และเมื่อบุคคลที่นางคิดว่าเป็นภาพลวงตา จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าต่อตาตัวเอง นางจะไม่กลัวได้อย่างไร? ในขณะนี้แม้ว่าภายนอกโหลชีจะสงบมาก แต่หัวใจของเขาเหมือนมีพายุในใจ
นางอดไม่ได้ที่จะถาม "เจ้าคือ……ฮั่วหยูฉุน?"
แต่ละรูปภาพของนักพรตเลวจะลงชื่อเป็นเครื่องหมายด้วย ถ้าคนคนนี้มีชื่อนี้จริงๆ หรือว่า……ถ้าไม่ใช่เขา อาจเป็นแค่บังเอิญหน้าตาเหมือนกันได้
"ดูเหมือนว่า ข้าก็มีชื่อเสียงอยู่บ้าง แม่นางโหลเพิ่งมาพั่วอวี้วันหนึ่งก็รู้จักข้า?"
นี่ ชื่อฮั่วหยูฉุนจริงๆ
เป็นไปได้ว่า คนที่นักพรตเลวเคยวาดเหล่านั้น ดำรงอยู่ในชีวิตจริง? ทุกคนมาจากในโลกนี้หรือ?
นักพรตเลวเป็นคนที่นี่รึ?
เขาข้ามภพไปสู่ยุคสมัยใหม่หรือ?
นางตกใจกับการคาดเดาสิ่งเหล่านี้ เกือบทำให้นางอยากข้ามภพกลับไปเพื่อสอบถามนักพรตเลวทันที ในสมองมีภาพเหมือนที่เขาเคยวาดแวบขึ้นมา บทตำนานประหลาดที่เขาแต่งขึ้นมา ค่ายกลและเวทมนตร์ที่เขาเคยสอนให้นาง สิ่งที่ไม่มีใครเคยเห็นไม่มีใครเป็นในยุคปัจจุบัน ใบหน้าของโหลชีหมองคล้ำขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เด็กนางเป็นคนที่ฉลาด และรู้วิธี อุปมาเปรียบเทียบ ในตอนนี้สิ่งที่นางคิด ทำไมนักพรตเลวต้องรับเลี้ยงนาง? ทำไมต้องสอนนางสิ่งเหล่านี้? นางมาที่นี่โดยบังเอิญ หรือมีเล่ห์นัยอย่างอื่น?
เมื่อคิดถึงสิ่งเหล่านี้ โหลชีก็รู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย ตลอดเวลานักพรตเลวรู้อยู่เสมอว่านางกลัวปัญหา และตอนนี้นางถอนตัวออกจากวงการและใช้ชีวิตกินอยู่วันๆ หากนางรู้ว่าการมาที่นี่เกี่ยวข้องกับเขาจริงๆ ก็อย่าโทษที่นางจะสาปแช่งด่าเขาไปหลายชั่วอายุคนไม่ให้ได้กินสิ่งที่ชอบ!
"เรื่องอื่นอย่าพึ่งพูด ข้าอยากทานข้าว" นางนั่งลงบนเก้าอี้พิงทรงกลม เหยียดขาทั้งสองข้าง เอามือทั้งสองข้างกุมท้อง เขย่งเท้า ลักษณะเหมือนคนขอทานและกำลังพาลหาเรื่อง
ฮั่วหยูฉุน อยู่ในประเภทที่นักพรตเลวว่าดีกับนาง ในแง่นี้ นางยังคงเชื่อในนักพรตเลว ดังนั้น ฮั่วหยูฉุนไม่ใช่ศัตรู เชื่อใจได้แน่นอน
ความรู้สึกนี้ไม่สามารถพูดได้ว่าดีหรือไม่ดีโหลชีบ่นในใจ นี่ถือเป็นการเปิดโปรให้นางรึ?
"แม่นางโหลบอกข้าก่อนดีกว่า ว่าเจ้าค้นพบรูสังเกตการณ์นั้นได้อย่างไร?"
"ถ้าข้าบอกว่าสัญชาตญาณของข้าแม่นยำมาก ตรงไหนมีสายตาจ้องมองข้าก็จะรู้สึกได้ เจ้าเชื่อหรือไม่?" โหลชีเหล่ตาเหลือบมองเขา
ฮั่วหยูฉุนผงะไปครู่หนึ่ง แล้วหัวเราะ "นี่คือเหตุผลรึ?"
"มิฉะนั้น เจ้าคิดว่ามันคืออะไร?" โหลชียักไหล่ "เจ้าจะถามอะไรอีก ก็ต้องรอให้ข้ากินข้าวก่อน ข้าจะหิวตายอยู่แล้ว"
ฮั่วหยูฉุนไม่เคยเห็นผู้หญิงอะไรที่อ้าปากก็ขอข้าวกิน และไม่สนใจท่านั่งของตัวเอง ดูเหมือนว่านางจะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขาเคยเห็น
และนางไม่กลัวเขาเลยแม้แต่น้อย นิสัยที่คุ้นเคยกันเช่นนี้เรียนรู้มายังไง
"มานี่ จัดอาหารมา!"
โหลชีอารมณ์ดีขึ้นทันที "เจ้าเป็นคนที่ดีจริงๆ ฮั่วหยูฉุน!"
ขณะที่โหลชีกำลังกินเนื้อคำใหญ่อยู่ในหน่วยโทษทัณฑ์คนเดียว หัวหน้าผู้คุ้มฮั่วก็รีบไปที่ตำหนักสาม
เฉินซ่ากำลังนั่งอยู่ในห้องหนังสือ บนโต๊ะด้านหน้า มีชิ้นส่วนที่แตกสานสองสามชิ้น หลังจากฟังหัวหน้าผู้คุ้มฮั่วรายงานแล้วเขาเงียบไปเป็นเวลานาน ขณะที่หัวหน้าผู้คุ้มฮั่วคิดว่าเขาจะปฏิเสธคำขอร้องของเขา เขาก็พูดอย่างเคร่งขรึม
"สิบวันนี้นางจะอยู่ที่นั่น เจ้าอยากทำอะไรก็ทำ ข้าขอเตือนเจ้า คนที่จับมาได้ก่อนหน้านี้ พานางไปพบได้"
หัวหน้าผู้คุ้มฮั่วผงะไปครู่หนึ่ง แต่แล้วเขาก็นึกถึงบางสิ่ง ทันใดนั้นสีหน้าเคร่งขรึม ก้มหัวลงและพูดว่า "ข้าเข้าใจแล้ว"
ระหว่างทางกลับ ยังได้ยินคนใช้กระซิบกันเกี่ยวกับเรื่องที่สาวใช้ทุกคนเคยอิจฉาอิจฉาริษยาแม่นางโหล ชั่วพริบตาก็ถูกนำไปขังในคุก บ้างก็ยินดีเปรมปรีดิ์ บ้างก็หวาดหวั่น บ้างก็มีความสุขบนความทุกข์ผู้อื่น แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยังคงเหมือนกัน นั่นคือโหลชีไม่เป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทแล้ว
หัวหน้าผู้คุ้มฮั่วเยาะเย้ยอย่างลับๆ
สาวใช้ที่มีสมองงี่เง่าเหล่านี้วันๆ คิดแต่จะเข้าไปในตำหนักสามเท่านั้นจะไปเข้าใจความคิดของฝ่าบาทได้อย่างไร?
เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทคาดการณ์ไว้แล้วเมื่อโหลชีเข้าไปในคุกน้ำจะต้องดึงความสนใจจากเขาทันที และเรื่องที่เขามาขอร้องก็อยู่ในการคาดการณ์ของเขา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จุดประสงค์ในการจับโหลชีเข้าคุกนั้นไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
คราวนี้เขาพูดถึงคนที่เขาเคยจับมาก่อนหน้านี้ แม้แต่เขาและหมอเทวดายังไม่มีวิธี เป็นไปได้ไหมที่นางมีวิธี?
หลังจากที่หัวหน้าผู้คุ้มฮั่วจากไป แววตาของเฉินซ่าก็มองไปที่เศษสิ่งของนั้น เดิมทีเขามีอารมณ์เสียใจสุดๆ สิ่งของที่ได้เก็บรักษาไว้อย่างดีมาหลายปี ถึงกับพังทลายลงในคราวเดียว ดูเหมือนว่าความคิดถึงของเขาหาที่ยึดเหนี่ยวอีกแล้ว
แต่หลังจากที่ฮั่วหยูฉุนมาแล้ว ฟังเรื่องราวที่โหลชีกระทำในคุกน้ำ ชั่วขณะเขาได้ทิ้งอารมณ์ที่เศร้าโศกไปชั่วคราว
การคาดเดาของฮั่วหยูฉุน อันที่จริงประเมินค่าเขาสูงเกินไปจริงๆ ในชั่วขณะที่เขาออกคำสั่งนำโหลชีไปขังในคุกน้ำ เขาคิดว่าในสถานการณ์เช่นนั้นอยากรู้ว่านางจะแสดงปฏิกิริยาอะไรออกมา แต่เขาคาดไม่ถึงว่าพึ่งเข้าไปแค่หนึ่งชั่วโมงกว่า นางสามารถทำให้คนซึ่งไม่เคยอ้อนวอนใคร และผู้ที่ซึ่งไม่เคยสนใจใครเลยต้องมาที่ตำหนักสามอย่างเร่งรีบ เพื่อขอร้องอ้อนวอนให้นาง
แน่นอนคนอย่างฮั่วหยูฉุนไม่เคยขอร้องใคร และพูดอย่างเฉยเมย "แม่นางโหลเป็นคนที่ประสาทไหวมาก ในระหว่างการคุมขัง ข้าน้อยสามารถพานางไปดูที่คุกอื่นๆ บางทีนางอาจค้นพบช่องโหว่ที่ข้าน้อยไม่รู้"
ปกติฮั่วหยูฉุนจะเป็นคนที่มีความมั่นใจมากๆ ทุกวันจะศึกษาแต่เรื่องพวกนี้ และเชื่อว่าไม่มีใครสามารถเทียบเขาได้ แค่ช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้คลุกคลีกับโหลชีก็พูดชื่นชมนางมาก
นี่เป็นการพิสูจน์อีกครั้งว่า สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นเก็บซ่อนและปิดบัง ยังมีอีกมากมาย
โหลชีไม่รู้ว่าในขณะที่ตัวเองทานข้าวฮั่วหยูฉุนได้ไปหาเฉินซ่า แต่เมื่อนางทานอิ่มแล้ว และเสนอที่จะกลับไปที่ห้องขัง เขาก็กลับมาอีกครั้ง ไม่ได้ให้นางกลับไปที่ห้องขัง แต่กลับพานางเดินรอบๆ เพื่อย่อยอาหาร
การย่อยอาหาร?ติดคุกยังมีเรื่องแบบนี้ด้วยรึ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ