ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 339

เฉินซ่ายักคิ้วมองไปที่นาง ดูไม่ออกเลยว่าท่าทางเช่นนี้นางกำลังรู้สึกอย่างไร

ทางกลับกันโหลชีเป็นผู้ส่งสัญญาณเสียงให้เขาว่า "เฉินซ่า ท่านรู้หรือไม่?เสี่ยวเซี่ยวเพียงแค่เป็นลมเพราะความหิวโหย ไม่มีปัญหาอื่นอีกเลย อีกอย่าง ทารกในครรภ์ของนางก็ยังสบายดี

นางหลบซ่อนตัวอยู่ในตู้นั้นเป็นเวลาหลายวัน ไม่มีน้ำไม่มีอาหารกิน นางหิวโซจึงเป็นลมไป แต่ระบบการทำงานต่างๆของร่างกายนั้นไม่มีปัญหา ทารกในครรภ์ยังสบายดี สือหมินจีป้อนน้ำพุวิเศษให้นาง นางสูญเสียกำลังภายในเล็กน้อย เสี่ยวเซี่ยวก็ตื่นขึ้นแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากตื่นขึ้นมาแล้วแต่ละด้านของจิตวิญญาณของนางก็ไม่มีปัญหา ซึ่งน่าทึ่งมาก

"เพราะน้ำพุวิเศษหรือ?" อยู่ๆ เฉินซ่าก็พบประเด็นสำคัญของปัญหา

โหลชีพยักหน้า "ใช่ ดูเหมือนว่า น้ำพุวิเศษเป็นน้ำสำหรับบำรุงร่างกายที่ดีจริงๆ นอกจากนี้ยังสามารถเก็บพลังงาน ปรับการทำงานของร่างกายให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด ในกรณีที่ขาดน้ำและอาหาร ก็ยังมีผลในการปกป้องร่างกาย พูดให้ชัดเจน ก็คือสามารถปรับปรุงความสามารถของร่างกายไปในทางที่ดี ทำให้ความสามารถในการทนทานต่อทุกด้านของร่างกายเข้มแข็งขึ้น"

ถือว่าเป็นน้ำที่ดีจริงๆ หากมีในยุคสมัยนี้ ถือว่าดีกว่าน้ำแร่เหล่านั้นที่เป็นขวดเล็กขายขวดละหนึ่งพันกว่าบาทเป็นร้อยเท่าอย่างแน่นอน

"ดังนั้น ความหมายของเจ้าคือ เผ่าชักมังกรต้องการที่จะเก็บน้ำไว้แล้วหยิ่งผยองรึ?"

โหลชีกพริบตา "แบบนี้ก็แน่นอนอยู่แล้ว เผ่าชักมังกรมีเพียงไม่กี่สิบคน ตอนนี้มีน้ำนี้แล้ว ทุกคู่ต่างต้องคลอดบุตรเหมือนเล่นกับโชคชะตาเป็นแน่ ในวันข้างหน้าเมื่อเด็กที่คลอดมีมากแล้ว พวกผู้หญิงก็จะไม่ทำอย่างอื่น นอกจากคลอดบุตร ดังนั้นในแต่ละครอบครัวก็จะมีที่ต้องใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้น หากต้องการเงิน ต้องการที่จะพัฒนา ทีนี้ต้องทำอย่างไร?" ตอนนี้มีน้ำแร่นี้แล้ว พวกเขาจะไม่คิดที่จะหาวิธีแลกกับเงินหรือ? ในทุกๆเดือนท่านต้องใช้เป็นไหใหญ่ไหหนึ่งเลย"

อีกอย่าง อีกไม่นานก็จะสร้างอาณาจักรนะฝ่าบาท ถ้าหากขูดเนื้อขูดเลือดสักหน่อยหนึ่งจากเขาออกมาไม่ได้ เช่นนั้นผู้คนจะไม่รู้สึกว่ามันน่าเสียดายมากหรือ?

แน่นอน บัดนี้พวกเขายังไม่คิดว่าการหาผู้สนับสนุนคนหนึ่งสำคัญกว่าการหาเงิน

ในเมื่อเผ่าชักมังกร มีคนเหลืออยู่เพียงหลายสิบคน อีกอย่างพวกเขาอาศัยอยู่ในที่หลบซ่อนมาเป็นเวลานาน ทุกวันได้พบเจอแต่คนในเผ่าไม่กี่คน ด้านประสบการณ์ การมองการณ์ไกล พวกเขาต่างก็ไม่มี ผู้นำก็แก่ชราแล้ว และตอนนี้ความปรารถนาสูงสุดของเขาคือการเห็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้วทั้งหมดในตระกูลตั้งครรภ์

เฉินซ่ายิ้มที่มุมปากอย่างเย็นชา "ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรอดูว่าพวกเขากล้าหรือไม่กล้าที่จะหล่าวถึง"

อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่า การคาดการณ์ของโหลชีนั้นเป็นความจริง หลังจากที่ผู้นำพูดถึงเรื่องที่รู้สึกขอบคุณพวกเขาสักพักแล้ว ก็ให้หลานสาวของเขาสือเสี่ยวจิ่นอุ้มกล่องหนึ่งกล่องออกมา

"นี่คือหินหงส์แดง"ในสายตาของผู้นำไม่แสดงออกถึงความอาลัยอาวรณ์ "ความล้ำค่าของหินหงส์แดง ท่านทั้งสองคงรู้แล้ว ฝ่าบาท พระสนม หินหงส์แดงนี้ ในเผ่าชักมังกรก็มีเพียงหนึ่งชิ้นนี้แล้ว บัดนี้..."

ก่อนที่พวกเขายังกล่าวจบ เฉินซ่าก็ขัดจังหวะเขาขึ้นมาว่า "หินหงส์แดง พวกเจ้าเก็บไว้เถิด น้ำพุวิเศษนั้น มอบให้ข้าเพิ่มเป็นเดือนละสองไห"

พัฟ

โหลชีแทบจะอดหัวเราะไม่ได้

ผู้นำชราอุตส่าห์ได้ทำนายไว้ล่วงหน้ามากมาย แท้จริงอยากมอบหินหงส์แดงให้ เพื่อที่จะถอนข้อตกลงที่จะมอบน้ำพุวิเศษให้ฟรีเดือนละหนึ่งไห แต่ทว่าบัดนี้เฉินซ่าไม่ต้องการหินหงส์แดง กลับกันคือต้องการน้ำแร่เพิ่มเป็นสองไห เหมือนกับว่าจะทำให้ผู้นำชรานั้นอดตายทั้งเป็น

ความกังวลปรากฏขึ้นบนใบหน้าของสือเสี่ยวจิ่น

หินหงส์แดงนี้ หากไม่อยู่ในตลาดรวมสมบัติกลางคืนตึกบุษบาพันธ์ คนของเผ่าชักมังกรไม่กล้าที่จะเอาออกไปอย่างแน่นอน เพราะครอบครองของล้ำค่าจะกระตุ้นความอิจฉาริษยาของผู้คน

ในเผ่าชักมังกรไม่มีผู้ที่มีศิลปะการต่อสู้ที่สูง ดังนั้นไม่มีผู้ใดมีความสามารถพอที่จะปกป้องหินหงส์แดงนี้ได้ แล้วอีกอย่าง สำหรับพวกเขาที่อาศัยอย่างหลบซ่อนจากโลกนั้น การสามารถเอาชนะอาวุธวิเศษและหลีกเลี่ยงพิษกู่นั้น ไม่มีผลอะไรมากนัก เก็บไว้ก็ได้แต่เก็บไว้เฉยๆ สู้มอบให้กับเฉินซ่ายังดีกว่าอีก จากนั้นใช้น้ำพุวิเศษแลกกับเงินได้

น้ำพุวิเศษ หากปล่อยออกไปอย่างง่ายดาย ผู้อื่นอาจจะไม่เชื่อว่ามันให้ผลดีขนาดนั้น และก็ไม่ใช่ว่าจะแสดงผลออกมาอย่างชัดเจนได้ในคราเดียว หากต้องการขายไม่ง่าย อีกเหตุผลหนึ่งคือ หากมีคนรับรู้ว่าข้อดีของน้ำพุวิเศษแล้ว ดึงดูดคนชั่วที่ชิงทรัพย์สมบัติมาทีนี้จะทำเยี่ยงไร?

ตอนนี้เฉินซ่ากับโหลชีดูมีบุคลิกที่น่าเชื่อถือได้ และไม่ต้องกลัวว่าพวกเขาจะไม่มีเงิน ตอนนี้ทั้งคู่ก็อยู่ในถิ่นของตระกูลนี้ เจรจาธุรกิจได้อย่างเงียบๆ ในวันข้างหน้าจะไม่ง่ายกว่านี้รึ?

แต่พวกเขาประเมินสติปัญญาของเฉินซ่ากับโหลชีต่ำไป แต่ประเมินความใจดีของพวกเขาสูงไป

เดิมทีที่เฉินซ่ามาช่วยพวกเขาก็เพื่อน้ำแร่นี้ แต่เดิมโหลชีไม่เต็มใจที่จะมา

"ฝ่าบาท หรือว่าในสายตาท่านนั้น หินหงส์แดงนี้ไม่ดีเท่าน้ำพุวิเศษหรือ?"

ไม่ใช่ว่าคนในเผ่าชักมังกรนั้นไร้ความปรานีเกินไป แต่ในความเห็นของพวกเขา หินหงส์แดงสำหรับนักรบ สำหรับผู้คนในยุทธภพแล้ว ถือว่ามีค่ามากกว่าน้ำพุวิเศษอย่างแน่นอน

แต่ทว่า พวกเขาลืมไปจุดหนึ่ง

โหลชีพูดต่อว่า "หากข้าจำไม่ผิด" นางมองไปที่สือเหล่ย "ในตอนนั้นที่ตลาดรวมสมบัติกลางคืนหน้าตึกบุษบาพันธ์ เจ้าบอกว่า หากสามารถผ่านด่าน ก็จะได้หินหงส์แดง และพวกข้าก็ผ่านด่านมาได้แล้ว

ดังนั้น หินหงส์แดงนี้ ก็ควรเป็นของพวกข้าอยู่แล้ว"

สือเหล่ยตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ใบหน้าของเขาแดงก่ำขึ้นมา

โหลชีก็กล่าวต่ออีกว่า "นอกจากนี้ การมาช่วยที่นี่ในครั้งนี้ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง น้ำพุวิเศษนี้ก็คือผลตอบแทนที่พวกข้ามาช่วยเหลือ ตอนนี้พวกข้านำผลตอบแทนสองครั้งรวมเป็นเพียงหนึ่ง ไม่รับหินหงส์แดง ต้องการเพียงน้ำพุวิเศษ มันบ้าไปไม่ใช่รึ?"

ผู้นำชรากับสือเหล่ยไม่มีคำพูดใดที่จะกล่าวต่อ

บัดนี้ เฉินซ่าเพิ่มดาบให้พวกเขา เขาชี้ไปที่แถวของโอ่งขนาดใหญ่ในสนามและพูดว่า "ใช้แบบนั้น เดือนละสามไห"

ผู้นำชราอดไม่ได้กล่าวขึ้นว่า "นั่นมันโอ่ง..."

"เรียกแตกต่างกัน แต่ในสายตาของข้า นั่นก็คือไห"ใบหน้าของเฉินซ่าเหมือนดังปกติ

......

หลังจากที่จากเผ่าชักมังกรแล้ว โหลชียังคงอยากหัวเราะเมื่อนึกถึงคำพูดของเฉินซ่าในวันนั้น

ไม่มีใครสามารถได้รับข้อเสนอที่ดีจากเฉินซ่า

ก่อนหน้านี้หากกล่าวว่าประโยชน์ของน้ำพุวิเศษคือการปรับปรุงร่างกายและเพิ่มอัตราการตั้งครรภ์ เช่นนั้นโหลชีจะรู้สึกอย่างแน่นอน ว่าการเดินทางมาโดยไกลเพื่อบรรจุน้ำสามไหและส่งกลับพั่วอวี้นั้นถือว่าไม่มีอะไรทำจึงยอมทำ แต่ว่าตอนนี้เมื่อรู้ประโยชน์อีกอย่างของน้ำพุวิเศษ นางรู้สึกว่ามันคุ้มค่ามาก

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นเลย ผู้ส่งสารเหล่านั้นหากสามารถกำหนดวันดื่มน้ำแบบนี้ หากมีเรื่องด่วนต้องส่งต่อไป ต่อให้พวกเขาต้องเดินทางสองวันสามวันติด ไม่มีเวลาหรือโอกาสกินอาหาร ดื่มน้ำ ร่างกายของพวกเขาก็จะไม่ทรุดพังลง แบบนี้จะไม่ดีหรือ?

ดังนั้น น้ำทั้งสามโอ่งนี้ พวกเขาต้องการอย่างแน่นอน

แต่ว่าเนื่องจากหากข้ามป่าดอกแอปริคอตนั้นพวกเขาจะลำบากมาก ดังนั้นเฉินซ่ากับโหลชีจึงอยู่ต่อในเผ่าชักมังกรอีกสามวัน ในสามวันนี้ โหลชีช่วยพวกเขาวาดภาพ ให้พวกเขาโค่นต้นไผ่แข็งแรงจำนวนมากที่แก่แล้ว ใช้ท่อไม้ไผ่เชื่อมต่อเป็นท่อน้ำยาว นางคอยช่วยนำท่อน้ำจากน้ำแร่ต่อถึงนอกป่าดอกแอปริคอต พวกเขาไม่ต้องผ่านป่าดอกแอปริคอต เพียงแค่รอรับน้ำข้างนอกป่าก็ได้แล้ว

หลังจากจัดการเรื่องนี้แล้ว พวกเพิ่งเขาก็ออกเดินทางกลับสู่ดินแดนที่เสียหาย

หลูต้าลี่มองไปที่เสี่ยวจิ่น มีความอาลัยอาวรณ์ไม่อยากจากไปเล็กน้อย โหลชีก็เลยทิ้งเขาไว้ที่เผ่าชักมังกร มอบหน้าที่หนึ่งให้เขา ให้เขาเฝ้าดูน้ำพุวิเศษ เมื่อถึงเวลาตอนที่ผู้คนฝ่ายพั่วอวี้มาจะได้มีคนรอรับ

โหลชีไม่ได้กังวลเลยว่าเขาโดนสือเสี่ยวจิ่นยั่วยุให้ไปอยู่ฝ่ายพวกเขา

เพราะว่าหลูต้าลี่เป็นคนที่ไร้เดียงสามาก เขายอมรับแล้วว่านางเป็นเจ้านาย ก็จะไม่ทรยศ ถ้าหากว่านางไม่ให้เขาอยู่ แม้ว่าเขาจะไม่อยากแยกจากสือเสี่ยวจิ่น เขาก็จะไม่อยู่ตรงนั้น

จากเผ่าชักมังกรรีบกลับพั่วอวี้ ด้วยความเร็วของพวกเขา ใช้เวลามากกว่าครึ่งเดือน เนื่องจากไม่ใช่เส้นทางที่พวกโหลชีใช้ก่อนหน้านี้ ใกล้กว่ามาก

เมื่อก้าวเข้าในทุ่งป่าเถื่อนของพั่อวี้ เฉิงสิบกับโหลวซิ่นมีความรู้สึกซับซ้อนนิดหนึ่ง แต่ก็มีความสุขมาก ที่ได้กลับมา แท้จริงแล้วเป็นผลลัพธ์ที่พวกเขารอคอยมากที่สุด

"นายท่าน มีจดหมายจากอิง"

เนื่องจากเส้นทางที่พวกเขาใช้ครั้งนี้เป็นถนนบนเขาที่มีน้อยคนเคยเดินทาง แม้จะใกล้กว่ามาก แต่ทว่านกพิราบส่งจดหมายกับผู้ส่งสารระหว่างทางของพวกเขาไม่สามารถตามทัน

จดหมายที่อิงเขียน พึ่งได้รับตอนที่พวกเขากลับถึงพั่วอวี้

เฉินซ่าหยิบจดหมาย คลี่ออกมาดู ทันใดนั้นหน้าของเขาก็มืดลง ความเย็นพลุ่งพล่านไปทั่วร่างกาย

โหลชีประหลาดใจ "เขียนเกี่ยวอะไร?"

นางหยิบจดหมายมา กวาดสายตาอ่านอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะคิกๆออกมาด้วยความดีใจ

"ที่แท้ แม่นางชุ่ยฮัวมาที่พั่วอวี้ตั้งนานแล้วนี่เอง" ดีเลย นางอยากเห็นว่าแม่นางชุ่ยฮัวนั้นมีหน้าตาเป็นอย่างไร เฉินซ่าถึงได้แสดงความเห็นว่า "หน้าตาน่าเกลียดกว่าฮั่วหยูฉุนอีก"

"คราที่แล้วที่เจ้ากล่าวว่า การควบคุมฝัน ก็คือสิ่งที่นางทำ"เฉินซ่าถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

โหลชีพยักหน้า "หากเป็นไปตามที่คิดไว้ ก็คือนาง" ในระหว่างทางกลับ

นางพูดกับเขาเกี่ยวกับเรื่องการควบคุมฝัน ขณะนั้นเฉินซ่าโกรธมาก

หากตอนนั้นเฟยฮวนคนนั้นอยู่กับเขา แน่นอนจะให้นางสั่งม้าห้าตัวแบ่งแยกร่าง

"กล้าดียังไง"

คิดได้ถึงเลย ว่าเจ้าตัวจะอยู่พั่วอวี้ ซึ่งอยู่ในตำหนักจิ่วเซียว

"เฉิงสิบ เร็วเข้า ฝ่าบาทจะกลับตำหนักไปประหารคนแล้ว" เยว่กล่าวด้วยเสียงต่ำ

......

"ฝ่าบาทเข้าไปในทุ่งป่าเถื่อนของพั่อวี้แล้ว อีกหนึ่งวันอาจออกไปนอกเมืองพั่วอวี้" ในห้องประชุม อิงกล่าวขึ้นด้วยความตื่นเต้น

ฝ่าบาทไม่อยู่ เขาต้องเรียกผู้คนจำนวนมากในห้องประชุมเพื่อหารือในเรื่องต่างๆด้วยกัน นอกจากนี้ การประชุมในวันนี้ยังไม่เป็นทางการมากนัก เพียงแค่ปรับปรุงเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องเล็กเรื่องน้อย อิงไม่ค่อยชำนาญเรื่องพวกนี้ ผู้คนที่เขาเรียกมาจึงมีมาก ต้องการรวบรวมผู้นำของร้อยครอบครัว

แต่ทว่า หารือกันได้ครึ่งทาง ก็มีเรื่องนี้มาขัดจังหวะ

หลังจากที่เขาพูดเรื่องนี้แล้ว หลายคนก็ไม่มีอารมณ์จะคุยเรื่องงานต่อแล้ว

ในหมู่พวกเขา โดยเฉพาะองครักษ์เสวี่ย และยังมีอดีตประมุขทั้งสามคนของค่ายเหยาเฟิงที่ถูกพิชิตจนยอมมอบตัว

เมื่อองครักษ์เสวี่ยได้ยินว่าฝ่าบาทจะกลับมาแล้ว มีความสุขเป็นเรื่องปกติ แต่ คำถามแรกที่อิ้นเหยาเฟิงถามขึ้นคือ "แล้ว แม่นางโหลชีมาด้วยหรือไม่?"

"นาง?"เมื่อองครักษ์เสวี่ยได้ยินโหลชี ทั้งตัวก็รู้สึกไม่ดีไปชั่วขณะ

จนถึงทุกวันนี้ นางยังไม่อยากเชื่อว่าเฉินซ่าจะไม่เอาหญิงอื่นจริงๆ ว่าต้องการเพียงผู้หญิงคนเดียวอย่างโหลชี

"เหยาเฟิงมีความสงสัยเกี่ยวกับแม่นางโหลชีมาก หวังว่าจะได้พบนางในเร็วๆนี้"

อิ้นเหยาเฟิงสงสัยเกี่ยวกับโหลชีจริงๆ นางตกหลุมรักเฉินซ่าตั้งแต่แรกพบ แต่ว่าเฉินซ่าไม่เคยแม้แต่จะมองนางเลย ผู้ชายที่เย็นชาเช่นนั้น นางอยากรู้จริงๆ ว่าผู้หญิงแบบใดกัน ที่สามารถทำให้เขาตัดสินใจว่าจะนับจากนี้ไปต้องการนางเพียงผู้เดียว

"มีอะไรน่าสนใจอีก นางเป็นคนที่จะจากไปเอง ถ้าหากกลับมากับนายท่านจริงๆ ก็แสดงว่านางไร้ยางอายมาก"องครักษ์เสวี่ยพูดอย่างเย็นชา

อิงตะโกนขึ้นทันทีว่า "เสวี่ย เจ้ากำลังพูดกะไร?" ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วรึ?อีกอย่าง พวกเขาทั้งหมดต่างก็รู้สึกผิดต่อโหลชีอยู่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ