ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 306

ซู่อวิ๋นซิงยื่นมาออกมาวางไว้บนที่หน้าผากของสาวใช้: "เจ้าคิดว่าข้าเชื่อหรือ? ไม่แก่ตลอดไปยังไงก็เป็นไปไม่ได้ แต่ว่า สำหรับการรักษารูปร่างหน้าตาถือว่าได้ผล นางหญิงแพศยาซู่หลิวอวิ๋นคนนั้นเคยกล่าวไว้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้โอ้อวดเกินจริงขนาดนั้น แต่ว่าการอาบแสงในระยะยาว เมื่ออายุสี่สิบแต่ยังคงดูเหมือนกับว่าอายุยี่สิบห้าก็สามารถเป็นไปได้"

แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ยืดเวลาความแก่ชราและอ่อนแอออกไป แค่นี้ยังไม่เพียงพอหรือ!?

เปลวไฟเกือบจะพุ่งออกมาจากดวงตาของสาวใช้ที่อยู่ในชุดสีฟ้า "คุณหนู พวกเรานำกลับไป ถึงเวลานั้นก็ให้ข้าได้อาศัยบารมีของท่านบ้างนะ!"

"แต่ว่าเจ้าของล้ำค่านี่มาปรากฏอยู่ที่นี่แบบนี้ เจ้าไม่รู้สึกว่ามันแปลกมากหรือ?"

"แปลกแล้วจะยังไง? ยังไงพวกเราสามารถนำกลับไปด้วยก็พอแล้ว คุณหนู ท่านไม่ใช่คนที่กล้าหาญมาโดยตลอดหรอกหรือ? หรือว่ากลัวนางฟ้ามาเห็นหรือ?"

ซู่อวิ๋นซิงสีหน้าไม่มีความสุข "ตอนนี้เจ้าเรียกนางว่านางฟ้า เรียกจนติดเป็นนิสัยแล้วใช่มั้ย?

ซู่หลิวอวิ๋นนางหญิงแพศยาคนนั้น เมื่อตอนเด็กที่เขาเฉินอวิ๋นนางได้แย่งชิงคุณวุฒิของข้าไป ต่อมาภายหลังยังทำให้ท่านพ่อของข้าได้รับบาดเจ็บเพื่อปกป้องนางไม่ให้เกิดเรื่อง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามักจะใช้ข้าเป็นอุปกรณ์การแสดงให้ดูเหมือนว่านางเป็นคนอ่อนโยนใจกว้างรู้บุญคุณคน นางฟ้า? ข้าอยากจะถุย! ถ้าข้าไม่แสร้งทำตลอดหลายปีมานี้ คงจะโดนนางทำร้ายจนตายไปตั้งนานแล้ว! ทำไมข้าต้องกลัวนาง? เมื่อถึงเวลานั้น เมื่อทุกอย่างพร้อม ก็จะเป็นวันตายของนาง----"

ในเวลานี้อารมณ์ที่แสดงออกมาของซู่อวิ๋นซิงเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นเหยียดหยาม ยังมีความรู้สึกบึ้งตึงและเย็นชา หญิงสาวที่ไหนกันที่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกว่าไม่มีสมอง รู้เพียงแค่ขอยืมชื่อเสียงของลูกพี่ลูกน้องผู้หญิงคนโตไปตะโกนโหวกเหวกตอนดื่ม?

"คุณหนู ข้ารู้ว่าตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาท่านได้รับความไม่เป็นธรรม ยังมีข้าที่คอยอยู่ข้างๆ ท่านนี่นา"

"อืม เจ้าเป็นคนดี รอข้าแย่งชิงชื่อเสียงและตำแหน่งจากนางผู้หญิงแพศยาคนนั้น จะชดเชยให้เจ้าอย่างแน่นอน ตลอดหลายปีมานี้เจ้าเองก็ได้รับความไม่เป็นธรรมไม่น้อย เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะมอบเจ้าให้กับซู่หลิวอวิ๋นคอยปกป้องและดูแลศิษย์น้องชายเล็กคนนั้น เป็นอย่างไร?"

คำพูดเพียงประโยคเดียวก็ทำให้สาวใช้ผู้นั้นถึงกับเบ้าตาแดง อดไม่ได้ที่จะโกรธจนหน้าแดง

หางตาของซู่อวิ๋นซิงเหลือบมองไปยังซากศพแห้งกรังที่อยู่ในมุมมืดนั้น คาดว่าสาวใช้ของตนเองน่าจะมองไม่เห็น นางโน้มเอวลงไปเพื่อมองดูกล่องใบนั้นอย่างละเอียด ถึงแม้ว่าจะเปิดออกแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าด้านล่างของโคมไฟที่สวยงามดวงนั้นมีของสีเงินเส้นหนึ่งที่ผูกมันไว้กับก้นกล้องใบนั้น หากเป็นเช่นนี้แล้วไม่สามารถนำออกมาได้อย่างสิ้นเชิง

นางขมวดคิ้ว มองไปยังผู้ชายที่ตายแล้วคนนั้นทีหนึ่ง แล้วก็มองไปยังสาวใช้ เดินถอยหลังออกมาอย่างเงียบๆ สองก้าว "ถ้าอย่างนั้นไปนำโคมไฟนั้นออกมาก่อน พวกเรารีบออกไปจากที่นี่ หลังจากนั้นค่อยหารือกันอีกทีว่าจะส่งโคมไฟกลับไปอย่างไร"

สาวใช้พยักหน้า ยื่นมือออกไปหยิบโคมไฟดวงนั้น ทันทีที่ยกขึ้นมา กลุ่มหมอกสีเทาน้ำเงินก็พ่นออกมาทันที บริเวณตั้งแต่คางจนถึงทรวงอกของสาวใช้นั้นเต็มไปด้วยสิ่งที่พ่นออกมา

เสียงร้องที่น่าเวทนาออกมาจากปากของสาวใช้ "เจ็บมาก! โอ๊ย!"

เสียงร้อนดังฉ่าๆ เสื้อผ้าที่บริเวณคอและทรวงอกของสาวใช้ กำลังถูกกัดกร่อนลงอย่างรวดเร็วขนาดที่ตาเปล่ายังมองเห็น

"คุณหนู ช่วยข้า......"

ซู่อวิ๋นซิงมองดูนางด้วยความตกตะลึง เมื่อได้ยินเสียงร้องของนาง จึงทำให้ตื่นจากความฝันอย่างรวดเร็ว ดึงมีดสั้นออกมา รีบตัดเสื้อผ้าบริเวณหน้าอกของนางออก อยากจะฉีกเสื้อผ้าทิ้ง แต่คาดไม่ถึงว่าพิษนั่นจะลุกลามอย่างรวดเร็ว คาดไม่ถึงว่าจะกัดกร่อนไปถึงด้านในแล้ว นางใช้แรงตัด ถึงแม้ว่าจะฉีกเสื้อผ้าออกแล้ว แต่ก็ได้กรีดบริเวณหน้าอกของสาวใช้จนมีบาดแผลเป็นทางยาว หัวใจของนางเต้นแรง แต่ก็รู้ว่าไม่อาจลังเลได้ รีบใช้มือจับไปที่ผ้าที่ตัดด้วยมืออีกข้างแล้วดึงออกอย่างรุนแรง

"โอ๊ย คุณหนู----"

สาวใช้เกือบจะเป็นลมไปเนื่องจากความเจ็บปวด

เมื่อซู่อวิ๋นซิงได้มองเห็นผ้าผืนใหญ่ที่ตนเองได้ใช้แรงฉีกออกอย่างรุนแรง ก็กรีดร้องออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ และโยนของสิ่งนั้นออกไปราวกับว่าถูกลวกยังไงอย่างนั้น

ในตอนนั้น นางมองเห็นชัดเจนแล้ว ว่าที่ฉีกออกมามันใช่ผ้าผืนใหญ่ที่ไหนกัน! มันคือผิวหนังผืนใหญ่ชัดๆ! เลือดหยดติ๋งๆ น่าสยดสยอง!

นางมองไปยังสาวใช้อย่างสั่นเทา บริเวณทรวงอกของนางเต็มไปด้วยเลือดน่าสยดสยองทั้งแผ่น มองไม่เห็นผิวหนังเลยสักนิดเดียว!

เสื้อผ้าในตอนแรกนั่นถูกกัดกร่อนจนไม่เหลือไปตั้งนานแล้ว สิ่งที่มีดสั้นของนางกรีดออกมาแท้จริงแล้วไม่ใช่ผ้า แต่มันคือผิวหนัง!

"ข้า ข้าไม่ได้ตั้งใจ......" ซู่อวิ๋นซิงสั่นเทาไปทั้งตัว ในตอนนี้เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าพกยาห้ามเลือดบาดแผลติดตัวมาด้วย รีบหยิบออกมาทันที เปิดฝาออกด้วยมือที่สั่นเทา สาดยาผงทั้งขวดลงไปที่บริเวณหน้าอกของนาง แต่ว่า ขนาดของบาดแผลใหญ่เกินไป ยาผงขวดนั้นก็ไม่เพียงพอ ไม่เพียงพอ นางจี้จุดบนบริเวณร่างกายของสาวใช้ไปหลายจุด ไม่ว่าอย่างไรก็ตามจะต้องห้ามเลือดให้ได้

แต่ในเวลานี้ ตั้งแต่บริเวณคอจนถึงทรวงอกของสาวใช้ที่เคยสวยสดงดงามได้กลายเป็นเนื้อที่เต็มไปด้วยเลือดผืนใหญ่แล้ว และเมื่อผสมเข้ากับยาผงสีน้ำตาล กลายเป็นความสยดสยองได้ง่ายๆ

ในตอนนี้ซู่อวิ๋นซิงรู้สึกเสียใจเล็กน้อย

เดิมทีนางคิดเอาไว้ว่าน่าจะมีกลไก ไม่น่าจะหยิบโคมไฟดวงนั้นได้ออกมาอย่างง่ายดาย อีกทั้งยังมีคนตายนั่นด้วย ถ้าหากว่าสิ่งของหยิบได้ง่าย จะมาตายอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร?

แต่ว่าในตอนนั้นนางมีความคิดบางอย่าง บางทีถ้าบอกเรื่องนี้กับสาวใช้แล้ว เกรงว่านางจะเกิดกลัวขึ้นมาจนไม่กล้าหยิบโคมไฟ แล้วถ้าหากว่าไม่ลองก็คงจะไม่มีโอกาสอีกตลอดไปไม่ใช่หรือ?

ดังนั้น นางจึงเก็บความคิดที่โชคดีโดยไม่คาดคิดเล็กๆ เอาไว้

บางทีอาจจะเป็นเพียงแค่กลไกเล็กๆ? บางทีอาจจะได้รับบาดเจ็บแค่เพียงเล็กน้อย?

ยังมีความคิดอีกเล็กๆ อีกอย่างคือ นี่เป็นสาวใช้ของนาง หลายปีมานี้คนที่สามารถเชื่อถือได้รอบๆ ตัวนางก็มีไม่มากนัก ค่อนข้างตามใจสาวใช้คนนี้พอควร บางครั้งก็เกือบจะเหมือนว่านางเป็นดั่งพี่สาวน้องสาว ตอนนี้มีความจำเป็น เดิมทีนางก็ควรจะทำออกมาให้ดีๆ เพื่อตัวเอง

ผลลัพธ์ ก็เลยออกมาเป็นแบบนี้

ซู่อวิ๋นซิงมองไปยังสาวใช้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว อยากจะร้องไห้ออกมา

หลังจากนี้ นางจะยังสามารถอยู่ข้างกายตนเองเพื่อเป็นธุระให้ตนเองหรือไม่? ทำสาวใช้จนเป็นแบบนี้ คนอื่นจะมองนางอย่างไรกัน? ซู่หลิวอวิ๋นน่าจะอิ่มอกอิ่มใจตายละมั้ง?

ซู่อวิ๋นซิงจิตสังหารปรากฏขึ้นในดวงตาแวบหนึ่ง

แต่ในเวลานี้ นางมองเห็นว่าที่มุมนั้นมีแผ่นกระดานของห้องในเรือยื่นออกมา มีช่องแตกหักที่มีปากแหลมคม ด้านบนนั้นมีเศษผ้าเล็กๆ อยู่ผืนหนึ่ง

สีของเศษผ้าผืนนั้น ทำไมนางมองดูแล้วรู้สึกคุ้นตา?

นางไม่หยิบกล้าโคมไฟนั่นอีกแล้ว เศษผ้านั่นนางนึกออกแล้ว นั่นคงเกี่ยวออกมาจากกระโปรงของใครสักคน ในเมื่อสองคนนั้นมาถึงที่นี่แล้วแต่กลับไม่หยิบโคมไฟโคมไฟงามบวรนี่ไปด้วย นี่ไม่ใช่หมายความว่า พวกเขารู้ว่าแท้จริงแล้วนำออกไปไม่ได้

ทำไมนางไม่เห็นเศษผ้าผืนนี้เร็วกว่านี้?

ในเมื่อตอนนี้ก็เป็นแบบนี้แล้ว ถ้านางไม่ออกน้ำเสียงนี้ นางก็คงไม่ใช่คนสกุลซู่

......

โหลชีรู้สึกหนาวขึ้นมาทันทีทันใด

เฉินซ่าสังเกตเห็นได้ในทันที "หนาว?"

โหลชีส่ายหัวไปมา กล่าวติดตลกว่า: "รู้สึกเหมือนว่ามีคนกำลังวางแผนทำร้ายข้าลับหลัง"

นางกลับไม่รู้ว่า คำพูดติดตลกประโยคนั้นแท้จริงแล้วเป็นความจริง

"ใครจะกล้าวางแผนทำร้ายเจ้า ข้าจะตีให้ตาย" เฉินซ่าพ่นลมหายใจ

ด้านหน้าเป็นเรือที่มีโคมไฟอีกลำหนึ่งอีกแล้ว ขณะที่ทั้งสองกำลังจะก้าวไปข้างหน้า แต่ทว่าโคมไฟที่อยู่ตรงหน้าต่างนั่นได้สะท้อนเงาของใครบางคนออกมา

ทรงผมเสียบเครื่องประดับผม ลำคอตรงยาว หน้าอกอวบอิ่ม หุ่นสูงชะลูด เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้หญิง และเมื่อดูจากลักษณะท่าทาง คงเป็นคนที่สวยเลิศล้ำคนหนึ่ง

นางกำลังนั่งอยู่ ศีรษะก้มอยู่เล็กน้อย มองดูแล้วเหมือนว่ากำลังทำอะไรบางอย่างอยู่

ที่ด่านตรวจนี่ยังมีคนคอยเฝ้าอยู่อีกหรือ? หรือว่า ผู้หญิงนางนี้ก็ขึ้นมาเพื่อผ่านด่าน? พวกเขาได้โคมไฟมาแล้วหนึ่งดวง แต่ว่านอกจากผู้ชายที่ตายแล้วคนนั้นก็ยังไม่เห็นใครอีกเลย คิดว่าอาจจะไม่พบเจอคนอีกแล้ว

ตอนนี้มีคนอยู่ที่นี่พวกเขาไม่สามารถเดินไปรอบๆได้ ทุกห้องเก็บของของเรือที่มีโคมไฟโดยธรรมชาติก็ควรจะเข้าไปสำรวจดูสักหน่อย

"ข้าจะเข้าไปทางหน้าต่างด้านนี้ ท่านเข้าไปทางประตู" โหลชีชี้นิ้วไปมา

เฉินซ่าจับแน่นไปที่ข้อมือของนาง "ไม่จำเป็น"

โหลชีเข้าใจอย่างรวดเร็วว่าไม่มีความจำเป็นของเขานั้นหมายความว่าอะไร เขาผลักประตูของห้องเก็บของเรือออก การปรากฏตัวของทั้งสองคนทำให้คนที่อยู่ด้านในตกใจเป็นอย่างมาก

แต่สภาพด้านในก็เกินความคาดหมายของทั้งสองคนอย่างมาก ผู้หญิงนั้นก็เป็นผู้หญิงจริงๆ ลักษณะรูปร่างก็ดูไม่เลวเลยจริงๆ แต่ว่าใบหน้านั้นกลับทำให้ไม่กล้าเยินยออย่างแท้จริง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผล ปลายจมูกรั้น ปากบิดเบี้ยว

โหลชีรู้สึกโชคดีลึกๆ ดีที่ตนเองนั้นไม่ใช่ผู้ชาย ไม่ได้มีความคิดแย่ๆ อยู่ภายในใจที่มีต่อหญิงสาวที่อยู่ด้านในนี้เพราะจากเงาสะท้อนที่เห็นจากด้านนอกนั่น ไม่เช่นนั้นถ้าได้เห็นแบบนี้แล้ว พื้นที่ภายในจิตใจหนึ่งหน้ากระดาษคงคิดคำนวณออกมาไม่ได้อย่างแน่นอน

และในมือของผู้หญิงคนนี้ก็กำลังดึงขอเหล็กอยู่เส้นหนึ่ง นางกำลังใช้ขอเหล็กอันนั้นเกี่ยวสิ่งของที่อยู่บนพื้นที่โล่งด้านล่าง

"ข้าจะบอกพวกเจ้านะ ยายเข้ามาในนี้หนึ่งชั่วยามแล้วเพิ่งหาโคมไฟเจอแค่หนึ่งดวงนี้ ทางที่ดีพวกเจ้ารีบไสหัวไป กล้าแย่งไปจากกูงั้นหรือ----"

นางยังไม่ทันได้พูดจบ เฉินซ่าก็พูดออกมาอย่างเรียบๆ ไม่กี่คำ "ไสหัวไป หรือตาย"

"ข้าไสหัวไปกับแม่เจ้าสิ----" ผู้หญิงใบหน้ามีแผลโกรธมาก พูดจบประโยคก็พ่นน้ำลายออกมาราวกับดวงดาว

โหลชีเบี่ยงตัวเองหลบออกอย่างไร้ความเมตตา

เฉินซ่าสีหน้าแน่นิ่ง ฝ่ามือตบออกไปเบาๆ

"อุ๊ย น้องชายวรยุทธ์ฝ่ามือนี้ตุ๊ดมากเลย----"

ยังไม่ทันได้พูดจบ ผู้หญิงใบหน้ามีรอยแผลรู้สึกว่าตัวเองกำลังลอยขึ้นไป เสียงหวีดหวิวของลมพัดผ่านข้างหู ผลัวะ หน้าต่างบานหนึ่งถูกนางกระแทกออก และร่างของนางก็ยังลอยไม่หยุด อีกทั้งยังพุ่งลอยออกไปที่ด้านนอก

เสียงด้านนอกถูกตัดขาด และก็ไม่รู้ว่านางลอยไปตกอยู่ที่ใด

ดังนั้น ความหมายของเขาคือ ไม่ว่าสถานการณ์ด้านในจะเป็นอย่างไร ความแข็งแกร่งเป็นที่เคารพ แย่งชิงมาก็ถูกต้องแล้ว สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดของหญิงใบหน้ามีรอยแผลก็คือยังด่าคน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ตกลงไปในทะเลสาบ คาดว่าก็น่าจะไม่มีชีวิตรอด เฉินซ่าก็ไม่ได้เป็นคนที่มีเมตตามาตั้งแต่ไหนแต่ไร

โหลชีลูบจมูกไปมา ก็ไม่ได้สนใจที่จะไว้เศร้าใจให้กับหน้ามีรอยแผลนั่น เมื่อเดินเข้าไป นางประหลาดใจที่พบกล่องใบหนึ่งแขวนอยู่ที่ด้านล่างของแผ่นกระดานเรือโล่งๆ ด้านในกล่องมีเพียงแค่ช่องกลมๆ ด้านบนเพื่อให้แสงของโคมไฟสวยงามเล็กๆ ดวงหนึ่งส่องออกมา โคมไฟอันเล็กด้านในกำลังส่องสว่างอยู่ แสงของโคมไฟอบอุ่นและสวยงามมาก

แต่ว่า มือของพวกเขายื่นลงไปก็สามารถสัมผัสกล่องใบนั้นได้ แต่นิ้วมือสามารถสัมผัสได้แค่ปากช่อง ไม่สามารถยื่นเข้าไปข้างในได้

"ต้องเอาออกมา เว้นแต่ว่าจะตบกระดานด้านนี้ของเรือออก พื้นที่กว้างขึ้นหน่อย ข้าจะลงไปในน้ำ หรือว่าใช้พิชิตวันทำให้กล่องแตกออก"

โหลชีส่ายหัวไปมา "ไม่ ไม่ได้ จะใช้กำลังในการทำลายไม่ได้ เห็นหรือไม่ ด้านล่างของกล่องก็คือน้ำ ไม่มีก้นกล่อง สิ่งของที่ประคองโคมไฟดวงนี้เอาไว้ก็คือผนังกล่องทั้งสี่ด้าน กับดักที่แข็งแกร่งหรือว่าอะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้าหากทำลายกล่องใบนี้ โคมไฟก็จะตกลงไปในน้ำ"

นี่เป็นค่ายกลป้องกันการรุกรานเล็กๆ รูปแบบหนึ่ง เมื่อครู่ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่นางก็รู้ว่านางไม่สามารถใช้กำลังส่งเดชได้ ก็เลยใช้ขอเหล็กเกี่ยวขึ้นมาแบบนุ่มนวล

"ข้าน่าจะเก็บตะขอเกี่ยวนั่นไว้ เฉินซ่าขมวดคิ้ว"

โหลชีเริ่มรู้สึกรังเกียจขึ้นมา: "ของที่คนอื่นเอามาใช้ปล้นจี้ในตอนกลางดึกประเภทนั้นท่านก็อยากได้งั้น?"

เฉินซ่าเลิกคิ้วเหลือบมองเขา

โหลชีหยิบแส้ปลิดวิญญาณออกมา กดลงไปที่ใดที่หนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะมีตะขอเล็กๆ เด้งออกมาจากบริเวณปลายแส้

"ยังมีอะไรที่แส้ของเจ้าไม่สามารถทำได้อีกหรือไม่?" เฉินซ่าหมดคำจะพูด

โหลชีเกี่ยวโคมไฟดวงนั้นขึ้นมา กำลังจะยื่นมือไปหยิบ แต่ทว่ากลับเห็นผนังด้านในกล่องเขียนตัวหนังสืออะไรสักอย่างเอาไว้หนึ่งแถว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ