ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 345

เสวี่ยใกล้จะเป็นบ้าอยู่แล้ว พอนางได้เห็นใบหน้านั้นของจูซื่อนางก็รู้สึกคลื่นไส้และอยากจะอาเจียนขึ้นมา และพอได้กลิ่นเหม็นบนตัวของเขาอีก นางก็กลั้นหายใจจนใกล้จะขาดอากาศหายใจตายไปแล้ว

"ปล่อยข้านะ ถ้าเจ้ายังไม่ปล่อยอีก ข้าจะหั่นเจ้าให้แหลกเป็นชิ้นๆเลย!"

"ข้าไม่ปล่อย ถึงอย่างไรข้าก็จะไม่ปล่อยไปอีกแล้ว ไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบข้า เดิมทีข้าได้เลิกล้มความตั้งใจไปแล้ว แต่ตอนนี้ข้าพบว่าข้าชอบท่านมากเป็นพิเศษ ชอบมากเสียจนหัวใจดวงนี้ของข้าเจ็บปวดไปหมดแล้ว ข้าจะต้องอยู่ด้วยกันกับท่านให้ได้ ถึงแม้จะแค่วันเดียวข้าก็ยอม เสวี่ย เสวี่ยเอ๋อร์ ข้าจะดีต่อเจ้าแต่เพียงผู้เดียวอย่างแน่นอน เจ้าก็ตอบตกลงกับข้าเถิด!"

องครักษ์ทุกนายถอยห่างออกไปไกลๆ พวกเขาก็ทนกลิ่นนั้นที่อยู่บนร่างกายของจูซื่อไม่ได้เหมือนกันนะ

พอโหลชีกวาดสายตามองไปยังต้นสนที่อยู่ข้างระเบียงทางเดิน ก็มองเห็นกระโปรงที่อยู่หลังต้นไม้ได้อย่างชัดเจน บางทีพวกนางอาจจะไม่ได้อยากซ่อนตัวตั้งแต่แรก เดิมทีพวกนางเพียงแค่อยากจะรอให้ถูกเรียกตัวอยู่ตรงนั้นตลอดเวลาก็ได้ใช่หรือไม่?

คิดไม่ถึงเลยว่า ในตอนนี้ คนรับใช้จะร้องตะโกนขึ้นมาอีกครั้งจริงๆว่า"ฝ่าบาทมีรับสั่ง ให้แม่นางชุ่ยฮัวเข้าเฝ้าในท้องพระโรง"

"พุ๊บ!"

เห็นได้ชัดว่านางรู้เรื่องราวล่วงหน้าและได้มีการเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่เมื่อได้ยินชื่อแม่นางชุ่ยฮัวชื่อนี้ขึ้นมาจริงๆ โหลชีก็ยังคงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

ผู้หญิงที่ออกมาจากด้านหลังต้นสนผู้นั้น ตัวเล็กและสง่างาม รูปร่างท่าทางอ่อนช้อย และหน้าตาสวยหยาดเยิ้ม ช่างเป็นหญิงสาวที่สวยงามและนิ่มนวลจนทำให้ผู้คนรู้สึกว่าน่ารักน่าเอ็นดูคนหนึ่งจริงๆ

ชุ่ยฮัว นี่ก็คือชุ่ยฮัว

โหลชีเลิกคิ้วขึ้น ในเวลานั้นเองนางก็ได้พบว่าคนที่อยู่เบื้องหลังชุ่ยฮัวก็คือผูยู่เหอและซือเอ๋อร์ซึ่งแต่งตัวได้สวยงามเพริศพริ้งหาที่เปรียบมิได้นั่นเอง ผูยู่เหอน่ะก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก แต่คิดไม่ถึงเลยว่าแม้แต่ซือเอ๋อร์สาวใช้คนสนิทของนางก็ยังแต่งตัวได้สวยสดใสอย่างนั้นเช่นกัน แล้วนี่พวกนางจะแต่งตัวสวยงามขนาดนั้นไปทำไมกันล่ะ?

มันจะเกี่ยวอะไรกับคำสาปยาหรือเปล่า?

สายตาของแม่นางชุ่ยฮัวจับจ้องมาที่นางในทันที อีกทั้งยังพกพารอยยิ้มที่อ่อนโยนมาด้วย โดยไม่หลบไม่หลีก และสิ่งที่ปรากฏขึ้นมาในดวงตาที่แวววาวคู่นั้นก็คือสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมาดปรารถนาที่จะต้องได้รับมาอย่างแน่นอนประเภทหนึ่ง

นี่ช่างมีความน่าสนใจยิ่งนัก บุคคลที่เป็นอันดับหนึ่งคนนี้ คือคนที่มาจากซีเจียงหรือ?

พวกนางไม่แม้แต่จะสนใจที่จะมองเสวี่ยที่อยู่ด้านนั้นเลย อย่างไรเสียงานที่เป็นของเสวี่ยก็ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว และพวกนางก็สามารถตามหาผู้หญิงคนหนึ่งได้ใหม่อีกครั้งโดยไม่ต้องพึ่งนาง ซึ่งคนอื่นยากที่จะตามหา ผู้หญิงที่รักเฉินซ่าอย่างสุดจิตสุดใจนั้นหายากตรงไหนกัน?

ทั้งสามคนเดินมาที่ประตูตำหนักอย่างอรชรอ้อนแอ้น แต่กลับคิดไม่ถึงว่าพอเดินมาถึงครึ่งทาง พวกนางยังหันศีรษะมามองจูซื่อที่ยังคงพัวพันกับเสวี่ยอยู่อีก

พอเขาเคลื่อนไหว โหลชีก็ให้ความสนใจขึ้นมา ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่า นางได้เห็นว่ามีสีชมพูลอยขึ้นมาในดวงตาของจูซื่อแล้วเล็กน้อย

จูซื่อลืมคำพูดนั้นที่เขาพูดกับเสวี่ยว่าเขาจะทำดีกับนางแต่เพียงผู้เดียวไปตลอดชีวิตไปแล้วในทันที ในขณะที่กำลังมองไปที่ผูยู่เหอกับซือเอ๋อร์ด้วยความตกตะลึง แล้วก็พูดพึมพำขึ้นมาว่า"คิดไม่ถึงเลยว่าในใต้หล้าจะมีหญิงงามที่น่าประทับใจถึงสองคนเช่นนี้......"

หลังจากนั้นเขาก็ปล่อยเสวี่ยไป แล้วเดินเข้าไปหาพวกนางอย่างรวดเร็ว และเอื้อมมือออกไปผลักแม่นางชุ่ยฮัวที่กำลังเดินอยู่หน้าสุดออกไป แล้วขวางหน้าของผูยู่เหอกับซือเอ๋อร์เอาไว้

เขาแสเงสีหน้าท่าทางแห่งความหลงใหลออกมาในขณะที่กำลังมองดูผูยู่เหอกับซือเอ๋อร์ แล้วพูดว่า"ไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบข้า เดิมทีข้าได้เลิกล้มความตั้งใจไปแล้ว แต่ตอนนี้ข้าพบว่าข้าชอบพวกเจ้าสองคนมากเป็นพิเศษ ชอบมากเสียจนหัวใจดวงนี้ของข้าเจ็บปวดไปหมดแล้ว ข้าจะต้องอยู่ด้วยกันกับพวกเจ้าให้ได้ ถึงแม้จะแค่วันเดียวข้าก็ยอม แม่นางทั้งสองท่าน รบกวนบอกชื่อของพวกเจ้าแก่ข้าหน่อยจะได้หรือไม่? ข้าชื่อจูซื่อ ข้ามีทั้งพลังและวรยุทธ ข้าสามารถหาเงินมาเลี้ยงดูภรรยาและลูกๆได้ ถ้าพวกเจ้าอยู่กับข้า ข้าจะดีกับเพียงพวกเจ้าทั้งสองคนอย่างแน่นอน พวกเจ้าตอบตกลงกับข้าเถิดนะ!"

โหลชีแทบจะหัวเราะออกมาแล้ว

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเงื่อนไขส่วนตัวของจูซื่อมันผิดทำนองครองธรรมมากเกินไปแล้วจริงๆ อาศัยเพียงความสามารถที่เพียงแค่พูดคำธรรมดาก็สามารถสร้างคำพูดที่หวานไพเราะสองสามคำขึ้นมาได้นี้ของเขา การที่เขาจะได้แต่งภรรยาก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย

"เอ๊ะ! นี่เจ้าเป็นใครกันเนี่ย ไปให้พ้น ไปให้พ้นนะ! รีบออกไปให้พ้นเดี๋ยวนี้เลยนะ!"

ผูยู่เหอกับซือเอ๋อร์ตกใจจนหน้าซีด

"ข้าชื่อจูซื่อ ก่อนหน้านี้ข้าเคยเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดในจวนของอดีตเจ้าเมืองพั่วอวี้ และตอนนี้ฝ่าบาทได้ทรงอภัยโทษให้ข้าและให้ข้าได้เป็นคนรับใช้แห่งนี้แล้ว แต่ข้ามีความสามารถมากจริงๆ จริงๆนะ แม้ว่าข้าจะหน้าตาน่าเกลียด แต่ข้าจะรักพวกเจ้าให้มากได้อย่างแน่นอน พวกเจ้าจะแต่งงานกับข้าได้หรือไม่?" จูซื่อพูด ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีอีกคนหนึ่ง เขาก็เลยหันหน้าไปมองเสวี่ยในทันที

เดิมทีเสวี่ยกำลังจะเดินออกไป แต่ทหารองครักษ์ไม่สามารถปล่อยนางให้เดินจากไปเช่นนี้ได้ พวกเขาจึงควบคุมตัวนางเอาไว้ในทันที พอจูซื่อนึกถึงนางขึ้นมาได้ เขาก็เอื้อมมือออกไปคว้าผูยู่เหอกับซือเอ๋อร์เอาไว้ในทันที แล้วพูดว่า"ยังมีองครักษ์เสวี่ย ก็ชอบนางมากเช่นกัน ถ้าพวกเจ้าทั้งสามเข้ากันได้ดี ข้าจะรักและดูแลพวกเจ้าอย่างดี"

โหลชีกำลังมองดูผู้หญิงสามคนที่ถูกจูซื่ออบด้วยกลิ่นเหม็นจนมีท่าทางที่ทุกข์ทรมานใกล้จะตายอย่างชั่วร้าย หลังจากนั้นก็หันสายตาไปหาชุ่ยฮัว

เฟยฮวนผู้นั้น

เฟยฮวนที่ได้แสดงฝันร้ายที่อยู่ภายใต้การควบคุมต่อเฉินซ่าแล้ว

พอเห็นแววตาที่ตกตะลึงแต่กลับดูสงบนิ่งขัดกันอย่างน่าประหลาดนั้นของเฟยฮวน โหลชีก็มั่นใจแล้วว่า คำสาปยานั้นมาจากนางจริงๆ

ยิ่งกว่านั้น นางก็เข้าใจแล้วอีกด้วยว่า คำสาปยานั้นสามารถทำให้ชายที่โดนสาปหลงใหลผู้หญิงที่ได้กำหนดเอาไว้โดยเฉพาะอย่างลึกซึ้งโดยไม่มีเหตุผลขึ้นมาในทันใด

จนถึงขั้นที่ว่า เพราะความลุ่มหลงนี้เองจึงทำให้พฤติกรรมของคนคนนั้นเปลี่ยนไปเป็นคนไร้สาระและน่าขัน

เช่นเดียวกับท่าทางนี้ของจูซื่อเลย เขาได้สารภาพรักอย่างฮึกเหิมและร้อนอกน้อยใจอยากจะอยู่ด้วยกับพวกนาง

เห็นแบบนี้แล้ว ผู้หญิงที่ถูกกำหนด มีอยู่สามคนจริงๆหรือ? ก็คือสามคนนี้น่ะหรือ?

นี่คือการทำให้เฉินซ่าชอบผู้หญิงอีกสองสามคนหรือ? แต่ทว่าในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมเฟยฮวนผู้นี้ถึงต้องปลีกตัวออกมาจากวง? หรือว่านางไม่อยากครอบครองเฉินซ่าและไม่ต้องการเป็นพระสนมแห่งพั่วอวี้นี้แล้ว?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ