ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 293

ฟังคำพูดของโหลชี จ้าวหยุนตกตะลึงทันที

"จิ้งจอกม่วงก่อเรื่องหรือ?"

จิ้งจอกม่วงนั่นจิตวิญญาณน่าทึ่งเสียจริง เพราะงั้นมันอยากจะออกไป จ้าวหยุนก็กลับว่าไม่ได้เป็นห่วง เพราะอิงจากระดับความเร็วของมันแล้ว ใต้โลกหล้าก็มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถจับมันได้ และครั้งนี้ที่เขาพามันมา ก็เป็นเพราะว่ามันแอบเข้ามาในรถม้าของเขาเอง มันถึงขั้น ชี้ทางให้ม้าด้วย ผลสุดท้ายเขาพบว่า เส้นทางที่มันบอกก็คือทิศทางที่มุ่งหน้าไปยังเมืองนั่วรา

ในเวลานั้นจ้าวหยุนก็ประหลาดใจอย่างมาก เขาคาดเดาว่า นางน่าจะอยู่ที่เมืองนั่วรา เพียงแค่ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้พลัดหลงกับจิ้งจอกม่วงแล้ว ขอแค่เขาพาจิ้งจอกม่วงมาด้วย สามสี่วันต่อจากนี้ คาดว่าตัวเองจะได้อยู่กับนาง

คิดไม่ถึงว่า เขาก็อยู่ด้วย

คิดไม่ถึงว่า จิ้งจอกม่วงจะก่อเรื่องขึ้นแล้ว

จู่ๆจ้าวหยุนก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เรื่องที่เขาคิดไว้อย่างสวยงามมาก วางแผนไว้อย่างสวยงามมาก คาดว่าจะต้องโดนความโชคร้ายเรื่องแล้วเรื่องเล่าทำลายจนไม่เหลือเค้าโครงเดิมเลย

"คาดว่าเรื่องที่ก่อขึ้นมาไม่ใช่เล็กๆแน่" โหลชีพูดด่าคำหยาบคายในใจกว่าหลายคำแล้ว อยากจะถามพระเจ้ามากว่าทำไมเป็นแบบนี้ นางหันหลังไปถามสาวใช้ใส่ชุดดำคนนั้น: "จดหมายส่งมาจากห้องไหนหรือ?"

สาวใช้ใส่ชุดดำพูดกล่าวว่า : "ตอบกลับฮูหยิน เป็นการเชื้อเชิญที่ส่งมาจากลูกค้าของห้องกาญจน"

ห้องกาญจน!

ห้องมณีราคอยู่ระดับต่ำสุด ห้องกาญจนอยู่ในระดับสูงที่สุด

คนที่สามารถเข้าห้องกาญจนได้ ก็ไม่รู้ว่ามีฐานะอะไรกันแน่!

อีกอย่าง สิ่งที่ทำให้โหลชีคิดไม่เข้าใจคือ ห้องอินทนิลแห่งนี้เจ้าหยุนน่าจะเป็นคนจอง จิ้งจอกม่วงก็มากับเขา ถ้าหากพูดว่าจิ้งจอกม่วงก่อเรื่องขึ้นแล้ว ควรไปหาจ้าวหยุนไม่ใช่หรือ?

นางเป็นเพียงแค่แขกของจ้าวหยุน ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในฐานะของคุณชายเจ็ด แม้ว่ามีคนรู้ว่าจิ้งจอกม่วงเป็นสัตว์เลี้ยงของคุณชายเจ็ด งั้นก็ต้องไปหาคุณชายเจ็ดถึงจะถูก

วันนี้นางปลอมตัวมาเป็นผู้หญิง เป็นผู้หญิงปิดหน้าไว้ แม้แต่สามีก็พามาด้วยแล้ว ใครจะสามารถเชื่อมเรื่องนางกับเจ้าชายเจ็ดเข้าด้วยกันได้ล่ะ?จิ้งจอกม่วงก่อเรื่อง ทำไมถึงได้หานางเจอได้อย่างแม่นยำเช่นนี้!

แปลกมาก แปลกมากเกินไปแล้ว!แปลกจนทำให้นางอยากไปเจออีกฝ่ายอย่างมาก!

จ้าวหยุนก็ค่อนข้างตกตะลึงเช่นกัน ถึงแม้ว่าจิ้งจอกม่วงจะไปถึงห้องกาญจนแล้ว อย่างน้อยสาวใช้ข้างในนั่นก็สามารถคุ้มกันลูกค้าในห้องกาญจนให้ไม่เป็นอะไรได้ เพราะว่าความแข็งแกร่งทางศิลปะการต่อสู้ของสาวรับใช้ในแต่ละห้องส่วนตัว ก็จัดลำดับตามตัวอักษรเจ็ดสี

เหมือนสาวรับใช้สามสี่คนที่อยู่ในห้องของพวกเขา ฝีมือไม่ได้อ่อนหัดเลย ถ้าหากมีใครทำให้พวกเขาขุ่นเคืองหรือว่าบุกรุกเข้ามาโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต ก็ยังต้องมาดูว่าจะสู้ชนะสาวรับใช้สามสี่คนนี้หรือไม่

ฝีมือของสาวรับใช้ในห้องกาญจนสุดยอดมาก แล้วก็ คนที่เข้ามาในห้องกาญจนได้ก็ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป องครักษ์ของพวกเขาเองก็มีฝีมือแกร่งกล้านะ

คนมากมายเช่นนั้น ให้จิ้งจอกม่วงก่อเรื่องยิ่งใหญ่ได้?

จ้าวหยุนลุกขึ้นยืน "เจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าจะออกไปดู ถือโอกาสพาตัวจิ้งจอกม่วงกลับมาด้วย "

เขาเพิ่งจะพูดจบลง เฉินซ่ามาถึงประตูแล้ว : "เรื่องฮูหยินของข้า ไม่จำเป็นต้องให้คนนอกมายุ่ง"เขายื่นมือไปยังโหลชี สายตาสว่างไสว "ฮูหยิน ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้าเอง"

โหลชียื่นมือออกไปในฝ่ามือของเขา เฉินซ่าใช้แรงจับแน่นๆ พานางเดินออกจากประตูไปแล้ว โหลชีหันหน้ากลับมาพูดกับตู้เหวินฮุ่ยและเสี่ยวโฉวว่า : "พวกเจ้ารออยู่ที่ของคุณชายจ้าวที่นี่นะ อย่าได้เกรงใจคุณชายจ้าว อยากกินอะไรกิน อยากดื่มอะไรดื่ม คุณชายจ้าวมีเงิน ถ้าหากพวกเจ้ากินจนทำให้เขาจนได้ เขาจะรู้สึกว่าพวกเจ้าสุดยอดมาก"

"ขอรับ ฮูหยิน"

จ้าวหยุน:"......"

นี่คือกำลังแก้แค้นเขาที่พาจิ้งจอกม่วงมาที่นี่ หรือว่าแก้แค้นที่เขาไม่ดูแลจิ้งจอกให้ดี?

ข้างนอกประตู สาวรับใช้สวมใส่ชุดขาวสองคนกำลังรออยู่ "ข้าน้อยเป็นสาวรับใช้ที่ห้องกาญจน มารอรับฮูหยินเจ้าค่ะ"

จัดอย่างหรูหรา!จัดอย่างหรูหราไปทั่วทุกที่!

......

ระหว่างห้องกาญจนและห้องอินทนิลมีระยะห่างช่วงหนึ่ง ตึกแห่งนี้เป็นแบบโครงสร้างที่ปิดล้อมทุกด้าน สามชั้นมีเจ็ดห้อง ขนาดไม่เท่ากัน สี่ด้าน ด้านหนึ่งมีสามห้องแบ่งเป็นแดงส้มเขียว อีกด้านหนึ่งเป็นฟ้าม่วง อีกสองด้านก็มีด้านละหนึ่งห้อง ด้านหนึ่งเป็นห้องทับทิม อีกด้านหนึ่งเป็นห้องกาญจน

โหลชีถูกเฉินซ่าดึงไป ก้มหน้าคิดถึงกลิ่นหอมบนหัวจดหมายนั่น ไม่เคยมีกลิ่นหอมแบบไหนที่สามารถทำให้นางวิงเวียนศีรษะได้ในทันทีมาก่อนเลย!

แม้ว่าเป็นเพียงอาการวิงเวียนนิดหน่อยเพียงครู่หนึ่งเท่านั้น นางรีบมีปฎิกิริยาตอบสนองกลับมาทันที กัดปลายลิ้นเบาๆก็เรียกสติกลับมาได้โดยสิ้นเชิงแล้ว แต่ว่าแบบนี้เพียงพอที่จะทำให้นางรู้สึกทึ่งได้แล้วจริงๆ อีกอย่าง นางยังคงแยกแยะไม่ได้ว่ากลิ่นหอมนั่นมีส่วนผสมของอะไรกันแน่ มันมีประสิทธิภาพแบบไหนกันแน่ นางรู้สึกเพียงว่าไม่ใช่แค่ทำให้นางวิงเวียนศีรษะธรรมดาขนาดนั้น

พวกเขาล้วนแต่คิดไม่ถึงเลย คนที่เจอในครั้งนี้ จะเป็นบุคคลที่ทำให้นางและเฉินซ่าตกใจมากเช่นนี้

เมื่อถึงนอกประตูห้องกาญจน โหลชีได้ยินเสียงของเฉินซ่าแผ่เข้ามา "ที่นี่ไม่สามารถซ่อนยอดฝีมือสิบคนได้ "เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแส"ถ้าหากมีธุระอันใด ตอนที่ข้าให้เจ้าไปเจ้าก็ต้องเชื่อฟัง เข้าใจหรือไม่?"

ในใจของโหลชีตกใจเล็กน้อย แม้แต่เขาก็ยังกระทำอย่างจริงจังอย่างนี้?นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย----

นางสัมผัสถึงลมหายใจของยอดฝีมือได้แล้ว คนเหล่านี้บางทีพวกเขาก็อาจจะไม่แพ้ แต่ว่าตอนนี้นางสัมผัสได้ถึงอันตรายอีกอย่างแล้ว เป็นอันตรายที่ทำให้นางไม่อาจจะอธิบายออกมาได้อย่างชัดเจน นั่นเป็นเพียงแค่สัญชาตญาณ แต่ว่า นางเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองมาเสมอ

"ลูกค้าทั้งสองท่านกรุณารอสักครู่ "สาวรับใช้ชุดเขียวหยุดก้าวฝีเท้าแล้ว

เฉินซ่าพูดอย่างเยือกเย็น : "พวกข้าไม่คุ้นชินกับการยืนรอคนที่หน้าประตู"

โหลชียกย่องชมเชยเขาทันที หล่อ!

หนึ่งในสาเหตุที่นางชอบเฉินซ่า ก็คือทั้งๆที่เขาอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่เป็นอันตรายหรือว่าไม่มีความมั่นใจ ยังคงรักษาความเคยชินและเจตนาที่แท้จริงในการจัดการเรื่องราวของเขาไว้

คนแบบนี้ พูดให้น่าฟังหน่อยนั่นก็คือปณิธานแรงกล้า พูดอย่างหยาบๆหน่อยนั่นก็คือหัวรั้น!

สาวรับใช้ชุดเขียวนั่นหยุดชะงัก เหมือนว่าไม่เคยเจอที่กล้าไม่ให้ความสำคัญกับลูกค้าที่อยู่ในห้องที่หน้าประตูห้องกาญจนเช่นนี้ ตึกบุษบาพันธ์ของพวกเขามีการตรวจสอบและเงื่อนไขการจองที่เข้มงวด ตั้งเงื่อนไขของห้องทับทิมและห้องกาญจนไว้สูงที่สุด

เงื่อนไขการตรวจสอบสามข้อข้างในนั้น ข้อแรกเรื่องกำลังทางการเงิน นี่เป็นสิ่งที่ธรรมดาที่สุด คนส่วนมากก็สามารถจ่ายเงินก้อนนี้ได้ทั้งนั้น แน่นอนว่า ไม่ใช่แค่ห้าพันตำลึงทอง นี่ก็เป็นเพียงค่าใช้จ่ายขั้นพื้นฐานเท่านั้น สิ่งของที่เตรียมพร้อมด้านใน ใช้ขึ้นมาถึงจะเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่

แต่ว่านี่ก็ไม่ถือว่าเป็นอะไร เงื่อนไขที่สองก็คือกองกำลังแข็งแกร่ง ลูกค้ามีความสามารถในการต่อสู้มากก็ได้ หรือว่าจะพาเพื่อนที่มีศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาหรือว่าอารักขามาก็ได้

เงื่อนไขที่สามกลับว่าเป็น การส่งมอบสมบัติโบราณชิ้นหนึ่ง รอถึงตอนที่ไปจากตึกบุษบาพันธ์ จะนำสมบัติโบราณคืนกลับสู่ดั้งเดิม

ไม่ใช่ลำดับศักดิ์ธรรมดาๆ ไม่เช่นนั้นคงเอาสมบัติโบราณออกมาไม่ได้จริงๆ

เพราะรู้เงื่อนไขสามข้อนี้ ดังนั้นคนที่มาตึกบุษบาพันธ์ล้วนแต่รู้ว่าลูกค้าของห้องกาญจนนั้นมีเงินมีอำนาจมีคนคอยหนุนหลังมีเส้นสนกลใน ส่วนใหญ่ล้วนแต่ประจบประแจงหรือมีทัศนคติที่คบค้าสมาคมด้วยใจจริง

ไม่เคยมีแบบเฉินซ่าอย่างนี้มาก่อนเลย แม้แต่รอครู่หนึ่งก็ไม่ยินยอม

"กรุณารอสักครู่----"

เฉินซ่าตบเข้าไปยังประตูของห้องกาญจนนั่นฉาดหนึ่งแล้ว

สาวรับใช้ทุกคนต่างก็ตกใจกันยกใหญ่ ปกป้องลูกค้าเป็นหน้าที่ของพวกเขา สาวรับใช้สองคนที่อยู่ข้างประตูรีบออกกระบวนท่าป้องกันไว้ พลังฝ่ามืออันทรงพลังที่ล่องหน รอพวกนางเข้ามา ถึงได้รู้ว่ามีความน่ากลัวอย่างลึกซึ้งมากแค่ไหน!

สีหน้าของพวกนางเปลี่ยนไป ในขณะเดียวกันก็ถอยตัวลงไป มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากแล้ว

"ปัง!"

ประตูนั่นถูกเฉินซ่าตบออกไป แต่ช่วงที่ประตูเพิ่งจะเปิดออก จู่ๆเหมือนว่าแรงลมหลบหลีกกำลังภายในที่ออกมาจากฝ่ามือของเขาเบาๆแล้ว ค่อยๆลอยพัดเข้ามาทางพวกเขาอย่างเบาๆแล้ว

โหลชีได้กลิ่นกลิ่นหอมโชยนั่นแล้วโดยทันที ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้ว นางยังไม่รู้ว่ากลิ่นหอมแบบนี้คืออะไร แม้ว่าตอนนี้เฉินซ่าไม่ว่าพิษใดก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ว่านางก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน แต่กลับวิงเวียนศีรษะได้!

นางกำลังจะเดินเข้าไปบังตรงหน้าเขา เฉินซ่ากลับว่ายื่นมือลากไป ลากตัวนางไปไว้ที่ด้านหลังของตัวเองแล้ว และในเวลานี้ โหลชีเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปมากอย่างฉับพลันของเขา ในใจก็อดที่จะตกใจไม่ได้

เฉินซ่าไม่ถอยไม่หลบ ปล่อยให้แรงลมนั่นจู่โจมเข้าใส่ตัวเอง โหลชีที่ยืนด้านหลังของเขา สัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อที่ตึงแน่นของเขาโดยทันที แล้วมีเจตนาฆ่าที่มากมายนับไม่ถ้วนนั้น

"เฉิน----"

มือของนางเพิ่งวางบนไหล่ของเขา จู่ๆในห้องก็เกิดเสียงยิ้มเยาะขึ้นมา "คิดไม่ถึง คิดไม่ถึงจริงๆ นี่ก็ไม่รู้ว่าเป็นสิ่งที่น่าประหลาดหรือว่าตกใจ ให้พวกเขาเข้ามาเถิด"

สาวรับใช้เหล่านั้นถอยลงไปทันที

โหลชีตบๆที่ไหล่ของเฉินซ่าแล้ว นางมองว่าเขาค่อนข้างผิดปกติไม่ออกได้ยังไงกันล่ะ และสิ่งที่ทำให้เขาผิดปกติก็คือกลิ่นหอมนั่น

เฉินซ่าพลิกจับมือของนางไว้ ในฝ่ามือของเขาค่อนข้างเปียกชื้นเล็กน้อย แต่ว่าก้าวเท้าอย่างไม่ลังเล เดินก้าวเท้ายาวเข้าไปแล้ว

ปัง

พวกเขาเพิ่งจะเข้าประตูมา ประตูก็ปิดดังปังตามหลังพวกเขาแล้ว

ห้องกาญจน ใหญ่จนทำให้พวกเขาไม่สามารถมองเห็นกำแพงเพียงแวบเดียวได้

ม่านสีทองอ่อนๆที่ทับซ้อนกันเป็นชั้นๆ คนเต้นรำ รำกระบี่อีกทางฝั่งหนึ่ง สิ่งที่ใช้คือกระบี่ไม้ไผ่ ไม่ได้มีคมดาบแหลมคม แต่กลับว่าทำให้คนรู้สึกเหน็บหนาว

พวกที่กำลังรำกระบี่คือชายหนุ่มห้าคนที่สวมใส่ชุดคล่องตัวสีชมพู เสียงพิณแผ่ซ่านเข้ามาจากทางด้านข้าง แต่มีฉากกั้นไว้ มองเห็นอีกฝ่ายไม่ชัดเจน

นี่บางทีอาจจะอยากสร้างความกังวลและแปลกประหลาดอย่างหนึ่งให้แก่พวกเขา

โหลชีเลิกคิ้วขึ้นทันที พูดอย่างรังเกียจมากว่า : "กลุ่มผู้ชายที่รูปร่างสูงใหญ่ดูแข็งแรงบึกบึน คิดไม่ถึงว่าหัดสวมใส่ชุดสีชมพูของสาวๆ ข้าว่าพวกเจ้ามีจิตใจของความเป็นหญิงสาว หรือว่าพวกเจ้าเป็นชายกระต่ายกันหมดนะ?"

เมื่อพูดคำนี้ออกมา พวกชายหนุ่มที่กำลังรำกระบี่เพื่อพุ่งเข้าใส่พวกเขาด้วยเจตนาแห่งความเยือกเย็นเหล่านั้นเกิดความโกลาหลโดยทันที

"จุ๊ๆๆ ช่างไม่สงบนิ่งเอาเสียเลย ช่างไม่มีความเป็นมืออาชีพเอาเสียเลย แค่พูดว่าพวกเจ้าว่าเป็นชายกระต่าย พวกเจ้าก็โกลาหลแล้ว!โชคดีที่พวกข้าไม่ได้ซื้อตั๋ว ไม่เช่นนั้นจะต้องเอาขวดน้ำแร่ทุบหัวพวกเจ้าตะโกนขอคืนตั๋วแน่นอน"

ขวดน้ำแร่ อะไรกัน?

คืนตั๋ว หมายความว่าไง?

ไม่เข้าใจสองข้อนี้ ไม่เป็นอุปสรรคต่อพวกเขาในการฟังเข้าใจความหมายของนาง

เสียงพิณที่อยู่ด้านหลังฉากกั้นหยุดลงทันที เสียงก่อนหน้านี้ก็ดังขึ้นมาอีกแล้ว : "น่าสนใจดีนะ ข้าได้ยินมาว่าในใต้หล้านี้มีหญิงสาวที่น่าสนใจมากมาย ก็อยากจะมาดูหน่อย คิดไม่ถึงว่ามีความน่าสนใจเสียจริงๆด้วย"

ในใจของโหลชีอดคิดไม่ได้ นี่คงไม่ใช่เฒ่าประหลาดที่ออกมาจากที่ไหนสักแห่งหรอกนะ?

คนคนนั้นพูดจบแล้วเหมือนว่ารอคำพูดของโหลชีต่อ โหลชีกลับเหมือนว่าไม่ได้ยินเสียงของเขายังไงอย่างนั้น เริ่มหาจิ้งจอกม่วงแล้ว

"วู๊วู ยัยจิ้งจอกไม่รักดียังไม่รีบออกมาอีก กลับบ้านแล้ว!ได้ยินมาว่าตะครุบหน้าสัตว์เลี้ยงของคนเขาจนได้รับบาดเจ็บแล้ว นี่กลัวความผิดแล้วหลบหนีแล้วใช่หรือไม่?"

"บังอาจ!" ผู้ชายชุดชมพูที่รำกระบี่ผู้หนึ่งพูดตำหนิ : "จะให้อภัยเจ้าต่อหน้าท่านอารยะได้เยี่ยงไร----"

โหลชีมองไปที่เขาพร้อมพูดกล่าวอย่างลำบากใจว่า : "นี่ ข้าไม่พูดกับชายกระต่ายนะ เจ้าอย่าบีบบังคับข้า"

คนผู้นั้นเกือบจะพ่นเลือดออกมาแล้ว : "ใครคือชายกระต่าย?!"

ดวงตาของโหลชีกลอกไปมาบนตัวของพวกเขาทั้งห้าคนอย่างว่องไว แสดงให้เห็นว่าเข้าใจอย่างชัดเจน

"เจ้า!"

"เจ้าเป็นใครกัน?" เฉินซ่าถามอย่างเคร่งขรึมทันทัน โหลชีมองไปที่เขาแวบหนึ่ง จับมือของเขาแน่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ