ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 274

โหลชีชักแส้ปลิดวิญญาณออกมา บินขึ้นไปแล้วตะโกนว่า: "ข้าจะสู้กับผีพรายน้ำอย่างพวกเจ้าดูสักตั้ง!"  

น้ำไม่มีปัญหา งั้นคนพวกนี้ก็คงถูก 'ผีพรายน้ำ' ที่อยู่ในน้ำนี้ฆ่าแน่นอน! พวกเขาเป็นใคร มีเป้าหมายอะไร มีเหตุผลอะไรถึงต้องฆ่าคนมากมายขนาดนี้ คุ้มค่ากับการขบคิดมาก!  

แส้ปลิดวิญญาณในมือหวดเสียงดังอยู่กลางอากาศ เป็นเหมือนงูวิเศษสีดำ เรืองแสงสีเงินอยู่กลางความมืดมิด หวดไปยังคนหนึ่งในนั้นอย่างรวดเร็ว  

คนพวกนี้ดูตัวผอมเพรียวมาก และยังเคลื่อนไหวเร็วอีกด้วย คนยังอยู่กลางอากาศ แต่กลับบิดเอวไปข้างๆก็หลบแส้ของนางได้แล้ว  

โหลชีตะโกนเสียงดัง: "อย่าหนีสิ พวกเรามาคุยเรื่องชีวิตกัน!"  

ยื่นมือไปข้างหน้า ทันใดนั้นแส้ก็ยาวขึ้นกว่าเดิมเท่าตัว รัดเอวของคนคนนั้นไว้ทันที

พอถูกแส้ปลิดวิญญาณรัดตัวแล้ว นอกจากโหลชีจะยอมปล่อยเอง ไม่งั้นไม่มีใครสามารถขัดขืนออกไปได้ ยิ่งคนคนนั้นขัดขืนมากเท่าไหร่ มันก็จะรัดแน่นมากขึ้น สุดท้ายรัดเอวจนแทบขาดอากาศหายใจ  

"เฉิงสิบโหลวซิ่น ทักทายแขกหน่อยสิ!" โหลชีหัวเราะแหะๆ แล้วสะบัดคนคนนั้นให้กับพวกเฉิงสิบ  

เฉิงสิบกับโหลวซิ่นตอบรับเสียงดัง: "รับทราบขอรับ! ปล่อยให้พวกเราจัดการได้เลย!"  

คนคนนั้นถูกโยนกระแทกลงผืนหญ้าอย่างแรง ตะเกียกตะกายลุกคลานขึ้นมาอย่างยากลำบาก เฉิงสิบกับโหลวซิ่นเหยียบตัวเขาไว้แล้วคนละข้าง จากนั้นโหลวซิ่นก็โน้มตัวลงดึงหมวกโม่งคลุมหน้าสีดำที่อีกฝ่ายปิดไว้แน่นหนาออกมา

ใบหน้าเนียนขาวปรากฏขึ้นสู่สายตาทุกคน

โหลวซิ่นร้องออกมาเสียงดัง: "คุณชาย เป็นผู้หญิงขอรับ!"  

ในน้ำก็มีกลุ่มคนกระโดดออกมาอีก พวกเขายืนอยู่บนศพที่ลอยอยู่ในน้ำ สวมชุดสีดำแนบทั้งตัว หัวกับหน้าถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา เนื้อผ้าพวกนั้นดูแล้วลื่นมาก โดนน้ำแล้วก็หยดลงมาทันที กลับเป็นเนื้อผ้าที่เหมาะสมกับการดำน้ำมาก  

ได้ยินโหลวซิ่นพูดเช่นนี้ โหลชีตาเป็นประกาย กวาดตามองคนพวกนั้น จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมา "ไม่ได้มีแค่ผู้หญิงคนเดียวเท่านั้น คนพวกนั้นก็เป็นผู้หญิงด้วย พวกเจ้าสองคนอย่าสงสารเด็ดขาด หากนางไม่ยอมพูด ก็ฟาดนางแรงๆเลย!"  

"ขอรับ!"  

เยว่ก็เข้าร่วมกลุ่มด้วย ได้ยินบทสนทนาของนายบ่าวสามคนก็หมดคำจะพูดทันที เขารู้สึกได้ว่า เฉิงสิบกับโหลวซิ่นถูกโหลชีพาเสียคนหมด โหลวซิ่นยังดีหน่อย หลักๆคือเฉิงสิบ เหมือนนิสัยจะคล้ายกับโหลชีมากขึ้นทุกวันแล้ว 

นี่เป็นเรื่องดีหรือเรื่องไม่ดีกันนะ?  

"นี่ ใต้เท้าองครักษ์เยว่เห็นพวกผู้หญิงร่างบางหุ่นเพรียวพวกนี้จนเลือดกำเดาจะไหลลงมาหรือเปล่า?" ทันใดนั้นโหลชีก็กระโดดไปหาพวกเขา แส้ในมือก็สลายกลายเป็นแส้แข็ง และใช้แส้จี้ไปยังแผ่นหลังของเขา  

เยว่หันหน้าไปก็เห็นผู้หญิงชุดดำกำลังปิดหน้าอกอยู่ก็ถอยหลังไปหลายก้าว ในมือก็ถือมีดสั้นเอาไว้แน่น  

ทันใดนั้นในใจของเขาก็ขนลุกซู่ขึ้นมา ถ้าไม่ได้โหลชี ตอนนี้เขาคงถูกมีดสั้นนั้นแทงเข้าแผ่นหลังไปนานแล้ว!  

นางทำได้ยังไงกัน? เข้าใกล้เขาขนาดนี้แล้ว เขากลับไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด!  

โหลชีหวดแส้ไปยังผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง แล้วหัวเราะพูดว่า: "ใต้เท้าองครักษ์เยว่ กลับไปแล้วให้ฝ่าบาทมอบสาวสวยสองสามคนมาบำเรอให้เจ้าสิ ผู้ชายที่ไม่เคยกินเนื้อหมูมานานพอเห็นหมูป่าก็อดไม่ได้น้ำลายไหล แบบนี้ไม่ดีเลยน้า~ เสื่อมเสียภาพลักษณ์ของใต้เท้าองครักษ์เยว่หมด"  

เยว่จุกอยู่ในลำคอ ขึ้นไม่ได้ลงก็ไม่ได้ เขาคงบอกไม่ได้ว่า เมื่อกี้เขาไม่ทันสังเกตเห็นผู้หญิงคนนั้นเหรอ?  

พูดแบบนี้ไปคงเสียหน้ากว่าเดิมอีก!  

"ระวังหน่อย พวกนางเก่งเรื่องการกลั้นหายใจและหลบซ่อนจากศัตรู!" เฉินซ่าฝ่ามือพิฆาตตบไปยังผู้หญิงที่คิดจะแทงเขา  

แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับยืดอกมา และหน้าอกอวบอั๋นภายใต้เสื้อรัดรูปกันน้ำสีดำของนางโดนเข้ากับฝ่ามือของเขาอย่างจัง หากเขาตบลงไปอีก คงจับโดนหน้าอกของนางแน่

สีหน้ามืดมนของเฉินซ่าเย็นชาขึ้นมาทันที รีบลดมือลงอย่างไหว แต่หากทำเช่นนี้แล้วก็จะเผยจุดอ่อนและแผงอกออกมา ผู้หญิงคนนั้นเห็นโอกาสก็ใช้มีดเล็กในมือแทงไปยังหน้าอกเขาอย่างรวดเร็ว แต่มีดเล็กห่างจากหน้าอกของเฉินซ่าไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตรก็ไปต่อไม่ได้อีก  

นางอึ้งสักพัก ทันใดนั้นร่างกายก็ถูกหมุนอย่างรวดเร็ว หมุนวนอยู่อย่างนั้น นางกระแทกไปยังริมทะเลสาบ ถูกคนห้ามเอาไว้อย่างรวดเร็ว  

ขั้นตอนนี้แค่พริบตาเดียวเท่านั้น นางยังไม่ทันได้โต้ตอบ ก็มีดาบยาวพาดคอของนางไว้ ขอแค่นางขยับเล็กน้อย คงได้ถูกฆ่าปาดคอแน่  

เสียงของโหลชีดังขึ้น: "แขกท่านนี้ชอบเผยหน้าอกเสียจริง ตัดผ้าที่ปิดตรงหน้าอกของนางซะ ให้นางโชว์ได้เต็มที่ไปเลย!"  

เฉิงสิบกับโหลวซิ่นชะงักไปชั่วครู่ "คุณชาย หญิงชายมิควรถูกเนื้อต้องตัวกันขอรับ!"  

โหลชีมองค้อนเฉินซ่า อีกด้านก็แกว่งแส้ปลิดวิญญาณฟาดไปยังตัวหญิงสาวอย่างแรง อีกด้านก็รู้สึกว่าที่พวกเขาพูดมามีเหตุผล: "งั้นก็ขอเชิญคุณหนูห้าเซียวลงมือแล้วกัน!"  

เยว่ถอนหายใจ: "พระสนมระวังศัตรูหน่อยได้ไหมขอรับ?" นางไม่ตั้งใจแบบนี้ ทำเอาเขารู้สึกหวาดหวั่น นางมัจฉาพวกนี้เป็นผู้หญิงเหมือนกันแต่ละคนเจ้าเล่ห์ไม่เบาเลย บางทีมือของเขาล็อกไหล่อีกฝ่ายไว้แล้ว แต่ชุดของนางลื่นมากจนจับไว้ไม่อยู่ บิดไหล่นิดเดียว ก็สามารถหนีออกมาจากมือเขาได้แล้ว

และกลิ่นของพวกนางก็อ่อนมาก ถึงแม้จะมาถึงด้านหลังแล้วก็ยากที่จะจับสังเกตได้ ไม่รู้ว่าจะโดนแทงเมื่อไหร่ด้วย

โหลชียังยิ้มออกมาได้อีก ถ้าไม่ระวังโดนกับดักจะทำยังไง? ตอนนี้เขากลัวว่าโหลชีจะเป็นอะไรไปจริงๆ  

เขาเพิ่งพูดจบได้ไม่นาน โหลชีก็หันหน้ากลับไปฉีกยิ้มให้เขา จากนั้นก็ยักคิ้วหลิ่วตาพูดกับเขาว่า: "ข้าไม่สนใจหมูป่าหรอก ไม่เหม่อลอยเหมือนองครักษ์เยว่แน่นอน"  

สีหน้าของเยว่อดไม่ได้มืดมนลงมาทันที เห็นนางมัจฉาแอบย่องเข้าใกล้แผ่นหลังของโหลชี เขาร้องขึ้นอย่างตกใจ: "ระวังด้าน..."  

ยังพูดไม่ทันจบ โหลชีก็กระแทกกลับอย่างรุนแรง เสียงพลั่กดังขึ้น หลังหัวก็กระแทกเข้ากับจมูกของนางมัจฉาด้านหลังพอดี เสียงกร๊อบดังขึ้น เป็นเสียงของสันจมูกหัก

โหลชีกลับหลังหัน มืออีกข้างไม่รู้ว่าจับพิชิตวันตั้งแต่เมื่อไหร่ เงื้อมือขึ้นจะปาดไปที่คอของอีกฝ่าย

"เล่นมุกนี้กับข้า? ดำน้ำกลั้นหายใจหลบซ่อน ข้าเล่นจนเบื่อตั้งแต่อายุสิบขวบแล้ว" คำพูดนี้นางแอบกระซิบกับนางมัจฉาที่นอนตายตาไม่หลับ และให้อีกฝ่ายรู้ไว้ว่า ตายในมือตัวเองนั้นยุติธรรมที่สุดแล้ว อย่าทำหน้าเหมือนเห็นผี

เฉินซ่าบีบคอของนางมัจฉาคนหนึ่งจนหักด้วยมือข้างเดียว เหลือบตามองโหลชี เมื่อกี้เขาได้ยินอะไรกัน? ดูแล้ว ผู้หญิงคนนี้ปิดบังเขาอยู่ ความสามารถที่เก็บซ่อนไว้ไม่น้อยจริงๆ!  

นางมัจฉาสิบแปดคน นอกจากนางมัจฉาสามคนที่ถูกแส้ปลิดวิญญาณของโหลชีรัดตัวแล้วโยนไปยังเฉิงสิบ ที่เหลือก็ตายกันหมดแล้ว เพราะยังไงคนลงมือคือเฉิงสิบกับโหลชีสองคน แถมยังมีองครักษ์เยว่อีก วิชาการหลบซ่อนกลั้นหายใจของอีกฝ่ายดีแค่ไหน ก็สู้กับความสามารถที่แข็งแกร่งของพวกเขาสามคนได้ ยิ่งเป็นเฉินซ่ากับโหลชีแล้ว 

เผชิญหน้ากับกำลังภายในที่แข็งแกร่ง ร่างกายที่มีไหวพริบเร็วแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ เฉินซ่าทำตามข้อปฏิบัตินี้ เขายังสามารถฆ่าคนได้ด้วยฝ่ามือพิฆาตเดียว และหักคอคนคนหนึ่งให้ตายคามือได้  

แส้ปลิดวิญญาณของโหลชีสุดท้ายทำเอาพวกนางมัจฉาหวาดกลัวมาก แส้นั้นมีเทคนิคการกวัดแกว่งมากเกินไป และยังเยือกเย็นแข็งแกร่งจนน่ากลัว ไม่ว่าป้องกันแค่ไหน ก็ไม่มีทางสู้กับมันได้เลย!  

การต่อสู้จบลง เฉินซ่ามองโหลชีตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อน สายตาเต็มไปด้วยความภูมิใจ "ไม่เลวเลย เจ้าเก่งมาก"  

"ไม่หรอกๆ ก็แค่อาวุธที่แข็งแกร่งเอง" โหลชีฉีกยิ้มพูดเล่น นางนึกถึงตอนแรกที่ตัวเองจะต้องแกล้งทำตัวโง่ต่อหน้าเฉินซ่า อยากจะแกล้งเป็นคนไม่มีประโยชน์ แต่คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต แต่กลับถูกเขาขุดความสามารถออกมาทีละนิดๆ

ต่อไปนางต้องระวังกว่านี้แล้ว สิ่งที่ควรซ่อนก็ต้องซ่อนไว้ เดี๋ยวตอนที่นางอยากจะแอบหนี ถูกเขาป้องกันไว้อย่างแน่นหนาเสียก่อน  

"ผู้หญิงของข้าควรแข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้านี้" เฉินซ่าพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ  

โหลชีเงียบ  

นางกลับหลังหันเห็นเซียวหยงนั่งอยู่ตรงหน้านางมัจฉา พยายามฉีกผ้าที่ปิดอยู่ตรงหน้าอกของนาง อยากจะให้นางโชว์หน้าอกออกมา แต่กลับมีเสียง 'ฉึก' ดังขึ้น

"พวกเจ้าทำอะไรอยู่?"  

โหลวซิ่นตอบ: "ทำตามคำสั่งคุณชาย ให้คุณหนูห้าเซียวฉีกเสื้อของนาง"  

โหลชีเดินเข้าไปตบที่หัวเขาหนึ่งที "เจ้าโรคจิตหรือไง!"  

โหลวซิ่นลูบหัวของตัวเอง อยากจะร้องไห้และก็ร้องไม่ออก "คุณชายล้อเล่นเหรอขอรับ?"  

......  

ก่อกองฟังที่ริมทะเลสาบ แม้อาจจะอันตราย แต่พอฆ่าพวกนางมัจฉาในชุดดำที่แกล้งทำเป็นผีพรายน้ำหมดแล้ว ทุกคนก็ต่างโล่งใจกันมาก ใจที่ตึงเครียดมาตลอดก็ผ่อนคลายได้สักที  

เหนื่อยล้าและหวาดหวั่นมาตลอดทั้งวัน พอได้ผ่อนคลาย ทุกคนก็รู้สึกอ่อนล้ามาก นั่งล้อมลงอยู่ข้างกองไฟ พวกเขามองดูนางมัจฉาสามคนที่ถูกจับไว้อีกฝั่ง มองหน้ากันได้ แต่เข้าใกล้ไม่ได้  

หมวกโม่งคลุมหน้าของพวกนางถูกดึงออกทั้งหมด เผยให้เห็นถึงสีหน้าที่ซีดเซียว ทั้งสามหน้าตาปกติธรรมดา เป็นใบหน้าที่มองแวบเดียวก็จำไม่ได้แล้ว แต่หุ่นของพวกนางเพรียวบาง แขนขายาว เค้าโครงดูนิ่มนวลมาก โหลชีรู้ว่าผลของการว่ายน้ำระยะยาวเป็นยังไง

ว่ายน้ำดีต่อการรักษาหุ่นมาก

ทั้งสามคนดูท่าทางอ่อนเพลียมาก บนตัวห่อหุ้มไปด้วยเสื้อรัดรูปบางๆที่ไม่รู้ว่าทำมาจากเนื้อผ้าอะไร พอมีลมพัดมา ทั้งสามก็ตัวสั่นกันหมด ดูท่าทางน่าสงสารมาก โดยเฉพาะผู้ส่งสารสิบคนนั้นกับผู้ชายสามคนที่ติดตามเซียวหยงมา

"ตอนที่รู้สึกว่าพวกนางน่าสงสาร พวกเจ้าต้องนึกถึงศพที่ลอยอยู่บนน้ำนั้นด้วยนะ" โหลชีพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ทันใดนั้นพวกผู้ชายก็ตกใจ แล้วรีบหลบสายตาไปทางอื่นทันที

ผู้หญิงที่ตอนแรกจะถูกฉีกเสื้อทิ้งก็เงยหน้ามองโหลชี แววตาประกายไปด้วยความโกรธแค้น  

โหลชีมองเห็นสายตาของนาง ก็รีบมองนางอย่างน่าสนใจ "แม่นางท่านนี้ พวกเรามาคุยเรื่องชีวิตกันก่อนไหม?"  

"ข้าไม่มีอะไรจะคุยกับเจ้า" ผู้หญิงคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเล็กน้อย แต่กลับดูน่าหลงใหลอย่างไม่คาดคิด เพราะเสียงนี้ คนที่หลบสายตาไปทางอื่นก็ต้องหันมามองอีกครั้ง

โหลชีซบอกเฉินซ่า แล้วลูบคางพูดว่า: "นี่ไม่ยากเลย ข้าถามเจ้าตอบ จะต้องคุยสนุกแน่"  

"อย่าเสียเวลาเลย ข้าไม่มีทางบอกอะไรกับพวกเจ้าแน่นอน!"  

"อย่าทำแบบนี้สิ เอาอย่างนี้แล้วกัน ข้าถามเจ้าหนึ่งคำถาม เป็นคำถามที่เลือกได้นะ" นางหยุดสักพัก แล้วถามต่อว่า: "ถึงแม้พวกเจ้าสามคนจะรอดได้คนเดียว เจ้าอยากให้ใครรอด?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ