"ถ้าในพวกเจ้าสามคนรอดได้เพียงคนเดียว เจ้าอยากให้ใครรอด?"
ไม่มีใครคาดคิดว่าโหลชีจะถามคำถามเช่นนี้ด้วยรอยยิ้มพรายอย่างนั้นได้
นางทั้งสามแม้ไม่ได้งามเลิศ แต่อายุยังน้อย ท่าทางประมาณสิบขวบ บางทีพวกนางอาจถูกฝึกให้เป็นนักฆ่าแต่เล็ก ดำน้ำ เป็น ‘ผีพรายน้ำ’ แต่ไม่ได้หมายความว่าแบบนี้แล้วจะไม่กลัวตาย
อันที่จริง ไม่ว่าใครก็กลัวความตายทั้งนั้น หากบอกว่าไม่กลัวจริง นั่นก็เพราะยอมจำนนแก่ชะตากรรม รู้ว่าหนีความตายไม่รอดแล้ว จึงโน้มน้าวให้ตนยอมรับ
ไม่ว่าใครก็กลัว มิเช่นนั้นจะบอกว่าจิ๋นซีฮ่องเต้ไม่มีความกล้าหรือ? นั่นเป็นจักรพรรดิแห่งยุค และพูดได้ว่าเป็นจอมทัพอหังการคนหนึ่ง แต่เขาก็กลัวตายเช่นกัน มิเช่นนั้นก็ไม่หายาอายุวัฒนะไปทั่วหรอก
แทบจะในวินาที บรรยากาศที่โอบล้อมนางทั้งสามก็รู้สึกแปลกไปนิดๆ
เยว่จำต้องยอมรับว่าฮั่วหยูฉุนต้องเลื่อมใสโหลชีแน่ และหลังจากที่นางออกไปที่หุบเทพมาร เจ้าคนนั้นยังตามหาเรื่องพวกเขาอยู่ นั่นก็มีเหตุผลหนึ่ง
หญิงทั้งสามปิดปากสนิทไม่พูด แล้วยังหลับตาด้วย
"หือ ไม่อยากเลือกหรือ?" โหลชีดีดนิ้วไปทีหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยอย่างร่าเริงอีก "เช่นนั้นเรามาเปลี่ยนวิธีการเล่นกัน ตอนนี้พวกเจ้ามิใช่ไม่อยากเอ่ยปากหรือ? แบบนี้แล้วกัน เรามาเล่นเกม คนไหนร้องออกมาก่อน คนที่ร้องก็ตายก่อน ดีไหม?"
เมื่อนั้นไม่เพียงหญิงทั้งสามคน แต่ทุกคนต่างมองมาที่นาง อยากรู้ว่าเกมที่ว่านั่นคืออะไร
หลูต้าลี่ยกมือขึ้น พูดขึ้นแบบซื่อๆ "ข้ารู้! ทิ้งผ้าเช็ดหน้า! ทิ้งไปที่ใครคนนั้นก็ร้องขึ้นมาก่อน!"
เสี่ยวโฉวส่งสายตาให้เขา "เจ้าตัวใหญ่ เจ้าไม่รู้เรื่องก็อย่าเอาแต่แย่งพูดได้ไหม? ข้าว่าน่าจะให้พวกนางตีกัน ใครลงมือหนักหน่อย พอเจ็บก็ต้องร้องออกมาแน่"
ผู้ส่งสารคนหนึ่งก็อดร่วมด้วยไม่ได้ "แต่งเป็นผีหลอกอีกฝ่าย!"
เฉินซ่า "..."
เยว่ "..."
พระสนม ท่านดูแลลูกน้องจนกลายเป็นตัวตลกเช่นนี้ ดีแล้วจริงๆ หรือ?
เยว่จุกที่คอพูดไม่ออก
เมื่อก่อนคนที่ติดตามฝ่าบาท บุคลิกเย็นชา เข้มงวดเงียบขรึม องอาจเหลือหลาย แต่เวลานี้...
ดูสิ แต่งเป็นผีก็พูดออกมาได้!
เขากลับอยากรู้ว่าวิธีที่โหลชีเลือกจะเป็นวิธีไหน หญิงทั้งสามยังหลับตาอยู่ ไม่ขยับ ท่าทางนิ่งมาก
โหลชีส่ายหน้า "ที่พวกเจ้าว่ามานี่ไม่สนุกเอาเสียเลย เอาตามวิธีข้าแล้วกัน นี่! สามคนนั้นน่ะ" นางมองทางผู้ชายทั้งสามคนที่อยู่ข้างเซียวหยง บ่งบอกให้พวกเขาเดินมา "คนละคน เลือกเองคนหนึ่ง"
ชายสามคนนั้นงุนงง เลือกมาทำไมกัน? แต่พวกเขาก็ไม่กล้าขัด เลือกกันคนหนึ่งทันที แล้วยืนอยู่ข้างหญิงที่ตนเลือก
โหลชีพยักหน้าเอ่ย "อือ เริ่มได้ พวกเจ้าเริ่มถอดเสื้อผ้าพวกนางแล้วจักจี้! ฝ่าเท้า รักแร้ คอ หน้าอก แผ่นหลังร่องก้น ลองได้หมด ถ้าพวกนางยังไม่ร้อง พวกเจ้าก็เผด็จศึกไป... เฮ้อ! เจ้าทำไมอีก? ปล่อยมือๆ ข้ายังพูดไม่จบเลย!!!"
นางยังพูดไม่จบจริง แต่นางก็ถูกเฉินซ่าหิ้วขึ้นและสาวเท้าเดินไปไกลแล้ว จากนั้นก็มีเสียงคำสั่งแว่วมากับสายลม "เยว่ไต่สวน!"
"ขอรับ..."
ทุกคนระวื่นระวือ มองหน้ากัน อยู่นานก็ไม่เชื่อสิ่งที่ตนได้ยิน
แม่นาง/คุณชายจะห้าวเกินไปแล้ว...
...
ครั้นฟ้าสาง โหลชีก็ถูกเฉินซ่าอุ้มกลับมา เสี่ยวโฉวเล็งสายตามาทีหนึ่ง พบว่าริมฝีปากนางบวมแดงยังไม่ยุบชัดเจน เมื่อนั้นในใจก็ปรากฏภาพจินตนาการขึ้น นี่คุณหนูถูกฝ่าบาทกินไปแล้วหรือยังเนี่ย?
ที่จริงคำถามนี้ก็ปรากฏในใจคนอื่นเช่นกัน แต่พวกเขาไม่เอาชีวิตแล้วหรือ? ใครจะกล้าถาม?
"นายท่าน" เมื่อเยว่เดินมาก็เห็นแพขนตาโหลชีกระพือนิดๆ จากนั้นนายของเขาก็มองเขาด้วยโทสะ
"เสียงดังชีชีตื่นแล้ว!"
เยว่ "..." เขาพบว่าเวลาที่เขาพูดไม่ออกของตัวเองจะมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
โหลชีลืมตาขึ้น เอ่ยอย่างประสงค์ร้าย "นั่นสิ เดิมข้าไม่หิวนะ แต่พอตื่นมาก็หิวขึ้นมาเลย เฉินซ่า ข้าอยากกินปลาที่ใต้เท้าองครักษ์เยว่จับเองกับมือ! กวางน้ำตัวเมื่อวานที่เขาจับรสชาติดีมากเลย"
เฉินซ่าหันไปมองทางเยว่อีกครั้ง
เยว่ชี้ไปที่ทะเลสาบนั้น เอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ "ท่านยังกล้ากินปลาในทะเลสาบนั้นจริงหรือ?"
ถึงตอนนี้จะไม่รู้ว่าศพลอยไปถึงไหนแล้ว แต่ที่นี่มีคนตายเป็นร้อยจริงๆ นะ!
โหลชีกระโดดออกมาจากอ้อมแขนของเฉินซ่า หาวไปฟอดหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างเนือยๆ "ก็ไม่รู้นะ ใต้เท้าองครักษ์เยว่ก็จับสองสามตัวมาลองดูก่อนแล้วกัน"
ทะเลสาบที่มีศพแช่อยู่เป็นร้อยศพ เช้ามาก็ให้เขาลงไปจับปลา เยว่ยิ้มเจื่อน นี่นางคงไม่ได้เอาคืนเขาอยู่หรอกนะ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ