เฉินซ่าขมวดคิ้วแล้วมองดูกิ้งก่าตัวนั้น ได้ยินคำพูดของนางก็เงยหน้าขึ้นมาชำเลืองไปอย่างแผ่วเบา "หรือจะเรียกคุณพี่ของได้"
"ไม่เรียก" โหลชีเบือนหน้าออกไป คุณพี่เมียจ๋าอะไรนั้น ทำไมรู้สึกว่ากำลังร้องงิ้วอยู่เลย
เฉินซ่าเข้ามาใกล้นาง จู่ๆก็ยกกิ้งก่านั้นขึ้นมา "เจ้าดูสิ เจ้าตัวนี้ยังไม่ตาย"
โหลชีได้ยินก็ตกตะลึง รีบหันกลับมาอย่างรวดเร็ว คิดไม่ถึงว่าเฉินซ่าจะก้มหน้ารออยู่ เมื่อนางหันกลับมาก็เหมือนกับส่งให้ถึงที่ ริมฝีปากทั้งคู่สัมผัสกันเบาๆ พอดีอย่างหาที่เปรียบไปได้
เฉินซ่ารู้สึกว่าโลกช่างสวยงามในทันที
อัดอั้นความขุ่นเคืองและความโกรธมาทั้งวัน จางหายกว่าครึ่งไปเช่นนี้อย่างแปลกประหลาด เขารู้สึกไม่เข้าใจเล็กน้อย เพราะอะไรถึงเป็นเช่นนี้ได้? เพราะความใกล้ชิดสนิทสนมที่อ่อนโยนนี้ อารมณ์ของเขาดีมาก แต่ก็เพราะความรู้สึกอธิบายไม่ถูกที่เปลี่ยนแปลงในชั่วพริบตาเดียวแบบนี้ทำให้รู้สึกมึนงงเล็กน้อย ดังนั้นการแสดงออกทางสีหน้าของฝ่าบาทผู้ยิ่งใหญ่ในตอนนี้ดูแปลกมาก
โหลชีก็รู้สึกยุ่งเหยิงเล็กน้อย สาเหตุหลักคือนางคิดไม่ถึงจริงๆว่าเฉินซ่าจะมาไม้นี้!!!
นี่ไม่ใช่สิ่งที่มีแต่พวกผู้ชายที่คุ้นเคยกับการทำเรื่องโรแมนติกทำกันหรอกหรือ? ให้ฝ่าบาทที่เลือดเย็นและยังน่าเบื่อมาทำ ไม่ว่าอย่างไรนางก็ตอบสนองกลับมาไม่ได้
ทั้งสองรักษาท่าทางเช่นนี้เอาไว้โดยไม่ขยับนานพักใหญ่
จากนั้นหลังจากเฉินซ่าได้สติกลับมาก็อ้าปากเผยให้เห็นฟันขาวแล้วกัดไปบนริมฝีปากของนางหนึ่งที กัด...ลงไปหนึ่งที! กัด! ไม่แรง แต่มันก็เพียงพอที่จะทิ้งรอยฟันเอาไว้บนริมฝีปากของนาง และมันก็เจ็บแน่นอนอยู่แล้ว
โหลชีที่เพิ่งจะถูกความอ่อนโยนของเขาทำให้ตกตะลึงยังไม่สามารถตอบสนองกลับมาได้เลย การกระทำต่อมาของเขากลับเป็นการกัดนาง เป็นการกัดนาง! ริมฝีปากเจ็บเล็กน้อย ทำให้นางผลักเขาออกในทันที จ้องมองเขาด้วยความโกรธแล้วด่าว่า: "ท่านแม่งเกิดปีหมาหรือ?"
แม่งเอ้ย ถ้าจะโรแมนติกก็ทำตามเวอร์ชั่นปกติดีๆไม่ได้หรือ? หลังจากจูบนางแล้วควรจะพูดอะไรที่มันอ่อนโยนแบบประมาณว่า "ชีชี ข้าชอบเจ้ามากเลย" คำหวานอะไรทำนองไม่ใช่หรือ?
หลังจากนั้นก็กัดคนมีที่ไหนกัน!
มีเช่นนี้ที่ไหนกัน!
นางไม่ยอม ไม่ยอม! อยากคำรามออกมาคำหนึ่ง: เฉิงสิบโหลวซิ่น! ลากคนลงไปสั่งสอน!
ดวงตาเฉินซ่าลึกล้ำ มุมปากกลับเกี่ยวรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ยื่นมือออกไปแล้วใช้ปลายนิ้วลูบผ่านรอยฟันบนริมฝีปากของนาง กล่าวเสียงเบาว่า: "เช่นนี้ ดูสิว่าใครยังกล้ามาแย่งกับข้าอีก"
โหลชี: "......"
หันกลับไป กลับเห็นครั้งนี้ทุกคนไม่ได้ดึงหญ้ากันแล้ว แต่กำลังเด็ดดอกไม้ เด็ดเอาเด็ดเอา เดิมทีดอกไม้ไม่กี่ดอกที่เหลืออยู่บนต้นนั้นถูกพวกเขาเด็ดออกไปจนหมด
เยว่กวาดตามองมาด้วยสายตาตำหนิ ราวกับกำลังกล่าวหาว่าก่อนจะทำงานใหญ่สำคัญพวกเขายังมัวแต่จู๋จี๋กันอย่างสบายอารมณ์กันอยู่อีก ลูกนิลดำกำลังจะถูกคนเด็ดไปแล้วนะ----
ถุย! จู๋จี๋บ้าบอสิ นางเป็นเหยื่อที่ถูกกัดนะ!
"อะแฮ่ม!" นางกระแอมไอในลำคอ ตัดสินใจมองข้ามเรื่องนี้ไป "ท่านบอกว่ากิ้งก่าตัวนี้ยังไม่ตาย?"
นางมองไปทางกิ้งก่าในมือของเขาตัวนั้น เวลานี้ถึงได้พบว่าด้านล่างคอของมันมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย
ยังไม่ตายจริงๆด้วย!
"หมดสติไป" เฉินซ่าชูมันขึ้นมาตรงหน้านาง
"ถือเอาไว้นิ่งๆ ข้าดูหน่อย" งูเอยแมลงเอยผีดิบเอยอะไรพวกนี้ โหลชีไม่ชอบทั้งนั้น ไม่ชอบและกลัวมาแต่กำเนิด ไม่มีทางแล้วจริงๆ ในตอนที่ชีวิตนางถูกคุกคามนางสามารถที่จะฆ่าได้ แต่หากไม่แตะได้ก็จะพยายามไม่แตะ เลี่ยงได้ก็จะพยายามเลี่ยง
นางดึงเข็มเงินออกมาเล่มหนึ่ง เจาะเข้าไปในคอของกิ้งก่าตัวนั้นอย่างรวดเร็ว เมื่อดึงออกมาดู ไม่ได้เห็นว่ามันเปลี่ยนเป็นสีดำสีฟ้า แต่กลับเป็นสีชมพูชั้นหนึ่งแทน
เฉินซ่าขมวดคิ้วเล็กน้อย "นี่คืออะไร?"
โหลชีกล่าว: "ตัวยาที่มีคุณสมบัติหลอนประสาทบางครั้งก็ทำให้เกิดเป็นสีที่หลากหลาย" แต่สีชมพูที่ดูสวยเช่นนี้ นางยังไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ
ดูท่า จะไม่ใช่พิษร้ายแรง แต่ว่าข้อสรุปนี้นางไม่กล้าด่วนสรุปเร็วเกินไป ก็เพราะที่นี่ดูแปลกมาก และตอนนี้นางก็ยังไม่รู้ชัดเจน ดังนั้นนางยินยอมที่จะช้าลงหน่อย ทำให้มันชัดเจนก่อนหรือไม่ก็ระวังหน่อยแล้วค่อยไป แต่ไม่ใช่บุ่มบ่ามก้าวเข้าไปในเขตอันตราย
ลูกนิลดำสำคัญหรือชีวิตสำคัญ?
ก็ได้ สำคัญทั้งสองอย่าง แต่ก็ต้องรักษาชีวิตเอาไว้ก่อน ถึงจะสามารถไปเอาของได้
เฉินซ่ามองดูครู่หนึ่ง กล่าวว่า: "กิ้งก่าพวกนี้ดูเหมือนกำลังเร่งวิ่งออกจากพุ่มดอกไม้ทางนั้นไปทางดอกไม้ที่อยู่ข้างหน้าต้นนั้น"
พวกเขาเดินเข้าไป ประหลาดใจเมื่อเห็นว่าบนดอกไม้ต้นนั้นมีกิ้งก่าที่มีชีวิตชีวาอยู่อีกหลายตัว "เจ้าพวกนี้ทำไมถึงไม่เป็นไรล่ะ?"
ในสมองของโหลชีก็นึกขึ้นได้ทันที: "ข้ารู้แล้ว ดอกไม้ที่อยู่ทางโน้นถูกทำลายไปหมดแล้ว พวกมันไม่มีทางเลือก เลยได้แต่คลานมาทางด้านนี้ แต่ระหว่างทางยืนหยัดต่อไปไม่ไหว เลยหมดสติไป และเจ้าพวกนี้ก็คลานค่อนข้างเร็วกว่า ดังนั้นก็เลยไม่เป็นไร"
เยว่เดินเข้ามา ได้ยินคำพูดก็กล่าวขึ้นมาอย่างประหลาดใจ: "ความหมายของเจ้าคือ ดอกไม้พวกนี้สามารถต้านทานฤทธิ์ของยาประเภทนั้นได้?"
โหลชีพยักหน้า "อีกอย่าง ก่อนหน้านี้ฤทธิ์ของยาประเภทนั้นน่าจะไม่ได้มีอยู่ตลอด มิเช่นนั้นกิ้งก่าพวกนี้คงไปอาศัยอยู่ที่อื่นนานแล้ว ไม่อาศัยอยู่ที่นี่ตลอดหรอก อาจจะเป็นไปได้ว่าสองสามวันมานี้ทางด้านนั้นมีบางอย่างปรากฏขึ้นมาทำให้เกิดเป็นกลิ่นหอมยาสลบขึ้นพอดี กิ้งก่าเลยหาที่หลบภัยชั่วคราวเช่นนี้ได้" นางกล่าวพร้อมชี้ไปที่ดอกไม้ที่ใหญ่เท่าชามยักษ์
"แล้วคนที่เข้าไปก่อนหน้านี้ทำไมถึงไม่เป็นไร?" ตู้เหวินฮุ่ยก็อดถามไม่ได้เช่นกัน
โหลชีกลอกตา: "เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาไม่เป็นไร? กิ้งก่ามันตัวเล็ก ความสามารถในการต้านทานต่อฤทธิ์ยาอาจจะน้อยกว่ามาก ดังนั้นดมไปนิดหน่อยก็เสียท่าแล้ว แต่คนที่เข้าไปล้วนเป็นผู้ฝึกวิทยายุทธทั้งนั้น สูดดมเข้าไปเล็กน้อยอาจจะไม่เป็นไร แต่พวกเจ้าอย่าลืมนะ กลิ่นหอมยาสลบมันลอยมากับลมจากทางด้านนั้น อยู่ที่นี่อาจจะไม่เป็นไร แต่หลังจากที่เข้าไปแล้วล่ะ? หากหลังจากที่เข้าไปแล้วก็ถึงสถานที่ที่ก่อเกิดกลิ่นหอมยาสลบพอดีล่ะ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ