ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 275

"ถ้าในพวกเจ้าสามคนรอดได้เพียงคนเดียว เจ้าอยากให้ใครรอด?"

ไม่มีใครคาดคิดว่าโหลชีจะถามคำถามเช่นนี้ด้วยรอยยิ้มพรายอย่างนั้นได้

นางทั้งสามแม้ไม่ได้งามเลิศ แต่อายุยังน้อย ท่าทางประมาณสิบขวบ บางทีพวกนางอาจถูกฝึกให้เป็นนักฆ่าแต่เล็ก ดำน้ำ เป็น ‘ผีพรายน้ำ’ แต่ไม่ได้หมายความว่าแบบนี้แล้วจะไม่กลัวตาย

อันที่จริง ไม่ว่าใครก็กลัวความตายทั้งนั้น หากบอกว่าไม่กลัวจริง นั่นก็เพราะยอมจำนนแก่ชะตากรรม รู้ว่าหนีความตายไม่รอดแล้ว จึงโน้มน้าวให้ตนยอมรับ

ไม่ว่าใครก็กลัว มิเช่นนั้นจะบอกว่าจิ๋นซีฮ่องเต้ไม่มีความกล้าหรือ? นั่นเป็นจักรพรรดิแห่งยุค และพูดได้ว่าเป็นจอมทัพอหังการคนหนึ่ง แต่เขาก็กลัวตายเช่นกัน มิเช่นนั้นก็ไม่หายาอายุวัฒนะไปทั่วหรอก

แทบจะในวินาที บรรยากาศที่โอบล้อมนางทั้งสามก็รู้สึกแปลกไปนิดๆ

เยว่จำต้องยอมรับว่าฮั่วหยูฉุนต้องเลื่อมใสโหลชีแน่ และหลังจากที่นางออกไปที่หุบเทพมาร เจ้าคนนั้นยังตามหาเรื่องพวกเขาอยู่ นั่นก็มีเหตุผลหนึ่ง

หญิงทั้งสามปิดปากสนิทไม่พูด แล้วยังหลับตาด้วย

"หือ ไม่อยากเลือกหรือ?" โหลชีดีดนิ้วไปทีหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยอย่างร่าเริงอีก "เช่นนั้นเรามาเปลี่ยนวิธีการเล่นกัน ตอนนี้พวกเจ้ามิใช่ไม่อยากเอ่ยปากหรือ? แบบนี้แล้วกัน เรามาเล่นเกม คนไหนร้องออกมาก่อน คนที่ร้องก็ตายก่อน ดีไหม?"

เมื่อนั้นไม่เพียงหญิงทั้งสามคน แต่ทุกคนต่างมองมาที่นาง อยากรู้ว่าเกมที่ว่านั่นคืออะไร

หลูต้าลี่ยกมือขึ้น พูดขึ้นแบบซื่อๆ "ข้ารู้! ทิ้งผ้าเช็ดหน้า! ทิ้งไปที่ใครคนนั้นก็ร้องขึ้นมาก่อน!"

เสี่ยวโฉวส่งสายตาให้เขา "เจ้าตัวใหญ่ เจ้าไม่รู้เรื่องก็อย่าเอาแต่แย่งพูดได้ไหม? ข้าว่าน่าจะให้พวกนางตีกัน ใครลงมือหนักหน่อย พอเจ็บก็ต้องร้องออกมาแน่"

ผู้ส่งสารคนหนึ่งก็อดร่วมด้วยไม่ได้ "แต่งเป็นผีหลอกอีกฝ่าย!"

เฉินซ่า "..."

เยว่ "..."

พระสนม ท่านดูแลลูกน้องจนกลายเป็นตัวตลกเช่นนี้ ดีแล้วจริงๆ หรือ?

เยว่จุกที่คอพูดไม่ออก

เมื่อก่อนคนที่ติดตามฝ่าบาท บุคลิกเย็นชา เข้มงวดเงียบขรึม องอาจเหลือหลาย แต่เวลานี้...

ดูสิ แต่งเป็นผีก็พูดออกมาได้!

เขากลับอยากรู้ว่าวิธีที่โหลชีเลือกจะเป็นวิธีไหน หญิงทั้งสามยังหลับตาอยู่ ไม่ขยับ ท่าทางนิ่งมาก

โหลชีส่ายหน้า "ที่พวกเจ้าว่ามานี่ไม่สนุกเอาเสียเลย เอาตามวิธีข้าแล้วกัน นี่! สามคนนั้นน่ะ" นางมองทางผู้ชายทั้งสามคนที่อยู่ข้างเซียวหยง บ่งบอกให้พวกเขาเดินมา "คนละคน เลือกเองคนหนึ่ง"

ชายสามคนนั้นงุนงง เลือกมาทำไมกัน? แต่พวกเขาก็ไม่กล้าขัด เลือกกันคนหนึ่งทันที แล้วยืนอยู่ข้างหญิงที่ตนเลือก

โหลชีพยักหน้าเอ่ย "อือ เริ่มได้ พวกเจ้าเริ่มถอดเสื้อผ้าพวกนางแล้วจักจี้! ฝ่าเท้า รักแร้ คอ หน้าอก แผ่นหลังร่องก้น ลองได้หมด ถ้าพวกนางยังไม่ร้อง พวกเจ้าก็เผด็จศึกไป... เฮ้อ! เจ้าทำไมอีก? ปล่อยมือๆ ข้ายังพูดไม่จบเลย!!!"

นางยังพูดไม่จบจริง แต่นางก็ถูกเฉินซ่าหิ้วขึ้นและสาวเท้าเดินไปไกลแล้ว จากนั้นก็มีเสียงคำสั่งแว่วมากับสายลม "เยว่ไต่สวน!"

"ขอรับ..."

ทุกคนระวื่นระวือ มองหน้ากัน อยู่นานก็ไม่เชื่อสิ่งที่ตนได้ยิน

แม่นาง/คุณชายจะห้าวเกินไปแล้ว...

...

ครั้นฟ้าสาง โหลชีก็ถูกเฉินซ่าอุ้มกลับมา เสี่ยวโฉวเล็งสายตามาทีหนึ่ง พบว่าริมฝีปากนางบวมแดงยังไม่ยุบชัดเจน เมื่อนั้นในใจก็ปรากฏภาพจินตนาการขึ้น นี่คุณหนูถูกฝ่าบาทกินไปแล้วหรือยังเนี่ย?

ที่จริงคำถามนี้ก็ปรากฏในใจคนอื่นเช่นกัน แต่พวกเขาไม่เอาชีวิตแล้วหรือ? ใครจะกล้าถาม?

"นายท่าน" เมื่อเยว่เดินมาก็เห็นแพขนตาโหลชีกระพือนิดๆ จากนั้นนายของเขาก็มองเขาด้วยโทสะ

"เสียงดังชีชีตื่นแล้ว!"

เยว่ "..." เขาพบว่าเวลาที่เขาพูดไม่ออกของตัวเองจะมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

โหลชีลืมตาขึ้น เอ่ยอย่างประสงค์ร้าย "นั่นสิ เดิมข้าไม่หิวนะ แต่พอตื่นมาก็หิวขึ้นมาเลย เฉินซ่า ข้าอยากกินปลาที่ใต้เท้าองครักษ์เยว่จับเองกับมือ! กวางน้ำตัวเมื่อวานที่เขาจับรสชาติดีมากเลย"

เฉินซ่าหันไปมองทางเยว่อีกครั้ง

เยว่ชี้ไปที่ทะเลสาบนั้น เอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ "ท่านยังกล้ากินปลาในทะเลสาบนั้นจริงหรือ?"

ถึงตอนนี้จะไม่รู้ว่าศพลอยไปถึงไหนแล้ว แต่ที่นี่มีคนตายเป็นร้อยจริงๆ นะ!

โหลชีกระโดดออกมาจากอ้อมแขนของเฉินซ่า หาวไปฟอดหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างเนือยๆ "ก็ไม่รู้นะ ใต้เท้าองครักษ์เยว่ก็จับสองสามตัวมาลองดูก่อนแล้วกัน"

ทะเลสาบที่มีศพแช่อยู่เป็นร้อยศพ เช้ามาก็ให้เขาลงไปจับปลา เยว่ยิ้มเจื่อน นี่นางคงไม่ได้เอาคืนเขาอยู่หรอกนะ?

เขาได้เห็นความเจ้าคิดเจ้าแค้นของผู้หญิงจริงๆ สักที

"ข้าน้อยรายงานผลการไต่สวนผู้หญิงสามคนนั้นเมื่อคืนก่อน..."

เฉินซ่าโบกมือแสดงออกว่าเขายังไม่ต้องพูด โหลชีคลำเข็มออกมา แล้วดีดลงน้ำทะเลสาบที่อยู่ใกล้พวกเขาที่สุด

ไม่นานในน้ำก็เกิดเป็นรอยแดงเป็นดอกเป็นดวงขึ้นมา

สีหน้าเยว่เปลี่ยนไปเล็กน้อย แล่นเข้าไปทันที ล้วงลงน้ำกระชากคนหนึ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็โยนลงกับพื้นหญ้า

ครั้นโหลชีเห็นคนผู้นั้นก็จำได้ทันที นั่นเป็นหนึ่งในแปดองครักษ์ข้างกายเซียววั่งเมื่อวานนี้นั่นเอง เมื่อวานเฉินซ่ากับเยว่ก็สังเกตเห็นพวกเขาแล้ว ดังนั้นจึงจำได้อยู่แล้ว

"คนพวกนั้นยังไม่ตายจริงๆ"

เยว่เอ่ย "นางมัจฉาชุดดำพวกนั้นเป็นลูกน้องขององค์ชายหกแห่งเป่ยชาง แต่พวกนางบอกว่าพวกนางไม่ได้รับคำสั่งให้มาที่นี่เป็นการชั่วคราว ทั้งยังบอกว่าสถานที่นี่เป็นที่ฝึกซ้อมของพวกนาง พวกนางอยู่ที่นี่มาสามปีแล้ว คำสั่งที่องค์ชายหกสั่งพวกนาง ก็คือเฝ้าทะเลสาบนี้ไว้ อย่างให้ใครดำน้ำไปใต้ทะเลสาบ แต่เพราะเมื่อวานมีคนคิดลงทะเลสาบมากเกินไป พวกนางกลัวจะทำภารกิจไม่สำเร็จ ก็เลยสังหารคนพวกนั้นไปเสียเลย แต่คิดไม่ถึงว่ายังหนีไปได้สิบกว่าคน"

เฉินซ่ากับโหลชีสบตากันทีหนึ่ง โหลชีฉีกยิ้มแหยๆ ออกมา "เรื่องนี้ เกี่ยวกับราชวงศ์ ข้าไม่ค่อยรู้เรื่อง ข้าไปหาของกินก่อน..."

"หยุดเดี๋ยวนี้" เฉินซ่าค่อยๆ เอ่ย "ในฐานะที่เป็นพระสนมแห่งพั่วอวี้ เจ้ารู้ไหมว่าหน้าที่เจ้าคืออะไร?"

โหลชีก็อยากรู้อยู่เหมือนกัน จึงเอ่ยถาม "หน้าที่พระสนมแห่งพั่วอวี้คืออะไรหรือ?"

เฉินซ่ามองนางลึกซึ้ง แล้วเอ่ยทีละคำ "เคียงบ่ากับข้า"

เคียงบ่ากับเขา? ไม่ใช่ไปเสีย? ไม่ใช่หลบอยู่หลังเขา? และยิ่งไม่ใช่แค่พูดจาฉอเลาะในตอนกลางคืน? แต่เคียงบ่ากับเขา ร่วมเป็นร่วมตาย ร่วมฝ่าฟันอุปสรรค

เดิมเขาไม่เคยคิดถึงจุดนี้ เขาเคยรู้สึกว่าหญิงของเขาในอนาคตก็เหมือนทุกราชวงศ์ หาคนที่อิทธิพลเป็นประโยชน์กับตนมากที่สุดเป็นจักรพรรดินี แล้วดึงอิทธิพลสายต่างๆ มาแต่งตั้งเป็นสนม ส่วนผู้หญิงที่อิทธิพลอื่นส่งมาก็หาสักตำแหน่งให้อยู่ในวังก็พอ

นี่เป็นแผนการส่วนน้อยที่เขาวางเอาไว้ เขาขนาดไม่เคยคิดมาก่อน ว่าผู้หญิงเหล่านี้เมื่อแต่งมาแล้วตนจะต้องอยู่ร่วมกับพวกนาง เขาไม่เคยคิด ยิ่งไม่เคยคิดเรื่องร่วมหออะไรพวกนี้ เรื่องทายาทก็ไม่เคยคิด ที่เขาคิดมากที่สุดก็คือดรุณีน้อยที่เข้าฝันเขาบ่อยๆ เขามักคิดว่าหากเขาใกล้ชิดกับหญิงนางอื่น ก็จะเป็นการผิดกับนาง ต่อมามีคนส่งเรือลำน้อยมา เขาก็เคยคือถึงคนผู้นั้น เพียงแต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครและอยู่ที่ไหนกันแน่

หากคนอื่นรู้ว่าในใจเขาคิดว่า จักรพรรดินีและนางสนมแต่งมาก็ทิ้งให้อยู่วังหลังเป็นของตกแต่งแล้ว จะต้องตกใจอ้าปากค้างแน่

แต่พอได้พบกับโหลชีแล้วเขาถึงรู้ ที่แท้การมีหญิงที่มีความสามารถยืนอยู่ข้างกายนั้นดีจริง ดีจริงๆ

โหลชีกับองครักษ์เยว่ผงะพร้อมกัน

เฉินซ่าเอ่ยต่อ "ข้าอยู่ที่ไหน เจ้าก็ต้องอยู่ที่นั่น ข้ายืนอยู่ตำแหน่งใด เจ้าก็ยืนอยู่ตำแหน่งนั้น บัดนี้พั่วอวี้กำลังมีศึกรอบด้าน เจ้าก็คือแม่ทัพ เจ้าเคยถาม ว่าข้าไม่แต่งตั้งจักรพรรดินีหรือ?"

นัยน์ตาโหลชีเป็นประกาย มองเขา "จริงสิ เจ้าไม่ใช่คิดจะแต่งตั้งให้น่าหลานฮั่วซินเป็นจักรพรรดินีหรือ?"

"ไม่ ถึงจะไม่มีเจ้า ข้าก็ไม่แต่งตั้งนางเป็นจักรพรรดินี"

โหลชีตะลึง เยว่ก็เช่นกัน พวกเขาไม่รู้ความคิดนี้มาก่อน "ทำไมล่ะ?"

เฉินซ่าขมวดคิ้วนิดๆ ตนเองกลับฉงนใจเล็กน้อยเหมือนกัน "ไม่รู้เพราะเหตุใด ข้ามักจำหน้าตานางไม่ได้ ได้ยินเสียงนางแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดนัก"

"อุ๊บ!" เยว่กลั้นไม่อยู่ นี่เป็นเรื่องที่ไม่อยากในความคาดหมายของเขาเลย!

มุมปากโหลชีกระตุก "ความหมายเจ้าคือ ตอนนี้เจ้านึกไม่ออกว่าหน้าตาน่าหลานฮั่วซินเป็นอย่างไรหรือ?"

เฉินซ่าพยักหน้า "ใช่"

"เช่นนั้นทำไมเสียงนางถึงทำให้รู้สึกหงุดหงิดล่ะ?" นอกเสียจากปัจจัยส่วนบุคคล เสียงของน่าหลานฮั่วซินจะเรียกว่าไม่เพราะไม่ได้เด็ดขาด

เฉินซ่ามองเยว่ "เจ้าจำได้ไหมครั้งหนึ่งข้าเคยพลัดตกแอ่งน้ำไป คางคกที่อยู่ข้างๆ นั่น? "

"ดะเดี๋ยวๆ นี่มันอะไรกัน?" โหลชีไล่ถาม

"จำได้ขอรับ มีครั้งหนึ่งนายท่านพลัดตกแอ่งน้ำไป แอ่งน้ำนั้นอยู่ถึงระดับอก แล้วข้างๆ ก็มีคางคกหนังแดงตัวหนึ่งร้องน่ารำคาญไม่หยุด นายท่านฟังจนหงุดหงิดมาก จึงซัดคางคกหนังแดงตัวนั้นตายไปเสีย หลังจากมันตายแล้ว นายท่านก็คิดวิธีพ้นจากวิกฤติได้ทันที"

ดังนั้นภายหลังหากมีคนที่ไร้ฝีมือร้องโหวกเหวก หรือทำให้ฝ่าบาทรู้สึกหงุดหงิด เป็นพวกนี้ที่ไร้ประโยชน์แล้วยังถ่วงหลัง เขาก็จะจัดอยู่ในจำพวกคางคกอย่างนั้น

"ฮ่าๆๆ!" ไม่พูดไม่ได้เลย โหลชีได้ฟังเรื่องนี้แล้วก็อารมณ์ดีมากเป็นพิเศษ น่าหลานฮั่วซินรู้ไหมเนี่ย? ที่แท้ซ่าของนางแม้แต่นางหน้าตาเป็นอย่างไรก็จำไม่ได้! แล้วยังเห็นนางเป็นคางคกหนังแดงน่ารำคาญอีก! ทางที่ดีก็เป็นแบบที่ซักตายในมือเดียวแบบนั้น!

"คนไม่เกี่ยวข้อง ครั้งหน้าเจ้าลองดึงนางมาข้องแวะกับข้าอีกสิ" เฉินซ่าเชอะเสียงหนึ่ง

โหลชีเลิกคิ้ว "เช่นนั้นจักรพรรดินีของท่านยังมีตัวเลือกอื่นอีกหรือ?"

เขายื่นมือออกมา นิ้วโป้งกับนิ้วชี้บีบคางของนาง ขยับเข้าใกล้แล้วเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ "เออแน่ะ ก็นี่อย่างไร" ครั้นเห็นนางไม่เข้าใจ เขาก็อธิบายอย่างอยากจะไดเห็น "พั่วอวี้ยังมิได้ตั้งเป็นแคว้น แต่งตั้งเป็นสนมก่อน รอให้ตั้งแคว้นแล้วค่อยแต่งตั้งเป็นจักรพรรดินี แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะอดใจรอไม่ได้เช่นนี้"

โหลชีพลันตะลึงค้าง

...

องค์ชายหกเลี้ยงนางมัจฉาชุดดำสิบแปดคนนี้แค่เพื่อเฝ้าทะเลสาบแห่งนี้ ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าทะเลสาบนี้มีความประหลาดอยู่ พวกเขาสังหารนางมัจฉาชุดดำทั้งสิบแปดแล้ว หากออกไปแล้วอนาคตทะเลสาบเกิดมีความเปลี่ยนแปลง หรืออะไรหาย ก็กลัวแต่องค์ชายหกแห่งเป่ยชางจะลงกับพวกเขา

"นางมัจฉาชุดดำบอกว่าหนีไปได้สิบกว่าคน นอกจากพวกเซียวหยงสี่คนแล้ว ที่เหลือต้องเป็นพวกเซียววั่งแน่" โหลชีวิเคราะห์เอ่ย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ