ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 341

เมื่อเฟยฮวนเห็นดังนี้จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะเย้ย องครักษ์เสวี่ยผู้นี้ด่าทอโหลชีด้วยความอิจฉาริษยาอย่างโกรธเคือง ตัวเองก็อยากครอบครองเฉินซ่าไว้เพียงผู้เดียวไม่ใช่หรือ?

เพียงแต่ว่า สำหรับนาง นี่เป็นเพียงความเพ้อฝัน

" ใต้เท้าองครักษ์เสวี่ย คิดดีแล้วหรือ ถึงแม้ว่าตอนนั้นสตรีเหล่านี้ก็จะกลายเป็นพระสนม แต่พวกนางก็จะไม่มีวันเหนือกว่าของท่าน นอกจากนี้ พวกนางจะฟังคำสั่งของท่าน แต่ถ้าท่านไม่ต้องการที่จะลองวิธีนี้ ฝ่าบาทก็จะมีพระสนมเพียงองค์เดียวคือโหลชี ท่านก็จะไม่มีโอกาสอีกเลย"

ดวงตาของเสวี่ยหรี่ลงมากกว่าเดิม

ผูยู่เหอแอบกวาดสายตา มองเห็นดวงตาที่แปลกประหลาดของนางพอดี ทันใดนั้นหัวใจของนางก็เต้นไม่เป็นจังหวะ รีบก้มศีรษะลงด้วยความตื่นตระหนก ไม่กล้าที่จะมองมาทางนี้

แม่น้ำชุ่ยฮัวคนนี้ผิดปกติมาก แต่ทว่านางไม่กล้าที่จะพูดอะไรมากแล้ว อย่างไรก็ตาม ตอนนี้นางไม่ขัดขืนก็จะไม่เป็นไร ฟังนางเชื่อนาง เช่นนี้ แม่นางชุ่ยฮัวก็จะไม่ใช้วิธีเดียวกันที่ใช้กับองครักษ์เสวี่ยกับนาง?นางไม่อยากถูกครอบงำ...

นางยังคงมีงานที่น้าหญิงของนางมอบหมายไว้ให้

อีกด้านหนึ่ง เสวี่ยพยักหน้า "อืม คิดดีแล้ว พระสนมสี่องค์ ข้าตกลงแล้ว"

"หากเป็นเช่นนั้น หลังจากตกลงแล้ว ใต้เท้าองครักษ์เสวี่ยต้องฟังคำสั่งของข้า ร่วมมือกับข้าดีๆ ไม่เช่นนั้นแผนนี้จะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้"

"ดี"

เฟยฮวนมุมปากม้วนขึ้น พร้อมดีดนิ้ว

องครักษ์เสวี่ยดูเหมือนจะฟื้นขึ้นมาในทันใด แต่นางไม่ลืมสิ่งที่นางพูดก่อนหน้านี้

ทว่าในใจนางรู้สึกแปลกๆ เรื่องแบบนี้ นางคงจะไม่เห็นด้วยอย่างรวดเร็วขนาดนี้หรอก "แผนการที่เจ้าว่านั้น เป็นแผนการอะไรกันแน่?อีกอย่าง ต้องหาสตรีสี่คน มีใครใดบ้าง?"

เฟยฮวนชี้ไปที่นาง และชี้ไปที่ผูยู่เหอ เมื่อเห็นว่าซือเอ๋อร์ยืนอยู่ห่างไกล ก็เรียก "ซือเอ๋อร์ รีบมานี่เร็ว"

เสวี่ยเบิกตากว้าง "เจ้าอย่าบอกนะว่าสาวใช้คนนั้นก็จะมาร่วมด้วย?ไม่สิ นางมีสิทธิ์อะไร?ด้วยสถานะที่ต่ำต้อยเช่นนี้ นางก็กล้าที่จะเป็นสตรีของนายท่านรึ?"

"ซวู่.." เฟยฮวนถอนหายใจอีกครั้ง

เสวี่ยจากที่อารมณ์ไม่สงบ ก็สงบลงทันที

"ไม่เช่นนั้น ท่านจะหาผู้หญิงอีกสักสองสามคนจจากที่ใด ที่มีสถานะดีและยังสามารถปรากฏขึ้นในตำหนักสองได้ สามารถปรากฏต่อหน้าของฝ่าบาทได้"

"ก็ดี"เสวี่ยพยักหน้า "สตรีคนที่สี่ก็คือเจ้า?"

เฟยฮวนส่ายศีรษะเบาๆ เขย่าขมับ "ไม่ มันยังไม่ถึงตาของข้า"

ยังไม่ถึงเวลาที่นางต้องเสียสละ ยิ่งไปกว่านั้น นางต้องการผู้หญิงสี่คนเพื่อปูทางให้กับนาง

"ไม่ใช่?แล้วอีกคนล่ะ"เสวี่ยมองดูนางด้วยความสับสน นางมาที่นี่ไม่ได้มาเพื่อนายท่านหรือ?

"คนนี้ ท่านต้องเป็นคนไปหา อย่างไรเสีย ท่านคุ้นเคยกับที่นี่ ไม่ใช่หรือ?"

"ตกลง ข้าจะไปหา"

"อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้น ท่านต้องทำอีกสิ่งหนึ่งก่อน โหลชีเคยอาศัยอยู่ที่นี่มาก่อนมิใช่หรือ? ท่านช่วยหาเสื้อผ้าที่นางเคยสวมสองชิ้นมาได้ไหมหรือไม่?" เฟยฮวนถาม

เสวี่ย"ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ข้ากำลังจะไปเอาเสื้อผ้าของนางออกแล้วเผาทิ้ง"

"ไม่ อย่าเผา เอามาให้ข้า"

.......

ไม่กี่เดือนต่อมา โหลชีขี่ม้าควบขึ้นไปบนเขาจิ่วเซียวอีกครั้ง ยังคงเหมือนแต่ก่อนคือผ่านตำหนักหนึ่งโดยไม่ลงจากม้า ตรงไปที่ตำหนักสองโดยตรง

ข้างทาง มีองครักษ์สาวใช้เห็นนางมีท่าทางนั่งอยู่เหนือท่าเสวี่ย บางคนประหลาดใจ บางคนดีใจ บางคนดูอิจฉา และบางคนมีสายตาที่คาดเดาไม่ได้

"แม่นางโหลกลับมาแล้ว!"

"นั่นพระสนม!"

"แล้วฝ่าบาทล่ะ?"

หลังจากนั้นไม่นาน รถม้าสุดหรูก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามา เมื่อทุกคนเห็นว่าท่านองครักษ์เยว่กำลังขับรถม้าด้วยตนเอง พวกเขาก็รู้ว่าฝ่าบาทอยู่ในรถ และพวกเขาทั้งหมดจึงคุกเข่าลงคำนับ "ยินดีต้อนรับฝ่าบาทกลับมายังพระราชวัง"

จะมีเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร ในฐานะนางสนม ไม่นั่งรถม้าแล้ว ยังขี่ม้าวิ่งมาต่อหน้าฝ่าบาทได้อย่างไร? ดูเหมือนว่าไม่มีเจตนาที่จะรอฝ่าบาทเลย กลับทิ้งฝ่าบาทไว้เบื้องหลัง!

แต่ทว่าฝ่าบาทกลับไม่โกรธ? นี่ฝ่าบาทเป็นผู้อนุญาตหรือไม่?

"เฉิงสิบ เจ้าว่า กลับไปที่ตำหนักจิ่วเซียว เราจะเปลี่ยนคำเรียกแม่นางเป็นพระสนมหรือไม่" โหลวซิ่นผู้ซึ่งขี่ช้าๆอยู่หลังรถม้าถาม

เฉิงสิบมองไปที่รถม้า และเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า "พวกเรารอดูไปก่อน"

เขาไม่ได้มองโลกในแง่ดีเช่นเดียวกับโหลวซิ่น แม่นางกลับมาพร้อมกับฝ่าบาทนั้นไม่ถือว่าจะสงบเฉยๆแบบนี้หรอก ตอนนี้กำลังจะก่อตั้งแคว้น ยังไม่รู้ว่าจะมีปัญหามากมายแค่ไหน ถ้าการตัดสินใจของฝ่าบาทที่จะมีนางสนมเพียงคนเดียวในชีวิตของเขาถูกคัดค้านโดยราษฎร แม่นางของพวกเขารู้สึกน้อยใจขึ้นมา เขาไม่ยอมที่จะเรียกพระสนมหรอก

"ข้าน้อยเข้าเฝ้าพระสนม"

เทียนอิ่งกำลังจะคุกเข่าลงข้างหนึ่ง โหลชีเดินก้าวมาข้างหน้า ยื่นมือออกมาพยุงไว้ แม้จะพยุงไม่ถึงตัวเทียนอิ่งจริงๆก็ตาม แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังที่รั้งเขาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถคุกเข่าลงได้

"กำลังภายในของพระสนมเพิ่มสูงขึ้นแล้ว"เทียนอิ่งกล่าวด้วยความประหลาดใจ

โหลชีพยักหน้า "นั่นนะสิ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตัวเอกมักจะมีออร่าติดตัว ?"

"ห๊ะ?"

"ไม่มีอะไร เอ้อร์หลิงยังอยู่หรือไม่?"โหลชีกล่าวพร้อมเดินเข้าไปยังตำหนักสาม พวกเขาพยายามที่จะเร่งรีบกลับมาก่อนล่วงหน้า เนื่องจากนางไม่อยากให้พวกอิงรอคอยอยู่นอกตำหนักหนึ่ง บัดนี้นางไม่อยากเผชิญหน้ากับผู้คนมากมายเช่นนั้น หลังจากที่เร่งรีบมานาน นางอยากจะอาบน้ำให้สบายตัวก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้านอน

เมื่อก่อนทุกครั้งที่กลับมาจากภารกิจนางมักจะนอนหลับได้ดีทุกครั้ง

เทียนยีเอ่ยขึ้นว่า "ข้าน้อยเข้าเฝ้าพระสนม ตอนนี้เอ้อร์หลิงได้กลายเป็นขุนนางหญิงแล้ว เมื่อทราบว่าพระสนมจะเสด็จกลับมา ได้ให้สาวใช้จัดเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว ตอนนี้นางอาจจะดูน้ำแกงสำหรับพระสนมในห้องครัว"

"รีบเรียกนางมากเดี๋ยวนี้"

เมื่ออิงให้คนเร่งรีบไปต้อนรับที่ประตูใหญ่นอกตำหนักหนึ่งจึงได้รู้พวกเฉินซ่าเข้าไปข้างในแล้ว ผู้คนกลุ่มนี้ก็รีบไปทางตำหนักสาม และเห็นรถม้าหยุดพอดี เฉินซ่าลงจากรถ

"ยินดีต้อนรับฝ่าบาทกลับมายังพระราชวัง"

"อืม ลุกขึ้นได้" เฉินซ่ากวาดสายตามองรอบๆ "แยกย้ายได้เลย พรุ่งนี้เช้าค่อยมาประชุม"

"ขอรับ"ผู้คนตอบรับ แต่ยังคงมองไปรถม้าพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ในดวงตาต่างก็รอคอย แต่เมื่อองครักษ์มาเอาม้าและรถม้าออกไป พวกเขาก็ยังไม่ได้พบคนที่รอคอย

จะเป็นไปได้หรือไม่ว่า พระสนมไม่ได้กลับมาพร้อมกับฝ่าบาท?

อิงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า "นายท่าน โหล... แล้วพระสนมอยู่ที่ไหน?"

เฉินซ่าเหลือบมองเขา "นางเข้าไปในตำหนักแล้ว พรุ่งนี้เช้าตอนประชุม ข้าจะพานางไปด้วย"

ทุกคนตกใจก่อน แล้วรู้สึกผิดหวัง แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถอยกลับ

ฝ่าบาทยอมรับพระสนม ปล่อยให้นางขี่ม้าเข้าในพระราชวังก่อน ข่าวที่ว่าพรุ่งนี้ตอนเช้าประชุมจะพานางมาเข้าร่วมด้วยก็แพร่กระจายไปทั่วทุกมุมของพั่วอวี้ในคืนนี้

ตำหนักรับแขกในตำหนักสอง เฟยฮวนบีบถ้วยชาแตกด้วยมือเดียว

นางคิดว่า เฉินซ่าจะเรียกตนเองทันทีเมื่อกลับมา นางเตรียมตัวมาอย่างดี เตรียมตัวทุกอย่างพร้อมแล้ว แต่จนดึกดื่น ไม่มีใครมาเลย

ทั้งๆที่พวกเขาได้รับจดหมาย ต้องรู้ตัวตนของนางแล้ว เฉินซ่าจะยับยั้งชั่งใจได้อย่างไร? แม้แต่โหลชี ก็ควรจะอยากรู้เกี่ยวกับนางด้วยถึงจะถูก ทำไมพวกเขาถึงทนได้ที่จะไม่เรียกนางล่ะ? มีอะไรผิดปกติที่นางละเลยหรือ?

ในขณะที่เฟยฮวนรู้สึกรำคาญ ก็ลุกขึ้นอีกครั้ง และปัดถ้วยและหม้อบนโต๊ะตกอย่างโหดเหี้ยม

ผูยู่เหอกับซือเอ๋อร์อยู่ข้างนอกมุมหนึ่งของลานกำลังมองดูการเคลื่อนไหวที่ปรากฏบนกระดาษหน้าต่าง ทั้งคู่ก็ตัวสั่นพร้อมกัน

"คุณหนู ทำไมข้าถึงรู้สึกว่า แม่นางชุ่ยฮัวคนนี้น่ากลัวไปหน่อย" ซือเอ๋อร์กล่าวด้วยเสียงต่ำ

ผูยู่เหอพยักหน้า: "น่ากลัวจริงๆ แต่ตอนนี้พวกเราต้องพึ่งพานาง เมื่อเราได้รับใช้ฝ่าบาทจริงๆ พวกเราสองคนค่อยไปคุยกับฝ่าบาทดีๆ"

"พระชายารองซ่งให้คุณหนูหาโอกาสให้กำเนิดบุตรชายหรือธิดาสักคนหนึ่งให้กับฝ่าบาท ถ้าคุณหนูได้สิ่งที่ท่านต้องการในครั้งนี้จะดีมาก"

"เอาล่ะ ไปกันเถอะ ให้ผู้หญิงคนนี้รู้เข้าจะแย่แล้ว"

เจ้านายสาวใช้ทั้งสองออกจากตำหนักรับแขกอย่างเร่งรีบ

ตำหนักสาม ตำหนักด้านข้างๆ

เอ้อร์หลิงมองดูโหลชีด้วยความลำบากใจ"พระสนม ตอนนี้ฝ่าบาทกำลังอาบน้ำอยู่ เมื่อครู่ฝ่าบาทตรัสว่า..."

"ว่ากระไร?" โหลชีที่กอดผ้าห่มอย่างสบายแล้วนอนคว่ำอยู่บนเตียง เอ้อร์หลิงเป็นผู้ทำความสะอาดและจัดห้องนอนของฝ่าบาทและตำหนักด้านข้างนี้อยู่เสมอ ผ้าห่มมีกลิ่นของแสงแดด

"ฝ่าบาทตรัสว่า..." เอ้อร์หลิงพูดไม่ออกจริงๆ เมื่อเห็นโหลชีมองดูอย่างสับสน นางเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า "ฝ่าบาทบอกว่าเมื่อท่านออกมาต้องการพบพระสนมกำลังอุ่นเตียงให้ท่านอยู่"

"พัฟ"

โหลชีหลุดหัวเราะออกมา

เรื่องอุ่นที่นอนให้ ฝ่าบาทพูดออกมาได้เลยรึ?

นางแค่บอกกับเขาว่าต้องการอยู่ตำหนักด้านข้าง

"ฝ่าบาทตรัสว่า หากท่านออกมาแล้วไม่พบพระสนม......"ยังไม่ทันได้กล่าวจบ โหลชีก็กัดฟันพร้อมลุกขึ้นจากเตียง กำลังจะออกไป เอ้อร์หลิงรีบหยิบเสื้อคลุมให้นาง

โหลชีบุกเข้าไปในห้องนอนของเฉินซ่า ด้วยความโกรธ เอ้อร์หลิงไม่กล้าติดตามเข้าไป จึงช่วยปิดประตูให้ แล้วออกไป ในใจรู้สึกโล่งอกไปมาก

"เฉินซ่า"ทันทีที่โหลชีเดินเข้ามาก็เห็นผมที่มัดถูกปลด ผมดำกระจายย้อยลง พาดประบ่าของเฉินซ่า น้ำให้เขาดูหล่อเหลาเหมือนดั่งปีศาจ เดิมทีความโกรธที่อดกลั้นมาถูกมารยาของชายผู้นี้จนหายไปกว่าครึ่ง "ระหว่างทางพวกเราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือ?ว่าจะคบหากันก่อน ยังไม่ทำเรื่องบนเตียงกันไม่ใช่หรือ?"

ระหว่างทางนางได้พูดคุยกับเขามากมาย เกี่ยวกับมุมมองความรักของนาง อีกอย่าง ไม่เพียงเขาจะแต่งตั้งนางสนมเพียงฝ่ายเดียวแล้วนางก็จะกลายเป็นภรรยาของเขา และจะมีความสัมพันธ์แบบสามีภรรยาอย่างจริงจังกับเขาด้วย

ทั้งๆที่เขาตกลงแล้ว

เฉินซ่าปลดเสื้อคลุมของเขาอย่างช้าๆ และเมื่อได้ยินดังนั้นเหลือบมองนาง "นี่เกี่ยวอะไรกับการใช้เตียงหมอนร่วมกัน?"

"ได้ยินมาว่าพระสนมก็มีตำหนักของตนเองไม่ใช่หรือ?ฝ่าบาท ท่านต้องมอบตำหนักให้กับข้าแห่งหนึ่ง แล้วให้ข้าเข้าไปอยู่ที่นั่นไม่ใช่หรือ"

นางอยากคบหากันก่อน ไม่ใช่เข้าสู่ชีวิตแต่งงานทันที

"เจ้าก็อาศัยอยู่ในห้องนอนของข้าสิ"เฉินซ่ายังคงไม่สะทกสะท้าน โยนเสื้อคลุมของเขาลงบนตั่งที่อยู่ข้างๆ นั่งบนเตียงใหญ่ แล้วมองดูนาง "มานี่"

โหลชีค่อยๆ เคลื่อนตัวไป และทันทีที่นางเดินไปข้างหน้าเขา เฉินซ่าจึงฉีกเสื้อคลุมของนางด้วยมือข้างหนึ่ง แล้วโยนทิ้งไปด้านข้าง เมื่อเห็นว่านางสวมเสื้อตัวในบาง ๆ ดวงตาของเขาก็มืดลง

เอื้อมมือออกไปและดึงนางเข้าไปในอ้อมแขนของตัวเอง ขณะที่เขากำลังจะก้มหน้าลงจุมพิต โหลชีก็เปลี่ยนหน้าทันที ผลักเขาออก และถอยออกไปสองสามก้าว

"หือ?" เฉินซ่าก้มศีรษะมองนางอย่างสงสัย

โหลชีกัดฟัน เสียงพูดดังออกมาจากระหว่างฟัน "เล่นงานเล่นมาที่ห้องนอนของเจ้าแล้ว ช่างกล้าจริงๆ!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ