"ข้ารู้"โหลชีพูดเสียงต่ำ นางไม่โทษตัวเอง นางไม่เคยทำเรื่องที่ไม่คุ้มค่าอยู่แล้ว แค่เสียใจนิดหน่อย
ที่จริงนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนตายอยู่ใกล้นาง ในยุคนี้ก็เคยมี เพียงแต่ว่านางไม่เต็มใจจะจดจำ แต่ว่าหลังจากตอนนั้น นางมักจะพยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว โดยหวังว่าตัวเองจะแข็งแกร่งขึ้นอีกหน่อย เผื่อเวลาเผชิญหน้ากับอันตรายจะได้เอาชีวิตรอดได้บ้าง
แต่ว่านี่มันเป็นอีกโลกหนึ่ง นางไม่รู้จักพิษแบบนี้จริงๆ! ในตอนแรกนางก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ และมีลางสังหรณ์ไม่ดีมาตลอด ดังนั้นนางจึงรั้งอยู่ข้างนอกเป็นเวลานานหวังว่าจะได้ตรวจสอบอะไรให้ชัดเจนขึ้นอีกหน่อย เมื่อเข้าใจอะไรมากขึ้นถึงได้ตามมา
ใครจะไปรู้ว่าเกิดเรื่องขึ้น
"กิ้งก่าเปลี่ยนสีพวกนั้นก็เป็นกิ้งก่ากลายพันธุ์เหมือนกัน พวกมันล้วนแต่มีพิษ แต่ว่าการถูกพวกมันกัดก็อาจจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรแต่หลังจากสูดดมกลิ่นหอมของดอกไม้ยักษ์ในป่าหินเข้าไป ทั้งสองอย่างก็มีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกันแล้วเปลี่ยนเป็นพิษอีกชนิดหนึ่ง ผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังเองก็เคยถูกกิ้งก่ากลายพันธุ์กัดที่หน้าอก อาจจะเป็นเพราะอย่างนี้ พิษของนางจึงได้กำเริบเร็วขึ้นและหนักขึ้น"
โหลชียังจำได้ดีว่าตอนที่คนพวกนั้นถูกกัดพวกเขากระโดดโลดเต้น และผู้หญิงคนนี้ก็ถูกกัดที่หน้าอก หลังจากนั้นผู้ชายพวกนั้นยังจะมาสร้างเรื่องอีก
คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงชั่วพริบตานางก็กลายเป็นแบบนั้น
พิษชนิดนั่นจะเข้าไปทำลายสมอง และจู่โจมส่วนของความทรงจำ ทำให้คนกลายเป็นคนโหดร้ายและกระหายเลือด เมื่อพิษแล่นเข้าสู่ดวงตาและกัดกร่อนลูกตา ดังนั้นจึงทำให้พวกเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียว
ทันใดนั้น หลูต้าลี่ก็เข้ามาและพูดกับนางอย่างจริงจัง"แม่นาง หลังจากนี้ข้าจะเชื่อฟังท่าน"เขาจะไม่ใช้สมองคิดอะไรอีก แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์เมื่อสักครู่เขาก็ตกใจ เมื่อคิดได้ว่าตัวเองเป็นคนแรกที่เอ่ยปากถามว่าจะช่วยคนพวกนั้นหรือไม่ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองโง่มาก ไม่รู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ แต่เขาตัดสินใจแล้ว ต่อจากนี้แค่ฟังโหลชีก็ดีแล้ว ฟังแค่นางก็ถูกแล้ว
"ดี"โหลชีก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีก พูดแค่ว่า"เจ้ากลับไปแบกเฉิงสิบสักประเดี๋ยว"
ตอนแรกที่เฉิงสิบเข้าไปดูผู้หญิงคนนั้นเขาก็ถูกนางกัด แต่เขารีบใช้แขนขวางไว้อย่างรวดเร็ว จึงไม่ถูกพิษมาก ดังนั้นโหลชีจึงช่วยกำจัดออกได้ทัน
หลูต้าลี่รับคำสั่งแล้วจากไป
การแสดงออกของถูเปินและคนอื่นๆยังคงงุนงง ยังไม่สามารถฟื้นตัวจากการโจมตีที่ทำให้สูญเสียพี่น้องทั้งสองคนไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าลิงที่โทษตัวเองอย่างหนัก เพราะซือเอี๊ยและถูเปินต้องการเตือนไม่ให้เจ้าซื่อเข้าไปช่วยผู้หญิงคนนั้น เป็นเขาที่ช่วยเจ้าซื่อพูด เป็นเขาที่สนับสนุนให้เจ้าซื่อไปอุ้มผู้หญิงคนนั้นออกมา
เมื่อก่อนเสี่ยวโฉวเคยติดตามซวนหยวนเขาก็มีประสบการณ์และความกล้าหาญอยู่บ้าง แต่ว่าตอนนี้กลับทำได้เพียงปลอบโยนเบาๆไม่กี่คำเท่านั้น ช่วยอะไรไม่ได้มาก
เพียงแต่ว่าเวลานี้ ในสถานที่แบบนี้ ไม่มีเวลามากพอให้พวกเขามาเสียใจ เขายังต้องรีบเร่งเดินทาง แต่ว่าข้างหน้าก็ยังมีเหตุร้ายอยู่
"คุณชายช่วยด้วย!"ด้านหน้าเซียวหยงกรีดร้องอย่างตกใจ นางวิ่งจนสะดุดล้ม ดูลำบากไม่น้อย ผมเผ้าก็กระจัดกระจาย เครื่องประดับทองและของล้ำค่าที่ใส่มาตอนแรกก็ไม่รู้ว่าหายไปไหน ชุดของนางก็ทั้งขาดและสกปรก
นางเห็นเยว่ยืนอยู่บนก้อนหินจากไกลๆ ก็จำได้ว่าชายหนุ่มรูปงามคนนี้เป็นองครักษ์คนนั้น ทันใดนั้นจึงได้ร้องเรียกเขา
"ให้พวกเขาเข้ามา แล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น"เยว่พูดกับตู้เหวินฮุ่ย
เพราะว่าเรื่องที่น่ากลัวก่อนหน้านี้ ทั้งยังเห็นศพลอยอยู่ในแม่น้ำข้างหน้า พวกเขาจึงคิดในใจว่าต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก
ตู้เหวินฮุ่ยพยักหน้า ฟังคำของเยว่แล้วพูดว่า "สังเกตให้ดีว่าร่างกายของพวกเขามีบาดแผลหรือไม่หรือดวงตาเปลี่ยนสีรึเปล่า"น่ากลัว น่ากลัวจริงๆ
"ขอรับ"
คนสี่คนที่กลับมา สามคนเป็นชายที่มีวิชาตัวเบาไม่เลว มีเพียงเซียวหยงคนเดียวที่เป็นผู้หญิง นอกจากนี้ยังมีผู้หญิงอีกคนที่พอมีวรยุทธ์อยู่บ้าง นี่ทำให้ผู้คนสับสนอยู่เล็กน้อย
โดยทั่วไป คนกลุ่มหนึ่งที่ไม่รู้จักกัน แล้วยังชิงดีชิงเด่นกัน อีกทั้งยังมีผู้หญิงที่วิ่งช้าที่สุดและไม่มีวรยุทธ์อะไรเลยจะต้องเป็นคนแรกๆที่ถูกทอดทิ้งอย่างแน่นอน สามคนนี้ก็ไม่ใช่องครักษ์ของตระกูลเซียวด้วย ทำไมถึงพาเซียวหยงกลับมาด้วยกันได้?
เมื่อตู้เหวินฮุ่ยเห็นว่าพวกเขาไม่มีปัญหาอะไรก็ปล่อยให้พวกเขาเข้ามา เมื่อวิ่งผ่านก้อนหินก้อนนั้น เซียวหยงก็เห็นโหลชี เฉินซ่า และคนอื่นๆนางถึงผ่อนคลายลง คนอื่นๆล้มลงกับพื้นแล้วร้องไห้
โหลชีเห็นดังนั้นนางก็ถึงกับพูดไม่ออก อดไม่ได้จึงถามไปว่า"คุณหนูห้าเซียวในเมื่อเจ้าไม่มีความกล้าหาญและวรยุทธ์ ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ในสถานที่ที่อันตรายเช่นนี้"
เซียวหยงเป็นสตรีที่เก่งในการหาเรื่องใส่ตัวมาตลอด ในสถานการณ์ที่อันตรายเช่นนี้นางก็ยังจะเดินอยู่บนเส้นทางแห่งความตายอยู่อีก เมื่อได้ยินที่โหลชีพูด นางก็คิดว่าโหลชีกำลังเยาะเย้ยนาง กำลังสบประมาทนาง แล้วยังพูดต่อหน้าชายที่นางชอบอีก นี่มันไม่ไว้หน้านางสักนิด! อีกอย่างนางก็รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันก็น่าขายหน้ามากพอแล้ว ตอนนี้ความโกรธทั้งหมดอยู่ที่โหลชีแล้ว
นางเงยหน้าขึ้นและจ้องไปที่โหลชี แล้วตะโกนอย่างโกรธเคืองว่า"ข้าจะมาที่นี่ทำไมเกี่ยวอะไรกับเจ้า?เจ้ามีความกล้าหาญ มีวรยุทธ์ ข้าดูแล้วเจ้าเองก็พึ่งพาคุณชายให้ปกป้องเจ้า!ผู้ชายคนหนึ่งที่ดูผุดผ่องขนาดนี้ ตลอดทางเจ้าล่อลวงผู้ชายเท่าไรให้เชยชมเจ้าแล้วล่ะ? ก็แค่สนมชายที่ใช้หน้าตาบำเรอผู้อื่น จะสูงส่งซักเท่าไหร่กันเชียว?"
โหลชีกะพริบตาแล้วมองไปที่นาง ในใจก็รู้สึกชื่นชม!
คุณหนูห้าเซียวเจ้ารนหาที่ตายแบบนี้ พ่อของเจ้าเลี้ยงเจ้าให้ปลอดภัยมาจนโตได้อย่างไร?
ตอนนี้นางมีคนกำบังอยู่ และคนที่กำบังนางก็อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ในเมื่อมีคนให้ใช้ โหลชีก็จะไม่ลงมือเอง เพียงแค่ถอยออกมา
ทันทีที่เซียวหรงพูดจบ ก็รู้สึกว่าแรงดันอากาศรอบตัวลดลงอย่างกระทันหัน ร่างกายหนาวเย็น ในใจของนางสั่นสะท้าน และเมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบกับสายตาที่เย็นชาของเฉินซ่า
"เจ้าว่าใครล่อลวงผู้ชาย? ใครใช้หน้าตาบำเรอ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ