองบ้านด้วยความสามารถและฝีมือของพวกเขา ทุกคนจะได้รับการจัดสรรบ้านหนึ่งหลังก่อนตามมูลค่าความสามารถที่นำมา จากนั้นก็จะได้รับการจัดเก็บภาษีที่ต่ำมาก

คนที่มีความสามารถแต่ไม่มีโอกาสแสดงฝีมือทั้งหมด หรือผู้ที่ถูกข่มเหงรังแก มีชีวิตโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่ง มองไม่เห็นอนาคต หรือแค่ไม่พอใจกับสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ อยากจะเปลี่ยนที่ ต้องการเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ ล้วนสามารถมาที่พั่วอวี้ได้ทั้งนั้น! พั่วอวี้ใหม่ จะให้โลกใหม่แก่พวกเขา!

ในใต้หล้า คนเช่นนี้มีมากมายนับไม่ถ้วน

ทันทีที่หนังสือแจ้งต่อใต้หล้าของจักรพรรดิแห่งพั่วอวี้ออกมา แทบจะเดือดพล่านไปทั่วทั้งใต้หล้า

ผู้คนนับไม่ถ้วนรุดหน้าไปยังพั่วอวี้ ทุ่งป่าเถื่อนของพั่อวี้ที่เคยเงียบสงบจนทำให้คนรู้สึกรกร้างไร้ที่เปรียบ ตอนนี้ระหว่างทางไปยังเมืองพั่วอวี้ก็สามารถมองเห็นผู้คนได้เป็นระยะๆ เห็นรถม้าเกวียนลาผ่านมาเป็นระยะๆ

ทุกๆคนในเมืองพั่วอวี้ก็ยุ่งจนเหมือนนิ้วเท้าไม่แตะพื้น ในเมืองพั่วอวี้ โรงเตี๊ยม ร้านค้า ภัตตาคารก็เพิ่มมากขึ้นมาไม่น้อย เพราะไม่ใช่ทุกคนจะสามารถไปลงทะเบียนที่ที่ทำการปกครองเมืองได้ในทันทีที่มาถึง จัดเตรียมเอาไว้ จำนวนคนมีมากเกินไป ต้องต่อแถวกันทุกวัน อีกอย่าง เป็นไปไม่ได้ที่คนเหล่านี้จะได้กินอาหารฟรี ดังนั้น โรงเตี๊ยมภัตตาคารเต็มหมดทุกที่

นอกเหนือจากนี้ ยังมีคนอีกสองสามประเภท คนที่อยากรู้อยากเห็น อยากจะมาดูว่าพั่วอวี้ในตอนนี้มีความเปลี่ยนแปลงไปมากมายขนาดไหนกันแน่ สายลับของแต่ละประเทศ คนที่มีหัวทางด้านการค้า ขนส่งสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีวิตจากทุกหนทุกแห่งที่พวกเขาคิดว่าขาดแคลนในพั่วอวี้มาทำการค้าขาย คนสองสามประเภทนี้ก็เยอะพอสมควร เช่นนี้ก็ยิ่งช่วยขับเคลื่อนความเจริญรุ่งเรืองของพั่วอวี้ขึ้นไปอีก

การก่อสร้างเมืองชีเพราะมีคนเข้าร่วมมากพอ และเพราะวิถีการปกครองประเทศของเฉินซ่าแข็งแกร่งมากเพียงพอ เขาให้ผลประโยชน์ ให้ความหวังกับพวกเขา แต่ว่าบทลงโทษที่เขาตั้งออกมาก็เข้มงวดมากเช่นกัน ดังนั้นเมื่อเข้าร่วมกับพั่วอวี้แล้ว คนเหล่านี้ก็จะถูกจำกัดโดยบทลงโทษพวกนี้ พวกเขาทำได้เพียงขจัดความคิดที่จะมาค้นหาดินแดนอุดมคติปราศจากสงคราม แต่ก็อุทิศตนเช่นกัน

อีกหนึ่งเรื่องหนึ่งที่เร่งความเร็วขึ้น คือการเกณฑ์ทหาร

เรื่องการเกณฑ์ทหาร ได้แต่มอบให้อิงไปดูแลด้วยตัวเอง

เฉินซ่าหารือเรื่องการกำหนดระบบการให้รางวัลและการลงโทษกับฮั่วหยูฉุนก่อน เจรจาปรับบทลงโทษ จากนั้นส่งมอบให้ฮั่วหยูฉุนไปดำเนินการ จากนั้นก็ต้องหารือกับหมอเทวดาเรื่องการก่อตั้งสำนักหมอหลวง นอกจากนี้ยังมีเรื่องการจัดตั้งโรงตั๋วเงินแห่งแคว้น ระบบข้าราชการ แต่ละเรื่องแต่ละงาน ยุ่งจนเขาแทบอยากจะมีวิชาแยกร่าง สามารถแยกร่างของตนเองออกมานับไม่ถ้วน

แต่ถึงแม้จะยุ่งขนาดนี้ ในสมองของเขา ใบหน้าของผู้หญิงบางคนกลับยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ

"นายท่าน ท่านไม่ได้หลับไม่ได้นอนติดต่อกันมาสามวันแล้ว คืนนี้พักผ่อนเร็วหน่อยเถิด?" เยว่วางฎีกาฉบับสุดท้ายที่อนุมัติเสร็จลง ตอนนี้คือก่อนหน้าการก่อตั้งประเทศ มีงานมากมายเกินไป เป็นไปไม่ได้เลยที่เฉินซ่าคนเดียวจะสามารถอนุมัติฎีกาที่กองเป็นภูเขาทุกวันนี่ให้หมดได้ ดังนั้นหลายวันมานี้เขาก็เลยมาช่วยทุกวัน

โคมไฟประกายระยิบระยับ เวลาตอนนี้ดึกมากแล้ว เงาร่างของพวกเขาสะท้อนบนขอบหน้าต่าง เยว่มองดูตั่งนอนที่อยู่ริมหน้าต่างตัวนั้น จู่ๆในสมองก็มีเรื่องในครั้งนั้นผุดขึ้นมา ภาพที่โหลชีนอนแน่นิ่งราวกับตายไปแล้วหลังจากเหนื่อยล้าสุดขีดจากแก้คำสาปราชวงศ์ซีเจียงให้กับนายท่าน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ