คนที่อยู่ในห้องนี้นอนหลับสนิทมาก เสี่ยวเป่าผลักประตูเข้าไปแล้วยังไม่มีคนรู้สึกตัว
แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้อง พวกเขาเห็นเสี่ยวเป่าเดินไปข้างเตียงเล็กหลังหนึ่ง เขย่งปลายเท้าขึ้นมา ก้มตัวลงไปอุ้มทารกจากเตียงเล็กขึ้นมาคนหนึ่ง
เฉิงสิบกับโหลวซิ่นมองดูเขาด้วยความตกใจ ทนไม่ไหวก็กำลังจะยื่นมือไปอุ้มทารกคนนั้นกลับมา แต่ว่าโหลชีกลับหยุดพวกเขาเอาไว้ นางชี้ไปทางทารกคนนั้น ส่งเสียงด้วยพลังจิต: "พวกเจ้าเห็นหน้าตาของเด็กคนนั้นไหม?"
แสงจันทร์สาดส่องเข้ามา ส่องสลัวไปบนใบหน้าของเด็กคนนั้น พวกเขายิ่งตกใจมากขึ้นเมื่อพบว่าทารกคนนั้นตื่นอยู่! ตื่นอยู่!
แต่ว่าเขากลับไม่ร้องไห้หรือส่งเสียงร้อง เพียงแค่จ้องมองเสี่ยวเป่าอยู่อย่างนั้น
ดวงตาของทารกบริสุทธิ์มาก เดิมทีมันควรจะสดใสมากใสสะอาดมาก แต่ตอนนี้ดวงตาของทารกคนนั้นที่พวกเขาเห็นกลับเป็นสายตาที่เหม่อลอย ลูกตาไม่ขยับเลยสักนิด ดูแล้วทำให้คนรู้สึกขนลุกเล็กน้อย
แต่ว่าตอนนี้จะทำอย่างไร?
โหลชีโฉบไปทางเตียงใหญ่อย่างแผ่วเบา เปิดม่านออก บนเตียงมีหนุ่มสาวนอนอยู่คู่หนึ่ง โหลชีมองดูอย่างละเอียด พบว่าพวกเขาไม่ใช่เพราะไม่ได้ยินเสียงเลยไม่ตื่น ลมหายใจของพวกเขาก็แผ่วเบามากเช่นกัน นี่เป็นเพราะเสี่ยวเป่า สาเหตุเป็นเพราะเสี่ยวเป่า พวกเขาไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้เลย
เวลานี้ นางเห็นเสี่ยวเป่าก็กัดนิ้วชี้ของตัวเองจนเป็นแผล จากนั้นก็กำลังจะยัดนิ้วชี้เข้าไปในปากของทารก
ถึงแม้นางจะอยากรู้มากว่าเสี่ยวเป่าทำเช่นนี้จะมีผลลัพธ์อย่างไร แล้วจุดประสงค์คืออะไร แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่สามารถทนดูเขาลงมือกับเด็กทารกที่อายุเพียงไม่กี่เดือนได้ ดูจากสถานการณ์นี้ ต้องไม่ใช่เรื่องดีอะไรอย่างแน่นอน นี่มันโหดร้ายเกินไปแล้ว
ใต้เท้านางไถลออกไป คนทั้งคนก็ไถลไปถึงข้างกายของเสี่ยวเป่า กางมือข้างหนึ่งออกอยู่ด้านล่าง สามนิ้วจับนิ้วชี้ที่กำลังยื่นไปทางปากของทารกน้อยนั่นของเขาเอาไว้ แล้วบีบเบาๆ ให้เลือดหยดลงในฝ่ามือของตนเอง
เป็นเช่นนั้นจริงๆ ตอนที่นางทำสิ่งเหล่านี้เสี่ยวเป่าไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด ในสายตาของเขาเหมือนไม่เห็นนางเลยด้วยซ้ำ การกระทำพวกนี้อาจจะแค่เคยทำมาก่อนดังนั้นเลยกลายเป็นนิสัยติดตัวไป
เขาคงนึกว่าทารกดูดเลือดของเขาแล้ว ดังนั้นเลยวางเขาลงไปบนเตียงอีกครั้ง จากนั้นก็เดินกลับไปทางเก่า แล้วเดินกลับไปยังโรงเตี๊ยมตลอดทาง ปีนขึ้นไปชั้นสอง จากนั้นก็กลับขึ้นไปบนเตียงแล้วก็นอนหลับไป
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เสียงลมหายใจของเขาก็กลับมาเป็นปกติ
เฉิงสิบกับโหลวซิ่นที่เดินตามมาตลอดทางมองหน้ากัน รู้สึกว่านี่มันน่าเหลือเชื่อมาก
เช้าวันรุ่งขึ้นตื่นมา เสี่ยวเป่ารู้สึกแค่ว่าเหนื่อยมากเหนื่อยมากๆ ร่างกายไม่มีเรี่ยวแรง แต่กลับนึกอะไรไม่ออกเลยสักนิด โหลวซิ่นถามเขาว่าเมื่อคืนนอนหลับสบายไหม เขายังตอบว่าสบายดี
โหลชีทิ้งโหลวซิ่นกับเฉิงสิบให้คอยดูเขาเอาไว้ที่โรงเตี๊ยม ส่วนตนเองก็ไปที่บ้านหลังที่ไปเมื่อคืนนั่นอีกครั้ง เด็กคนนั้นเป็นไข้ แต่มีแค่ไข้ต่ำๆเท่านั้น ไม่ได้เป็นอะไรมาก ดวงตาก็กลับมาสดใสบริสุทธิ์แล้ว
แต่ไม่รู้ว่าหากเขาได้ดูดเลือดนั่นของเสี่ยวเป่าแล้วจะเป็นอย่างไร
โหลชีตัดสินใจไปหาสัตว์อะไรสักตัวหนึ่งมาทดลองดู
แต่ว่านางยังไม่ทันได้ไปหา เซียวฉิงก็หานางเจอ
"คุณชายเจ็ด หาท่านเจอเสียที"
"มีอะไรหรือ?" นางไม่สามารถช่วยอะไรเรื่องการหลอมในตระกูลเซียวได้ ตอนนี้เซียวฉิงรีบร้อนมาหานาง หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น? มองไปที่เซียวฉิงอีกครั้ง ชายหนุ่มที่เดิมทีหน้าตาหล่อเหลา นี่ไม่เจอกันแค่สามวัน ใบหน้าผอมโทรม รอยคล้ำใต้ตาทั้งสองข้างเข้มกว่าสมบัติของชาติเสียอีก คนทั้งคนดูเหมือนถูกสกัดจนเหี่ยวแห้ง ริมฝีปากก็ลอกเป็นขุย
"คุณชายเจ็ด เร็ว รีบตามข้ากลับจวนเร็ว แส้ของท่านทำเสร็จแล้ว!" เวลานี้ในดวงตาของเซียวฉิงถึงเพิ่งจะเผยความตื่นเต้นสุดขีดแบบหนึ่งออกมา
โหลชีก็ดีใจเช่นกัน "ทำเสร็จแล้วหรือ? ไป ไป ไป"
นางต้องกลับไปดู กลับไปดูหน่อย นี่มันเป็นอาวุธของตัวนางเองเลยนะ!
เพราะว่าทั้งสองใจร้อน บนถนนสายหลักก็ใช้วิชาตัวเบาเลย แต่ไม่ช้าเซียวฉิงก็พบว่าตนเองตามไม่ทันแล้ว ชั่วครู่เดียวก็ไม่เห็นเงาร่างของโหลชีแล้ว เขาอดที่จะยิ้มเจื่อนไม่ได้ คนเราเปรียบเทียบกันไม่ได้จริงๆ
หลายวันมานี้เซียวหั่วไม่หลับไม่นอน พาลูกชายสองคนและลูกศิษย์อีกสองสามคนอุทิศตนอยู่กับการหลอมอาวุธวิเศษ ใช่แล้ว เขามีลางสังหรณ์ เขามีลางสังหรณ์ ครั้งนี้จะต้องทำอาวุธวิเศษออกมาสองเล่มอย่างแน่นอน
เหล็กดำน้ำแข็งพันปีบวกกับจิ้งจอกแสงจันทร์ม่วง วัสดุในการหลอมที่ขัดต่อวิถีสวรรค์เช่นนี้ หากว่าเขาไม่สามารถสร้างอาวุธวิเศษออกมาได้ เช่นนั้นยังไม่สู้ใช้ความตายขอขมาต่อผู้คนในใต้หล้าดีกว่า!
อีกอย่าง สมบัติที่หายากที่สุดในใต้หล้าราชาเถาทองดำ บวกกับผังออกแบบที่ประณีตยอดเยี่ยดหาที่เปรียบไม่ได้ หากเขายังไม่สามารถสร้างอาวุธวิเศษออกมาได้ เช่นนั้นเขาควรจะฆ่าตัวตายต่อหน้าโหลชีไปเลย
เซียวฉิงกับเซียวชงสองคนก็กลั้นหายใจเอาไว้เฮือกหนึ่ง เนื่องจากการทรยศหักหลังของพี่ใหญ่พวกเขา ทำให้พวกเขาสองคนพี่น้องรักใคร่กลมเกลียวกันมากขึ้น
จะต้องทำให้ดี จะต้องทำให้ดีที่สุด พวกเขาจะทำให้คนเนรคุณคนนั้นได้เห็น ว่าพวกเขาต่างหากที่เป็นตระกูลเซียว เป็นตระกูลเซียวที่ได้รับการยกย่องจากผู้คนมาเป็นร้อยปี ตระกูลเซียวปรมาจารย์แห่งโรงหล่อ!
คนคนนั้นก็แค่ขโมยเกียรติยศของพวกเขาไปก็เท่านั้น!
แส้ทำเสร็จก่อนก้าวหนึ่ง นั่นเพราะเดิมทีก็มีผังออกแบบที่ประณีตยอดเยี่ยมอยู่แล้ว แต่กระบี่ล้ำค่ายังต้องผ่านการตีขึ้นรูปอีกนับครั้งไม่ถ้วน
เตาหลอมสองเตาอยู่ด้วยกัน คนที่เติมไฟคือบรรดาลูกศิษย์ที่เซียวหั่วรับเอาไว้ในช่วงหลายปีมานี้ ถึงแม้พวกเขาจะไม่ใช่ลูกบุญธรรมของเขา แต่นอกเหนือจากเทคนิคเฉพาะที่สำคัญที่สุดแล้ว ความรู้อย่างอื่น เซียวหั่วก็ถ่ายทอดให้พวกเขาจนหมด ขอแค่พวกเขาตั้งใจเรียนรู้ หลังจากที่สำเร็จการฝึกฝนแล้ว พวกเขาสามารถหาเลี้ยงครอบครัวได้ด้วยงานฝีมือทางด้านนี้อย่างแน่นอน หากว่าตนเองมีความจำดีและเข้าใจถ่องแท้ ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสในการมีชื่อเสียงขึ้นมาได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ