ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 272

"ข้ารู้"โหลชีพูดเสียงต่ำ นางไม่โทษตัวเอง นางไม่เคยทำเรื่องที่ไม่คุ้มค่าอยู่แล้ว แค่เสียใจนิดหน่อย

ที่จริงนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนตายอยู่ใกล้นาง ในยุคนี้ก็เคยมี เพียงแต่ว่านางไม่เต็มใจจะจดจำ แต่ว่าหลังจากตอนนั้น นางมักจะพยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว โดยหวังว่าตัวเองจะแข็งแกร่งขึ้นอีกหน่อย เผื่อเวลาเผชิญหน้ากับอันตรายจะได้เอาชีวิตรอดได้บ้าง

แต่ว่านี่มันเป็นอีกโลกหนึ่ง นางไม่รู้จักพิษแบบนี้จริงๆ! ในตอนแรกนางก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ และมีลางสังหรณ์ไม่ดีมาตลอด ดังนั้นนางจึงรั้งอยู่ข้างนอกเป็นเวลานานหวังว่าจะได้ตรวจสอบอะไรให้ชัดเจนขึ้นอีกหน่อย เมื่อเข้าใจอะไรมากขึ้นถึงได้ตามมา

ใครจะไปรู้ว่าเกิดเรื่องขึ้น

"กิ้งก่าเปลี่ยนสีพวกนั้นก็เป็นกิ้งก่ากลายพันธุ์เหมือนกัน พวกมันล้วนแต่มีพิษ แต่ว่าการถูกพวกมันกัดก็อาจจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรแต่หลังจากสูดดมกลิ่นหอมของดอกไม้ยักษ์ในป่าหินเข้าไป ทั้งสองอย่างก็มีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกันแล้วเปลี่ยนเป็นพิษอีกชนิดหนึ่ง ผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังเองก็เคยถูกกิ้งก่ากลายพันธุ์กัดที่หน้าอก อาจจะเป็นเพราะอย่างนี้ พิษของนางจึงได้กำเริบเร็วขึ้นและหนักขึ้น"

โหลชียังจำได้ดีว่าตอนที่คนพวกนั้นถูกกัดพวกเขากระโดดโลดเต้น และผู้หญิงคนนี้ก็ถูกกัดที่หน้าอก หลังจากนั้นผู้ชายพวกนั้นยังจะมาสร้างเรื่องอีก

คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงชั่วพริบตานางก็กลายเป็นแบบนั้น

พิษชนิดนั่นจะเข้าไปทำลายสมอง และจู่โจมส่วนของความทรงจำ ทำให้คนกลายเป็นคนโหดร้ายและกระหายเลือด เมื่อพิษแล่นเข้าสู่ดวงตาและกัดกร่อนลูกตา ดังนั้นจึงทำให้พวกเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียว

ทันใดนั้น หลูต้าลี่ก็เข้ามาและพูดกับนางอย่างจริงจัง"แม่นาง หลังจากนี้ข้าจะเชื่อฟังท่าน"เขาจะไม่ใช้สมองคิดอะไรอีก แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์เมื่อสักครู่เขาก็ตกใจ เมื่อคิดได้ว่าตัวเองเป็นคนแรกที่เอ่ยปากถามว่าจะช่วยคนพวกนั้นหรือไม่ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองโง่มาก ไม่รู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ แต่เขาตัดสินใจแล้ว ต่อจากนี้แค่ฟังโหลชีก็ดีแล้ว ฟังแค่นางก็ถูกแล้ว

"ดี"โหลชีก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีก พูดแค่ว่า"เจ้ากลับไปแบกเฉิงสิบสักประเดี๋ยว"

ตอนแรกที่เฉิงสิบเข้าไปดูผู้หญิงคนนั้นเขาก็ถูกนางกัด แต่เขารีบใช้แขนขวางไว้อย่างรวดเร็ว จึงไม่ถูกพิษมาก ดังนั้นโหลชีจึงช่วยกำจัดออกได้ทัน

หลูต้าลี่รับคำสั่งแล้วจากไป

การแสดงออกของถูเปินและคนอื่นๆยังคงงุนงง ยังไม่สามารถฟื้นตัวจากการโจมตีที่ทำให้สูญเสียพี่น้องทั้งสองคนไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าลิงที่โทษตัวเองอย่างหนัก เพราะซือเอี๊ยและถูเปินต้องการเตือนไม่ให้เจ้าซื่อเข้าไปช่วยผู้หญิงคนนั้น เป็นเขาที่ช่วยเจ้าซื่อพูด เป็นเขาที่สนับสนุนให้เจ้าซื่อไปอุ้มผู้หญิงคนนั้นออกมา

เมื่อก่อนเสี่ยวโฉวเคยติดตามซวนหยวนเขาก็มีประสบการณ์และความกล้าหาญอยู่บ้าง แต่ว่าตอนนี้กลับทำได้เพียงปลอบโยนเบาๆไม่กี่คำเท่านั้น ช่วยอะไรไม่ได้มาก

เพียงแต่ว่าเวลานี้ ในสถานที่แบบนี้ ไม่มีเวลามากพอให้พวกเขามาเสียใจ เขายังต้องรีบเร่งเดินทาง แต่ว่าข้างหน้าก็ยังมีเหตุร้ายอยู่

"คุณชายช่วยด้วย!"ด้านหน้าเซียวหยงกรีดร้องอย่างตกใจ นางวิ่งจนสะดุดล้ม ดูลำบากไม่น้อย ผมเผ้าก็กระจัดกระจาย เครื่องประดับทองและของล้ำค่าที่ใส่มาตอนแรกก็ไม่รู้ว่าหายไปไหน ชุดของนางก็ทั้งขาดและสกปรก 

นางเห็นเยว่ยืนอยู่บนก้อนหินจากไกลๆ ก็จำได้ว่าชายหนุ่มรูปงามคนนี้เป็นองครักษ์คนนั้น ทันใดนั้นจึงได้ร้องเรียกเขา

"ให้พวกเขาเข้ามา แล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น"เยว่พูดกับตู้เหวินฮุ่ย

เพราะว่าเรื่องที่น่ากลัวก่อนหน้านี้ ทั้งยังเห็นศพลอยอยู่ในแม่น้ำข้างหน้า พวกเขาจึงคิดในใจว่าต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก

ตู้เหวินฮุ่ยพยักหน้า ฟังคำของเยว่แล้วพูดว่า "สังเกตให้ดีว่าร่างกายของพวกเขามีบาดแผลหรือไม่หรือดวงตาเปลี่ยนสีรึเปล่า"น่ากลัว น่ากลัวจริงๆ

"ขอรับ"

คนสี่คนที่กลับมา สามคนเป็นชายที่มีวิชาตัวเบาไม่เลว มีเพียงเซียวหยงคนเดียวที่เป็นผู้หญิง นอกจากนี้ยังมีผู้หญิงอีกคนที่พอมีวรยุทธ์อยู่บ้าง นี่ทำให้ผู้คนสับสนอยู่เล็กน้อย

โดยทั่วไป คนกลุ่มหนึ่งที่ไม่รู้จักกัน แล้วยังชิงดีชิงเด่นกัน อีกทั้งยังมีผู้หญิงที่วิ่งช้าที่สุดและไม่มีวรยุทธ์อะไรเลยจะต้องเป็นคนแรกๆที่ถูกทอดทิ้งอย่างแน่นอน สามคนนี้ก็ไม่ใช่องครักษ์ของตระกูลเซียวด้วย ทำไมถึงพาเซียวหยงกลับมาด้วยกันได้?

เมื่อตู้เหวินฮุ่ยเห็นว่าพวกเขาไม่มีปัญหาอะไรก็ปล่อยให้พวกเขาเข้ามา เมื่อวิ่งผ่านก้อนหินก้อนนั้น เซียวหยงก็เห็นโหลชี เฉินซ่า และคนอื่นๆนางถึงผ่อนคลายลง คนอื่นๆล้มลงกับพื้นแล้วร้องไห้

โหลชีเห็นดังนั้นนางก็ถึงกับพูดไม่ออก อดไม่ได้จึงถามไปว่า"คุณหนูห้าเซียวในเมื่อเจ้าไม่มีความกล้าหาญและวรยุทธ์ ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ในสถานที่ที่อันตรายเช่นนี้"

เซียวหยงเป็นสตรีที่เก่งในการหาเรื่องใส่ตัวมาตลอด ในสถานการณ์ที่อันตรายเช่นนี้นางก็ยังจะเดินอยู่บนเส้นทางแห่งความตายอยู่อีก เมื่อได้ยินที่โหลชีพูด นางก็คิดว่าโหลชีกำลังเยาะเย้ยนาง กำลังสบประมาทนาง แล้วยังพูดต่อหน้าชายที่นางชอบอีก นี่มันไม่ไว้หน้านางสักนิด! อีกอย่างนางก็รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันก็น่าขายหน้ามากพอแล้ว ตอนนี้ความโกรธทั้งหมดอยู่ที่โหลชีแล้ว

นางเงยหน้าขึ้นและจ้องไปที่โหลชี แล้วตะโกนอย่างโกรธเคืองว่า"ข้าจะมาที่นี่ทำไมเกี่ยวอะไรกับเจ้า?เจ้ามีความกล้าหาญ มีวรยุทธ์ ข้าดูแล้วเจ้าเองก็พึ่งพาคุณชายให้ปกป้องเจ้า!ผู้ชายคนหนึ่งที่ดูผุดผ่องขนาดนี้ ตลอดทางเจ้าล่อลวงผู้ชายเท่าไรให้เชยชมเจ้าแล้วล่ะ? ก็แค่สนมชายที่ใช้หน้าตาบำเรอผู้อื่น จะสูงส่งซักเท่าไหร่กันเชียว?"

โหลชีกะพริบตาแล้วมองไปที่นาง ในใจก็รู้สึกชื่นชม!

คุณหนูห้าเซียวเจ้ารนหาที่ตายแบบนี้ พ่อของเจ้าเลี้ยงเจ้าให้ปลอดภัยมาจนโตได้อย่างไร?

ตอนนี้นางมีคนกำบังอยู่ และคนที่กำบังนางก็อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ในเมื่อมีคนให้ใช้ โหลชีก็จะไม่ลงมือเอง เพียงแค่ถอยออกมา

ทันทีที่เซียวหรงพูดจบ ก็รู้สึกว่าแรงดันอากาศรอบตัวลดลงอย่างกระทันหัน ร่างกายหนาวเย็น ในใจของนางสั่นสะท้าน และเมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบกับสายตาที่เย็นชาของเฉินซ่า

"เจ้าว่าใครล่อลวงผู้ชาย? ใครใช้หน้าตาบำเรอ?"

เซียวหรงพึ่งจะรู้สึกไม่ดี เมื่อสักครู่นางคงไม่ได้ด่าคนผู้นี้ไปด้วยหรอกกระมัง? แต่เมื่อเห็นโหลชีมองนางด้วยรอยยิ้มที่ไม่ยิ้ม ไม่มีสีหน้าหวาดกลัวเลยสักนิด สมองของนางก็ร้อนระอุ อดไม่ได้จึงตะโกนออกไปอีก

"เดิมเขาก็เป็นเช่นนั้น!คุณชายท่านกำยำแข็งแกร่ง ทรงพลังไม่ธรรมดา เหตุใดต้องพิศวาสชายด้วย? คุณชาย หยงเอ๋อร์รู้ว่าต้องเป็นคุณชายเจ็ดล่อลวงท่าน ทำให้ท่านลุ่มหลง..." 

นางยังไม่ทันพูดจบ พลังที่น่าสะพรึงกลัวก็กระแทกลงไปที่ศีรษะของนางอย่างจัง ในหูของนางมีเสียงเย็นชาดังขึ้น "เดิมทีฝ่าบาทอย่างข้าก็ชอบให้นางล่อลวง ชอบให้นางมาทำให้ข้าลุ่มหลง เจ้ามีสิทธิ์ออกความเห็นด้วยหรือ?"

ปั้ง!

เซียวหยงรู้สึกว่าสมองและหัวใจของนางเหมือนถูกทุบด้วยค้อนหนัก ในสมองเจ็บปวด หัวใจก็เหมือนจะแตกสลาย และทั่วทั้งดวงตา หู จมูกและปากของนางก็มีเลือดไหลออกมา

แต่ก่อนหน้านั้น คำสามคำที่นางได้ยินก็พุ่งเข้าใส่นางราวกับสายฟ้า

ฝ่าบาทอย่างข้า...

บนโลกนี้มีเพียงคนเดียวที่เรียกตนเองอย่างนั้น คนที่นางได้ยินมาตลอด คนที่นางต้องการจะแต่งงานด้วย!

นางกระอักเลือดออกมาเต็มปาก แต่ราวกับว่ามีความกล้าหาญหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่รู้จบ นางดิ้นรนและกรีดร้องออกมาเสียงดัง

"ฝ่าบาท ฝ่าบาท!หยงเอ๋อร์มาที่นี่เพื่อค้นหาของให้พระองค์!ฝ่าบาท หยงเอ๋อร์รู้แล้วว่าลูกนิลดำอยู่ที่ไหน!"

เดิมทีเฉินซ่าต้องการจะฆ่านาง ดังนั้นเขาจึงตีที่หัวของนาง แต่เขาไม่ต้องการตบนางให้ตาย กล้าดูถูกผู้หญิงของเขาแบบนั้นจะตายอย่างมีความสุขเช่นนั้นได้อย่างไร? เขาอยากให้นางเลือดออกจากทวารทั้งเจ็ด ให้นางลิ้มรสความเจ็บปวด ความหวาดกลัวแล้วค่อยตาย!

เมื่อเขาจะเอามือข้างที่ว่างตีลงไปอีกที ก็มีมือเรียวขาวยื่นออกมา ฝ่ามือนั้นกดลงบนฝ่ามือเขา เขาหยุดกำลังภายในทันที จับมือข้างนั้น แล้วจ้องไปยังสตรีที่อยู่ข้างๆด้วยความโกรธเล็กน้อย "เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะพลั้งมือทำร้ายเจ้าหรือ?"

กล้าที่จะเอามือเปล่ามาขวางฝ่ามือของเขา!

โหลชีไม่เคยสนใจว่าเซียวหยงจะอยู่หรือตาย แต่ว่าเมื่อได้ยินคำพูดสุดท้ายของนาง ใจนางก็เต้น รู้สึกว่านางคงจะมีข้อมูลที่มีค่าบางอย่างอยู่ ดังนั้นจึงหยุดเฉินซ่าที่จะฆ่านาง

"ท่านทำร้ายข้าลงหรือ?"นางเชยคางขึ้นเล็กน้อย และมองเขาอย่างพราวเสน่ห์ คำที่เขาพูดเมื่อสักครู่นางไม่ได้ฟังผิด คาดไม่ถึงว่าเขาจะพูดว่าเขาก็ชอบให้นางล่อลวง ชอบให้นางมาทำให้เขาลุ่มหลง! เช่นนั้นนางก็จะลองล่อลวงเขาและทำให้เขาลุ่มหลงดู

แต่วินาทีต่อมานางก็รู้สึกเสียใจภายหลัง คนบางคนก็ไม่ควรล่อลวงเลยจริงๆ!

เอวคอดถูกแขนแข็งแรงล็อคไว้ทันที ลมหายใจของชายที่แข็งแกร่งก็ปกคลุมนาง นางรีบเอื้อมมือไปขวางเขาไว้ แล้วพูดอย่างรีบร้อน "ฟังสิว่านางพูดว่าอะไร นางพูดว่าอะไร"

ล้อเล่น! นางไม่อยากถูกกัดต่อหน้าทุกคนเลยสักนิดพอใจรึยัง?

เฉินซ่าถอนหายใจ ไม่ได้ทำอะไรต่อ

เย่เฟิงถอนหายใจ เขากลัวจริงๆว่าเซียวหรงจะถูกเจ้านายของพวกเขาตีตาย และเขายังมีอะไรอยากจะถาม

"คุณหนูห้าเซียวทางที่ดีเจ้าควรคิดได้ว่าอะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูด"เขาพูดขึ้นอย่างจำใจ ผู้หญิงคนนี้ด่าโหลชีแบบนั้น เขาไม่อยากจะไว้ชีวิตเลยจริงๆ

ถ้าเมื่อครู่ไม่ใช่โหลชีห้ามไว้ คนอื่นคงไม่มีทางหยุดความอยากฆ่าคนของเจ้านายพวกเขาได้แน่ๆ

เซียวหยงนอนอยู่บนพื้นตัวสั่น นางไม่ใช่ไม่กลัว เมื่อสักครู่ก็เหมือนกับนางเดินมาถึงหน้าประตูนรกแล้ว นางกลัวแทบตาย!

ครั้งนี้นางรู้สึกได้ว่าเฉินซ่าต้องการจะฆ่านางจริงๆ ผู้ชายแบบนี้น่ากลัวเกินไป น่ากลัวเกินไปจริงๆ นางไม่กล้าทำแบบนี้อีกแล้ว ไม่กล้าแล้ว!

นางเล่าเรื่องที่นางรู้ออกมา พูดติดอ่างและตัวสั่น 

"คือ คือข้าได้ยินผู้หญิงคนหนึ่งพูดกับลูกน้อง นางพูดว่าจักรพรรดิแห่งพั่วอวี้จะต้องการผลนิลดำแน่นอน รอให้นางได้ของมา นางต้องการให้เซียววั่งออกหน้า ทูลขอความประสงค์กับฝ่าบาท!ในเวลานั้น หากข้าเอาผลนิลดำมาได้ ก็จะสามารถ...สามารถขอรั้งอยู่ข้างกายฝ่าบาทได้ ดังนั้นข้าจึงขอให้เซียววั่งพาข้ามาที่นี่! "

โหลชีเลิกคิ้วขึ้น คิดไม่ถึงว่าคุณหนูห้าเซียวจะกล้าหาญสละชีวิตของตนเองเพื่อเฉินซ่าขนาดนี้ "เจ้ารู้ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?"

"ข้าไม่รู้ ตอนที่นางออกจากจวนของเซียววั่ง ข้าบังเอิญเจอนางจึงแอบตามนางไปเงียบๆเพราะอยากรู้ว่าเป็นใคร แต่นางก็สวมหมวกที่มีผ้าคลุมอยู่ตลอด ข้าจึงไม่ได้เห็นนาง แต่มั่นใจได้ว่านางต้องไม่ใช่คนเมืองนั่วราแน่นอน"

"นางยังพูดอะไรอีก?"

"ไม่มีแล้ว ไม่มีแล้ว หลังจากนั้นข้าก็กลัวว่าจะถูกพวกเขาจับได้ จึงรีบหนีออกมา"

โหลชีมองเฉินซาด้วยหางตา"ดู มีผู้หญิงมากมายชอบเจ้า รับนางเป็นนางบำเรอไหม?"

เมื่อนางพูดเช่นนั้น ดวงตาของเซียวหรงก็เป็นประกายขึ้นมาทันที แล้วนางก็จ้องไปที่เฉินซ่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ