ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 273

เฉินซ่าไม่มองนางด้วยซ้ำ เหลือบมองโหลชีด้วยหางตา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า: "ไม่ต้องลองก็ได้ แค่เจ้าคนเดียว ข้ารำคาญจะตายอยู่แล้ว" พูดจบก็กลับหลังหันเดินออกไป

โหลชีชี้ตัวเองด้วยสีหน้ามึนงง: "ข้า...รำคาญงั้นเหรอ?"

หมายความว่ายังไงกัน! พูดให้ชัดเจนเลยนะ!

รำคาญนางแต่กลับไม่ปล่อยนางไป รำคาญนางแล้วยังจะเดินทางไกลจากพั่วอวี้มาตามนางกลับไปอีกงั้นเหรอ?

ไม่สิ! คำพูดเขาเหมือนนางเป็นภรรยาที่ขี้หึงขี้หวงงั้นแหละ เหมือนตั้งใจพูดประชดเขา! นางไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย?!

"นี่ เจ้ากลับมาพูดให้ชัดเจนเลยนะ!" โหลชีรีบตามไปด้วยท่าทีดุดัน

เยว่รับงานสอบถามอย่างเหนื่อยใจ

"ในเมื่อพวกเจ้าต่างก็มาหาลูกนิลดำ งั้นทำไมถึงกลับมาล่ะ?"

ได้ยินคำนี้ เซียวหยงกับผู้ชายอีกสามคนก็มีสีหน้าซีดเซียวทันที

"ทะ...ทะเลสาบนั่นมีสัตว์ประหลาด! ไม่สิ" ชายคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างตะกุกตะกัก: "ไม่ มีผีพรายน้ำ ในทะเลสาบมีผีพรายน้ำ!"

ทะเลสาบมีผีพรายน้ำ?

บอกว่าในทะเลสาบมีผีพรายน้ำ โหลชีไม่มีทางเชื่อแน่นอน แต่โหลชียังเชื่อถ้าบอกว่าในทะเลสาบมีปลากลายพันธุ์หรือสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกกลายพันธุ์ในทะเลสาบ

ฟังคำพูดของผู้ชายสามคนนั้นบอกว่าเซียวหยงไม่มีกังฟู บวกกับเหมือนกลัวน้ำ ดังนั้นจึงไม่ได้เข้าใกล้ทะเลสาบนั่น พวกเขาสามคนก็หิวและบังเอิญเห็นผลไม้ป่าต้นเล็กๆไม่กี่ต้นพอดี จึงเข้าไปเด็ดกิน สุดท้ายพวกเขาสามคนก็บังเอิญหลีกเลี่ยงภัยอันตรายได้พอดี

ในตอนที่เห็นว่าทะเลสาบแปลกๆ ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกว่าลูกนิลดำไม่ได้ได้ง่ายขนาดนั้น คนตายไปแล้วหลายต่อหลายกลุ่ม ต่อไปอาจจะถึงตาพวกเขาแล้วก็ได้ พวกเขาตกใจอย่างมาก และไม่อยากได้ลูกนิลดำแล้วด้วย จึงรีบวิ่งหนีทันที คนในทะเลสาบก็ตะโกนออกมาว่าอย่ากินข้า อย่าฆ่าข้า ข้ายังไม่อยากตาย พวกเขาได้ยินแล้วก็รู้สึกหวาดกลัวเข้าไปอีก วิ่งไปได้สักระยะ พวกเขากลับผู้คนที่เมื่อกี้ยังตะโกนคร่ำครวญร้องขอชีวิต ทันใดนั้นก็ลอยอยู่บนน้ำไม่ขยับตัว และไม่มีเสียงแล้วด้วย

เหตุการณ์ที่แปลกประหลาดแบบนี้ทำเอาพวกเขาหวาดผวาใจสั่น กลัวว่าของในทะเลสาบจะไล่ตามพวกเขามา ดังนั้นพวกเขาจึงวิ่งเร็วขึ้น และร้องคร่ำครวญอย่างเอาเป็นเอาตาย

"พวกเขาพูดมาเยอะขนาดนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าในทะเลสาบมีอะไร อีกอย่างทำไมคนพวกนั้นถึงลอยอยู่บนน้ำแล้วไม่จมลงไปล่ะ?" โหลชีขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น

คนพวกนั้นน่าจะไม่ได้จมน้ำตาย ถ้าจมน้ำตายจริง ยังไงก็ต้องมีคนจมลงใต้น้ำบ้าง งั้นคงถูกตัวอะไรกัดเข้า หรือว่าถูกจับตัวไว้จนกระอักน้ำตาย แต่ทะเลสาบนั่นจะต้องมีปัญหาแน่นอน และตอนแรกยังคร่ำครวญอย่างทรมานอยู่ แค่พริบตาเดียวก็ตายจนหมดและเงียบกันหมดแล้ว ในนี้มีอะไรแปลกๆไม่ชอบมาพากลกันแน่?

"คิดไปก็เปล่าประโยชน์ ไปดูด้วยตาตัวเองเดี๋ยวก็รู้เอง" เฉินซ่าพูดเสียงทุ้มต่ำ ไม่กี่ก้าวก็เดินอ้อมหินใหญ่แล้วเดินเข้าไป

โหลชีกำลังจะเดินตามไปทันใดนั้นก็ชะงักฝีเท้าลง หันหน้ากลับไปกวาดตามองทุกคน โดยเฉพาะตอนที่มองพวกถูเปิน ก็พูดด้วยน้ำเสียงเข้มแข็งว่า: "ตั้งสติไว้ ข้ารู้ว่าตอนนี้พวกเจ้ารู้สึกเสียใจ แต่สถานที่อันตรายเช่นนั้น เก็บอารมณ์ของพวกเจ้าเอาไว้ให้ดี! พวกเจ้าต้องใจเย็น ใจเย็นแล้วถึงจะละเอียดอ่อน ไม่หวั่นไหวต่อเหตุการณ์ที่เผชิญ! เข้าใจหรือยัง?"

พวกถูเปินตะลึง แล้วรีบยืดตัวตรง "รับทราบขอรับ!"

"อีกอย่าง ทุกอย่างฟังคำสั่งด้วย! นอกจากว่าพวกเจ้าอยากตายที่นี่ ไม่งั้นต่อไป ข้าไม่อยากเห็นคนที่ตัดสินใจเอง หน้าไหว้หลังหลอก!"

"ขอรับ คุณชาย"

สายตาโหลชีหยุดอยู่ที่เจ้าลิงสักพัก เจ้าลิงขอบตาแดงก่ำ แล้วพูดว่า: "คุณชาย ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ"

เจ้าซื่อกับเสี่ยวไป๋ตายไปแล้ว พวกเขาเสียใจและรู้สึกผิดยังไง ยังไงเขาก็กลับมาไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

เซียวหยงกับผู้ชายอีกสามคนตอนแรกก็ยังไม่กล้ากลับไป แต่เห็นเฉินซ่าพวกเขาไปด้วย ที่นี่ก็เงียบเหงาแถมยังเป็นความเหงาที่รู้สึกเยือกเย็นจิตใจ มองไปด้านหน้า นึกถึงติหินใหญ่ยังมีอีกร้อยกว่าคน ในใจพวกเขาก็สั่นไหว แล้วรีบวิ่งตามไป

เซียวหยงก็เดินข้างๆพวกเขา "พวกเจ้าตกลงปกป้องข้า กลับไปเมืองนั่วราแล้ว ข้าจะมอบดาบที่ท่านพ่อข้าทำเองกับมือให้ทุกคน"

ก่อนหน้านี้นางก็ใช้ข้อเสนอนี้ให้พวกเขาพาตัวเองหนีไป ตอนนี้จึงต้องพูดคำนี้ซ้ำอีกรอบ นางไม่กล้าคิดที่จะเข้าใกล้เฉินซ่าอีก แม้ตอนนี้นางจะรู้จักตัวตนของเขาแล้วก็ตาม

แต่ผู้ชายที่ฆ่าคนได้ในพริบตาอย่างโหดเหี้ยมและอำมหิต นางกลัว นางกลัวจริงๆ!

พวกเขาเดินอยู่หลังขบวน เดินตามอย่างระมัดระวัง โหลวซิ่นเห็นท่าทางของพวกเขา คิดว่าหากเห็นอะไรผิดปกติอีก ก็จะวิ่งหนีกลับไปได้เร็วที่สุด

ฟ้ามืดลงแล้ว แต่พวกเขาไม่กล้าหยุดพักที่นี่เลย ที่นี่ไม่มีที่พักที่เหมาะสมด้วย พวกเขาจุดคบเพลิง ถือคนละหนึ่งกระบอก แสงไฟขนาดใหญ่ทำให้รอบด้านสว่างขึ้นมา แต่ตอนกลางคืนก็น่ากลัวกว่าตอนกลางวันอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นภูเขาป่าไม้ที่อันตรายอีก

เสี่ยวโฉวเดินตามหลังหลูต้าลี่ติดๆ รูปร่างสูงกำยำของหลูต้าลี่ทำให้นางรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาก

เดินทางภูเขาเส้นนี้เสร็จแล้ว ตรงหน้าก็เต็มไปด้วยผืนดินสีเขียว แถบนี้มีต้นไม้น้อยมาก ไม่ไกลมากก็มีต้นไม้สองสามต้นเป็นบางครั้ง แถมยังเป็นแบบเตี้ยๆอีก

ต้นหญ้าใต้เท้าหนามาก แต่เหยียบลงไปนั้นนุ่มมาก ดอกไม้ป่าเติบโตขึ้นทั่วทุกที่ แม้ดอกไม้ป่าจะเล็กและไม่สวยมากเท่าไหร่ แต่ดอกไม้ป่าธรรมดานั้นเทียบกับดอกไม้ขนาดใหญ่และสวยงามก่อนหน้านี้ ดอกไม้ป่าแบบนี้ทำให้คนรู้สึกสนิทสนมและสวยงามมากกว่า

แน่นอนว่า ที่นี่ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย ในสายตาไม่ได้สังเกตเห็นดอกไม้พวกนี้ ขนาดเสี่ยวโฉว เซียวหยง โหลชีผู้หญิงสามคนยังไม่ค่อยได้ดูดอกไม้พวกนั้นเลย

ทะเลสาบนั้นห่างจากพวกเขาแค่ไม่กี่ร้อยเมตร

ทะเลสาบใหญ่มาก อยู่บนก้อนหินใหญ่ยังสามารถเห็นได้ชัดเล็กน้อย ตอนนี้เดินเข้าไปใกล้แล้วกลับไม่เห็นปลายทางเลย ภายใต้ความมืดมิด ผิวน้ำทะเลสาบดูเงียบกว่าปกติ นอกจากศพที่ลอยอยู่บนผิวน้ำแล้ว

เฉินซ่าหยุดยืนนิ่ง "พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน"

โหลชีก็หันหน้ากลับไปมองถูเปินกับพวกเสี่ยวโฉวพอดี "รออยู่นี่นะ"

คนไม่ใช่ว่าเอาไปยิ่งเยอะยิ่งดี ทักษะความสามารถของพวกเขายังไม่ถึงกับจัดการอันตรายพวกนี้ได้ ไปแล้วก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี

พวกถูเปินตอนนี้ต่างก็ไม่กล้าขัดคำสั่งแล้ว แต่ละคนพยักหน้ากันหงึกๆ

"วู๊วู" จิ้งจอกแสงจันทร์ม่วงที่ถูกเฉิงสิบอุ้มไว้ก็กระโดดออกมาจากอ้อมกอดของเขา แล้วกระโดดเข้าไปในอ้อมกอดของโหลชีแทน

"เจ้าก็อยากไปเหรอ? ได้! แต่หากเจออันตรายแล้วต้องรีบหนีนะ?" โหลชีลูบหัวของมัน

เฉินซ่าหันหน้าไปดู ก็เห็นว่าจิ้งจอกแสงจันทร์ม่วงซบอยู่บนหน้าอกของโหลชี ใบหน้าอันหล่อเหลาก็บึ้งตึงทันที เขาหรี่ตามองดูจิ้งจอกแสงจันทร์ม่วงนั่น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า: "ออกไป หรืออยากจะตาย?"

โหลชีงุนงงไปชั่วขณะ ฝ่าบาทไม่ใช่แล้วมั้ง กับอีแค่จิ้งจอกแสงจันทร์ม่วงก็ยังจะหึงอีกเหรอ? กำลังจะพูดอะไรนั้น จิ้งจอกแสงจันทร์ม่วงก็ร้องคร่ำครวญอย่างน้อยใจ แล้วกระโดดออกมาจากอ้อมกอดของนาง จากนั้นก็กระโดดเข้าอ้อมกอดของเยว่อย่างไม่มีทางเลือก

ไม่มีทางอื่น ที่นี่ใกล้กับเยว่ที่สุด นอกจากเจ้าของของมันกับชายหนุ่มน่าสะพรึงกลัวคนนี้หล่อที่สุดแล้ว มันก็ต้องเลือกเขา ต้องเลือกแต่เขา

"วู๊วู"

โหลชีวุ่นวายใจ นางเห็นเห็นวู๊วูโมโหมาก่อน ตอนนั้นเมืองลั่วหยางโรงพรรณยา ในงานการประมูลของจิ้งจอกแสงจันทร์ม่วง ผู้ชายที่เพิ่งฆ่าจิ้งจอกหิมะกำลังจะฆ่ามัน มันโมโหอาละวาดอย่างหนัก ข่วนหน้าของเขาจนเละไปหมด ขนาดลูกตายังถูกควักออกมาด้วยเลย

ตอนนี้ดูท่าแล้ว มันเหมือนจะกลัวเฉินซ่านะ?

โหลชีครุ่นคิด ทันใดนั้นก็นึกถึงตอนนั้นที่ว่าใครมองเฉินซ่า บอกว่าเขาเหมือนเจ้าลัทธิสิ้นโลกีย์ จิ้งจอกแสงจันทร์ม่วงไม่ได้กลัวแค่เพราะความสามารถในวิชาการต่อสู้ของเฉินซ่า ใช่ว่ามันจะไม่เคยเจอผู้ที่มีวิชาการต่อสู้ที่เหนือชั้นและโหดร้ายมาก่อน เหมือนกับชายชุดดำที่หลอกมันไปประมูลขายที่โรงพรรณยา แต่มันก็ไม่เคยแสดงถึงความหวาดกลัวเลยด้วยซ้ำ

ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่า โชคชะตาของนางกับเฉินซ่า ยังสามารถแสดงถึงตัวตนของพวกเขา ต่างก็มีปัญหาเหมือนกันทั้งคู่ และเหมือนจะเกี่ยวข้องกันด้วย

คิดไปคิดมา ทันใดนั้นโหลชีก็รู้สึกผิดปกติที่เท้า

"น้ำทะเลสาบขึ้นมาถึงตรงนี้แล้วเหรอ?" นางหยุดยืนนิ่ง คนที่ตามมามีเพียงแค่นางกับเฉินซ่า องครักษ์เยว่ เฉิงสิบโหลวซิ่น ตู้เหวินฮุ่ย ส่วนคนอื่นๆก็อยู่ที่เดิม

ตอนนี้พวกเขาเดินเข้ามาใกล้กับทะเลสาบมากแล้ว ห่างจากทะเลสาบประมาณยี่สิบเมตรได้ ดอกไม้ต้นหญ้าที่นี่ดูเยอะและสวยมาก

แต่ที่ทำให้นางรู้สึกแปลกก็คือ บนผืนหญ้ามีน้ำ

ผืนหญ้ามีน้ำท่วมอยู่ประมาณหนึ่งเซนติเมตร หญ้าแช่อยู่ในน้ำทั้งหมด เดินลงไปแล้วเปียกๆนุ่มๆ ทำรองเท้าเปียกหมด

เฉินซ่าเงยหน้าขึ้นมองผิวทะเลสาบ ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า "น้ำทะเลสาบไม่ได้ท่วมออกมาบนบก น้ำนี้ไม่ได้ท่วมออกมาจากทะเลสาบ"

คำพูดนี้ทำเอาทุกคนตะลึงกันหมด แล้วน้ำนี้มาจากไหนล่ะ? ทั้งที่ช่วงนี้ไม่ค่อยมีฝนตก ที่จริงหากเข้าไปในป่าธรรมดาทั่วไป ผืนหญ้าที่มีน้ำท่วมอยู่เต็มคงไม่ดึงดูดความสนใจและความสงสัยของพวกเขาหรอก แต่ที่นี่แตกต่างกันออกไป ที่นี่แปลกมาก แถมมีคนตายไปเยอะด้วย ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนก็ไม่ควรประมาท

และตอนนี้น้ำที่ท่วมอยู่เต็มผืนหญ้าทำให้พวกเขาเกิดความสงสัยอย่างมาก

โหลชีตรวจสอบน้ำนี้ ตอนแรกไม่เห็นสิ่งผิดปกติอะไร น้ำใสไม่มีกลิ่น ไม่แตกต่างจากน้ำปกติทั่วไปเลย หญ้าและดอกไม้ที่ขึ้นอยู่ในน้ำนี้ก็ไม่ได้มีความพิเศษอะไรด้วย แต่นางให้พวกเขาถอยออกไป ถอยกลับไปบนหญ้าที่แห้งสนิท และถอดรองเท้าออกมาตรวจสอบก่อน

"ทุกคนดูสิ ศพพวกนั้นลอยออกไปแล้ว!" ทันใดนั้นโหลวซิ่นก็ชี้ไปที่ผิวน้ำทะเลสาบแล้วตะโกนขึ้น

เพราะเป็นเวลากลางคืน ที่นี่เงียบมาก คำพูดของเขาชัดเจนมาก คนที่อยู่ไม่ไกลก็ได้ยินกันหมด คนที่เหนื่อยไม่ไหวเพิ่งนั่งลงได้ไม่นานก็กระเด้งตัวขึ้นมา

ทุกคนมองไปยังผิวน้ำทะเลสาบ

ศพที่ลอยอยู่บนผิวน้ำทะเลสาบก็ลอยไปกองอยู่ริมทะเลสาบ แต่ตอนนี้กลับลอยมายังกลางทะเลสาบพร้อมกัน แม้จะช้า แต่ก็เห็นได้ชัดว่ากำลังลอยมาอยู่

เฉินซ่ากระโดดขึ้นกลางอากาศ สองมือตบพุ่งไปที่ผิวน้ำ

ปัง!

กำลังภายในของเขาไม่ธรรมดาเลย แค่ฝ่ามือพิฆาตสองมือพุ่งไปก็ทำเอาน้ำกระเด็นสาดขึ้นมา

โหลชีสังเกตเห็นสิ่งแปลกๆ เสียง 'พรึ่บ' ดังขึ้น นางเอาเข็มออกมาอย่างรวดเร็ว กระตุกข้อมือเล็กน้อย เข็มเงินนั้นก็ยิงเข้าไปในน้ำเหมือนดั่งห่ากระสุน

"แม่นาง?" พวกเฉิงสิบมึนงงกันไปหมด

"ในน้ำมีคนกำลังแกล้งทุกคนอยู่!" โหลชีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ระหว่างที่พูดนั้น มีคนสิบกว่าคนพุ่งขึ้นมาจากในน้ำกะทันหัน บินขึ้นมาจนหยดน้ำกระเด็นใส่ทุกคน

ทางนั้น เซียวหยงที่เห็นไม่ชัดก็ตกใจจนกรีดร้องขึ้นมา "ผีพรายน้ำออกมาแล้ว!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ