เมื่อมีปิ่นปักผมไข่มุกอันนี้แล้ว ก็จะสามารถมองเห็นนางได้อย่างชัดเจน ในมือถือไก่ปลอมตัวหนึ่งที่ทำขึ้นจากไม้ไผ่และเศษไม้ ด้านบนหลังมีโซ่เหล็กเส้นเล็กๆ ซึ่งน่าจะแขวนอยู่ด้านบน แต่มันถูกเฉินซ่าเหยียบจนหักไปแล้ว
แต่ว่าบนจะงอยปากแหลมๆ ของนกตัวนั้นส่งกลิ่นบางอย่างที่มีความคาวเล็กน้อยออกมา
นางดมแล้วดมอีก ยังใช้นิ้วนิ้วหนึ่งสัมผัสทีหนึ่งไปอย่างเบามือ ลื่นๆ เหนียวๆ
"เป็นยาน้ำที่สามารถทำให้ประสาทหลอนได้ชนิดหนึ่ง ดูเหมือนว่า นกตัวนี้อาจจะเป็นกุญแจสำคัญของหลายๆ ด่านต่อจากนี้ ให้มันแทงสักเล็กน้อย พอผ่านไปสักครู่ก็จะทำให้เกิดอาการประสาทหลอน" เพียงแต่อีกฝ่ายอาจจะคาดไม่ถึงว่า เพียงแค่หนึ่งกำปั้นก็สามารถทุบมันลงมาได้แล้ว การทุบลงมาเป็นวิธีการที่ถูกต้องที่สุด เพราะว่าด้านบนผูกด้วยโซ่เหล็กชั้นดี ถ้าหากตบออกไปทางด้านนอก มันก็จะเด้งย้อนกลับมา หากไม่ระวังอาจจะโดนจะงอยปากแหลมๆ แทงเอาได้ หากจะใช้อาวุธตัดโซ่เหล็กออก ก็จะต้องเป็นอาวุธที่ตัดเหล็กได้เสมือนโคลนถึงจะได้ มิเช่นนั้นจะทำให้มันสั่นไหวอย่างรวดเร็ว จะถูกมันแทงได้โดยไม่ตั้งใจ
ในความมืดมิดเมื่อครู่ เฉินซ่าไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนแต่ยังสามารถตัดสินใจได้ถูกต้องอย่างรวดเร็ว ซึ่งแสดงให้เห็นได้ชัดว่าเขาสุขุมอยู่ตลอดเวลา ไม่มีความตื่นตระหนกแม้แต่น้อย
"มากเกินความจำเป็น"
"ไม่ หากใช้ควันสลบ เกรงว่าในพื้นที่ว่างแบบนี้จะไม่สามารถรักษาคุณสมบัติของยาได้อย่างเพียงพอ" โหลชีกล่าว อย่างไรก็ตามก็อยู่ในเรือที่ลอยอยู่บนผิวน้ำเปิดโล่ง เรือล้วนมีแต่หน้าต่าง บนทะเลสาบก็มีลม ความปิดสนิทไม่ดีพอ
วิธีการใช้เรือก็อาจจะเป็นวิธีที่สุดที่พวกเขาสามารถหาได้ ท้ายที่สุดแล้วสถานที่ก็ไม่มีให้เลือกมากนัก อยู่ได้เพียงแค่ประตูหอนางโลมเท่านั้น
เฉินซ่าเหลือบตามองปิ่นปักผมไข่มุกที่อยู่บนผมสีดำหนาของนาง ยังคงรู้สึกว่ามองยังไงก็ยังรู้สึกขัดตา "ก่อนที่จะได้รับการพิสูจน์ ตอนนี้เจ้ายังสามารถไม่เรียกเขาว่าพี่ใหญ่ได้"
อะไร?
โหลชีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ถึงจะมีสติคิดได้ว่าที่เขาพูดถึงก็คือโหลฮ่วนเทียน อดไม่ได้ที่จะหมดคำพูด เหล่ตามองเขา "ท่านคงไม่อิจฉาริษยาแม้กระทั่งพี่น้องหรอกนะ?"
"ปิ่นปักผมอันแรก กำไลข้อมืออันแรก ต่างหูคู่แรก ของชิ้นแรกของเจ้าทั้งหมด ก็ล้วนเป็นข้าที่มอบให้ หลังจากนี้เขาต้องการจะมอบอะไรก็แล้วแต่เขา" เฉินซ่ากล่าวด้วยความเผด็จการ
โหลชีเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม : "ความหมายของท่านคือ ท่านเริ่มเตรียมที่จะมอบของขวัญให้ข้าอย่างไม่ขาดสาย?"
"ไม่มอบของขวัญทั่วไป ดังนั้น ยังต้องให้ความสำคัญกับโอกาสด้วย แต่ว่าก่อนหน้าที่ข้าจะมอบของขวัญให้ ไม่อนุญาตให้รับของขวัญจากเขา"
เชอะ เด็กน้อยเกินไปแล้ว
โหลชีเหลือบตามองบน "ไปกันเถิด จะได้ไม่ล่าช้าเกินกำหนด ไม่รู้ว่าจ้าวหยุนได้โคมไฟมากี่ดวงแล้ว"
เฉินซ่าหยุดฝีเท้าทันที "จ้าวหยุนคนนี้ ทางที่ดีเจ้าควรอยู่ให้ไกลจากคนผู้นี้"
"เจ้าอยากจะพูดอะไรอีก?" เพราะว่าหึงหวงอีกแล้ว?
แต่ว่า ครั้งนี้กลับกลายเป็นนางที่เข้าใจฝ่าบาทผิดไป เขาขมวดคิ้วพร้อมกับพูดเบา : "จ้าวหยุนคล้ายกับหยุนเฟิงมาก แต่ว่าก็ยังมีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก ความเหมือนและความแตกต่างชัดเจนขนาดนั้น แปลกประหลาดมาก และจ้าวหยุนผู้นี้ก็ลึกลับซับซ้อนมากเกินไป ไม่เหมาะแก่การคบค้าสมาคมด้วย"
โหลชีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แท้จริงแล้วนี่คือสาเหตุ? แต่ว่า ความรู้สึกนี้นางเองก็มีเช่นกัน แต่ไม่เห็นว่ามีเจตนาร้ายก็แค่นั้นเอง
แต่ว่าแววตาแบบนั้น "เจ้าโง่ขนาดนี้ข้าเป็นห่วงว่าเจ้าจะโดนคนหลอก" ของฝ่าบาทแท้จริงแล้วจะมีกี่ความหมายกันแน่? นางโง่ขนาดนี้เลยหรือ? จะโดนหลอกง่ายขนาดนี้เลยหรือ?
สองคนเดินผ่านเรือลำนี้ไปแล้ว กระโดดไปยังเรืออีกลำหนึ่ง โหลชีกล่าวด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวทันที: "พูดว่าให้หาโคมไฟห้าดวง เจ้าของแผงลอยนั่นได้พูดว่าต้องการโคมไฟที่กำลังสว่างอยู่หรือไม่?"
"ไม่"
นี่ไม่ใช่หลุมพรางใช่มั้ย? คาดว่าน่าจะมุ่งหน้าไปยังด้านหน้าเรือที่มีโคมไฟที่กำลังส่องสว่างอยู่ แต่เป็นเพราะจากประสบการณ์ของพวกเขา โคมไฟที่ส่องสว่างเหล่านั้น คาดว่าเป็นเพียงเทียนท่อนเล็กที่จุดอยู่
เท้าเหยียบลงไปก็สั่นทันที
ยังไม่ทันที่นางจะได้ส่งเสียงเตือน เฉินซ่าก็พานางกระโดดขึ้น หมุนตัว แล้วตกลงบนราวกันตกเรือ
ดาดฟ้าเรือที่อยู่ในสภาพดีไม่มีความเสียหายที่พวกเขาได้เห็นเมื่อครู่ก็หล่นลงไปทีละแผ่นๆ ทันที และดูเหมือนว่าจะมีสิ่งของบางอยู่ใต้ดาดฟ้าเรือ
เมื่อรอจนความเคลื่อนไหวหยุดลง โหลชีกล่าว: "ลงไปดูกันเถิด"
แสงสว่างที่ส่องออกมาจากปิ่นปักผมไข่มุกของนางมีข้อจำกัด เมื่ออยู่ไกลออกไปก็จะมองไม่เห็น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่โดนขังอยู่ในที่ปิดสนิทสองชั้นใต้ดาดฟ้าเรือ
ทั้งสองคนกระโดดเบาๆ กลับพบว่าสัมผัสใต้ฝ่าเท้าไม่ค่อยถูกต้องนัก จึงรีบกระโดดออก โหลชีก้มหัวมองลงไป เห็นผู้ชายใส่ชุดสีน้ำเงินกำลังนอนคว่ำหน้าอยู่บนกล่องใบหนึ่งอยู่พอดี เมื่อครู่พวกเขาเหยียบลงไปที่หลังของเขาพอดี
"ตายแล้ว" เฉินซ่ามองเพียงแค่แวบเดียว กำลังภายในของเขาค่อนข้างล้ำลึก ดังนั้นจึงฟังออกได้ง่ายมากว่าอีกฝ่ายไม่มีลมหายใจและการเต้นของหัวใจแล้ว
"คาดว่าคนผู้นี้ก็อาจจะขึ้นมาบนนี้เพื่อผ่านด่าน" โหลชีหมุนไปอีกด้านหนึ่ง ในตาเป็นประกาย โน้มเอวลงไป และหยิบโคมไฟพระราชวังเล็กๆ ที่ทำขึ้นด้วยกรอบไม้เนื้อแดงและแผ่นกระจกขึ้นมา
โคมไฟดวงนั้นมีขนาดประมาณเท่าฝ่ามือของนางเท่านั้น ทำออกมาได้อย่างละเอียดงดงาม กรอบไม้แกะสลักเป็นเมฆที่ซ้อนกันเป็นชั้นๆ และดอกไม้ที่บานสะพรั่ง แผ่นกระจกมีความหนากำลังดี เป็นกระจกหลากสี นางขยับไปมา ด้านบนและด้านล่างของโคมไฟมีกระจกสองแผ่นที่สามารถดึงออกมาได้ ด้านบนวางครอบด้วยชาอบดอกไม้ ด้านล่างเป็นเชิงเทียนเล็กๆ
ดมชาอบดอกไม้หนึ่งที ดูเหมือนว่าด้านในจะใส่สิ่งของประเภทหญ้าไล่ยุงเอาไว้ เมื่อจุดโคมไฟนี้ ชาอบดอกไม้ที่ได้รับความร้อนก็จะระเหย เป็นโคมไฟที่มีทั้งกลิ่นหอมทั้งไล่ยุงได้ สามารถให้แสงสว่างและยังสามารถเป็นของประดับห้องได้อีก สารพัดประโยชน์จริงๆ
"ที่พวกเราต้องหา ก็น่าจะเป็นโคมไฟแบบนี้ใช่มั้ย?"
โหลชีค่อนข้างชื่นชอบโคมไฟดวงนี้ "ตำหนักจิ่วเซียวก็สามารถซื้อหาโคมไฟแบบนี้ได้นะ"
เฉินซ่ามีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย "เจ้าชอบ? อยากได้?"
"ใช่แล้ว"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ