"หากใต้เท้าองครักษ์เสวี่ยคิดถึงคุกแล้ว สามารถบอกกับข้าโดยตรงได้"มุมห้องประชุม ชายคนหนึ่งที่มีใบหน้าขาวออกน้ำเงิน มองดูมืดมนเล็กน้อยจ้องมาที่นาง ด้วยความโกรธที่ไม่ปิดบังแม้แต่น้อยในดวงตา
เสวี่ยไม่ชอบฮั่วหยูฉุนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว หลังจากที่ฮั่วหยูฉุนดูเหมือนว่าตั้งแต่ได้เป็นผู้ปกป้องผู้ติดตามของโหลชีก็เกลียดเขามากยิ่งขึ้น
"หัวหน้าผู้คุ้มฮั่วพูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร?เจ้าคิดว่าเจ้ายิ่งใหญ่เพียงใด?เจ้ามีสิทธิ์ใดที่จะมากักขังข้าได้?"
"ข้าไม่มีสิทธิ์ใด แต่ไม่ทราบว่า ใต้เท้าอวี้สื่อผู้ที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งใหม่มีสิทธิ์พอหรือไม่?เพียงแค่ใต้เท้าอวี้สื่อกราบทูลต่อฝ่าบาท ว่าใต้เท้าองครักษ์เสวี่ยเป็นผู้อยู่เบื้องล่างกระทำความผิดต่อผู้อยู่เบื้องบน คือพูดจาหมิ่นประมาทพระสนม เจ้าคิดว่าจะได้อยู่ในคุกนี้หรือไม่?" ฮั่วหยูฉุนหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา กล่าวอีกว่า "อ้อ ข้าเกือบลืมไป มีความเป็นไปได้อีกทางหนึ่งก็คือ ฝ่าบาทอาจจะประหารใต้เท้าองครักษ์เสวี่ยทันที หากเป็นเช่นนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในคุกนี้แล้ว"
เสวี่ยสั่นไปทั้งตัวด้วยความโกรธ
ผู้อยู่เบื้องล่างกระทำความผิดต่อผู้อยู่เบื้องบนรึ?
นางยังจำได้ว่า วันนั้น ครั้งแรกที่โหลชีมาที่ตำหนักจิ่วเซียว นางสวมเสื้อผ้าที่แปลกประหลาด มีรูปร่างที่สวยงาม ตอนนั้นนางก็มีลางสังหรณ์เล็กน้อยว่า จะปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่นี่ไม่ได้ แต่นางไม่มีทางขับไล่นางออกไปได้ อีกอย่างฝ่าบาทหลงเสน่ห์เร็วกว่าที่นางคิดเสียอีก
เสวี่ยอยากให้โหลชีตายมาก เนื่องจากโหลชีมาก็ได้เป็นสาวใช้คนสนิทข้างกายเฉินซ่า อย่างที่รู้กัน แต่ก่อนเขาไม่เคยมีสาวใช้ที่ใกล้ชิดตัวมาก่อนเลย และทันทีที่นางมาก็ปล่อยให้นางเข้าไปในตำหนักสาม เขายังรับประทานอาหารที่โต๊ะเดียวกันกับนางซะอีก! โหลชีเป็นเพียงหญิงสาวป่าที่ไม่ทราบที่มา นางไม่คู่ควรกับนายท่าน ไม่เลยแม้แต่น้อย!
นี่พึ่งผ่านไปไม่นาน ไม่นึกเลยว่าโหลชีกลายเป็นผู้อยู่เบื้องบน แต่นางเป็นผู้อยู่เบื้องล่างอย่างนั้นหรือ? นางได้กระทำผิดต่อผู้อยู่เบื้องบนหรือ?
องครักษ์เสวี่ยเกลียดชังอย่างมากภายในใจ จ้องมองไปที่ฮั่วหยูฉุน "หากแน่จริง เจ้าก็เอาคำพูดนี้ไปพูดต่อหน้าของแม่นางเฟยฮวนซิ โหลชีให้อะไรกับเจ้ากันแน่ เจ้าถึงได้ปกป้องนางขนาดนี้?"
ขณะที่ฮั่วหยูฉุนกำลังจะพูด ก็มีอีกคนหนึ่งยืนขึ้น พูดกับองครักษ์เสวี่ยอย่างจริงจังมีเหตุผลว่า "ใต้เท้าองครักษ์เสวี่ยพูดแบบนี้ก็ไม่ถูก ประการแรก แม่นางท่านนั้นมากสุดก็เป็นได้เพียงแขก พระสนมถือเป็นเจ้านาย ฟังความหมายคำพูดขององครักษ์เสวี่ย เหมือนว่าจะให้ผู้หญิงคนนั้นอยู่เหนือพระสนมหรือ?"
" ประการที่สอง พระสนมเป็นผู้ที่ฝ่าบาทแต่งตัวขึ้นด้วยตัวเอง จนถึงวันนี้องครักษ์เสวี่ยยังคงเรียกนามของท่าน นี่ก็ถือเป็นความผิดคือไม่ให้ความเคารพนับถือ"
"ประการที่สาม แม่นางท่านนั้นบอกว่านางมีนามว่าชุ่ยฮัว"
พัฟ
มีคนอดไม่ได้หัวเราะออกมา
ผู้ที่กล่าวอย่างจริงจังมีเหตุผลผู้นี้คือเหอชิ่งเหนียน เพิ่งรับตำแหน่งซ่างซูกรมพระคลัง และผู้ที่อดหัวเราะมิได้ก็คือเอ้อร์หลิง ขุนนางหญิงที่เพิ่งเลื่อนตำแหน่งใหม่
ตอนนี้ระบบขุนนางของพั่วอวี้ได้จัดตั้งขึ้นใกล้เสร็จแล้ว เหอชิ่งเหนียนขึ้นตำแหน่งซ่างซูกรมพระคลังพิเศษ เนื่องจากเขาเพียงคนเดียวพบเหมืองแร่สองแห่ง เป็นเหมืองทองคำหนึ่งแห่ง เหมืองทองแดงหนึ่งแห่ง ซึ่งช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจที่สำคัญแห่งพั่วอวี้แล้ว อีกอย่าง ความรู้ของเหอชิ่งเหนียนก็มีไม่น้อย ปีนั้นที่ตระกูลเหอยังร่ำรวย พ่อเขาได้จ้างบัณฑิตที่ยอดเยี่ยมสองคนมาเป็นครู เขาได้เรียนรู้ทักษะการหาแร่ ด้านอื่นๆก็ไม่ได้ละเลย ภายหลังหากตาเฒ่าเหอไม่เข้าไปในหุบเทพมารและติดโรคประหลาดนั้น แล้วพวกเขาจะไม่ถูกคนทั้งตระกูลทอดทิ้ง ไม่แน่ตอนนี้พวกเขาอาจจะมีความมั่งคั่งอย่างมาก
แม้ว่าครอบครัวของเขาจะประสบปัญหาและความเสียหาย เมื่อได้พบเจอโหลชี โหลชีรักษาโรคร้ายที่แปลกประหลาดของท่านพ่อของเขาจนหาย แนะนำให้เขามาอยู่ที่พั่วอวี้
เขาได้นำใช้ความรู้ที่ตนเองเรียนมานั้นที่นี่ แล้วตอนนี้ยังได้ตำแหน่งขุนนางอันใหญ่โตขนาดนี้อีก โหลชีเป็นผู้มีพระคุณต่อทุกคนในครอบครัวของเขา มีบุญคุณที่ยิ่งใหญ่ เขาจะทนฟังคนอื่นนินทาว่าร้ายโหลชีได้อย่างไร?
ไม่เพียงแต่เขา นางชุนภรรยาของเขา ท่านพ่อของเขา เมื่อได้ยินมีคนพูดไม่ดีเกี่ยวกับโหลชีแม้แต่น้อยนิดก็จะโต้เถียงขึ้น
และที่เอ้อร์หลิงหัวเราะออกเสียง ก็เพราะรู้สึกว่าเหอชิ่งเหนียนพูดได้ดี
หลังจากที่โหลชีจากไป พวกเขาต้องการจัดตั้งขุนนางหญิง นางเป็นคนแรกที่ถูกเสนอขึ้นมา หากเป็นแต่ก่อน เอ้อร์หลิงคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะสามารถที่จะเป็นขุนนางหญิงในพระราชวัง ตอนนี้เรื่องต่างๆในพระราชวังนางเป็นคนจัดการ แม้ว่าตำหนักจิ่วเซียวไม่มีนายหญิง แต่ก็ยังมีสาวใช้อีกมาก หลังจากนี้ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามกฎที่ตั้งขึ้นใหม่ การจัดการคนเหล่านี้ก็เป็นเรื่องที่ลำบากมาก อย่างไรก็ตาม เอ้อร์หลิงมีความหวังในใจ รอพระสนมกลับมา นางก็จะมีแกนสำคัญ
องครักษ์เสวี่ยคาดคิดไม่ถึงเลยว่าโหลชีอยู่ในตำหนักจิ่วเซียวได้ไม่นาน ตอนนี้ก็หายไปสองสามเดือนแล้ว ยังมีคนช่วยพูดแทนหล่อน!
ส่วนนาง ไม่คิดเลยว่าจะไม่มีคนช่วยนาง!
นางปิดประตูและเดินออกไป เตรียมตัวที่จะเดินไปยังตำหนักสามด้วยความโกรธจัด วันนี้นางก็จะเข้าไปในตำหนักสาม นางจะเข้าไปนำเสื้อผ้าที่โหลชีเคยสวมใส่ทั้งหมดออกไปเผาทิ้ง! รอดูว่าจะมีใครมาหยุดนางได้!
ขนาดที่นางรีบเดินผ่านสวน ก็มีคนหยุดเรียกนางไว้
"ใต้เท้าองครักษ์เสวี่ย"
เสวี่ยหยุด มองใกล้ ๆ และก็เห็นว่าข้างๆกองดอกไม้มีผู้หญิงสองคนยืนอยู่
เฟยฮวนคนที่ยืนกรานว่าตัวเองชื่อชุ่ยฮัว และยังมีหญิงสาวคนหนึ่งนามว่าผูยู่เหอที่แต่ก่อนกลับพร้อมกับฝ่าบาท และนางยังมีสาวใช้นามซือเอ๋อร์ ขณะนี้ซึ่งยืนห่างจากพวกนางเล็กน้อย กำลังก้มหัวอยู่
แม้ว่านายบ่าวสองคนนี้จะกลับมาพร้อมฝ่าบาท แต่หลังจากที่มาฝ่าบาทก็เพิกเฉยต่อพวกนาง ราวกับว่าลืมพวกนางไปแล้ว ตอนแรกสองคนนี้ก็ทำงานสักบ้างเหมือนกับสาวใช้คนอื่นแต่หลังๆก็ขี้เกียจขึ้นมา เอาแต่เร่ร่อนไปมาอยู่ในตำหนักสองบ้างตำหนักหนึ่งบ้างทุกวัน พวกนางคงคิดว่าตัวเองเป็นคุณหนูผู้สูงส่งของที่นี่ไปแล้ว
เสวี่ยไม่รู้สึกสองคนนี้จะเป็นคู่แข่งของตัวเอง ปกติก็ไม่สนใจพวกนางอยู่แล้ว แต่บัดนี้เห็นพวกนางอยู่กับชุ่ยฮัว นางก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที
นางเดินไป ยืนนิ่ง "พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ