เฟยฮวนไหนเลยจะปราชัยได้อนาถเช่นนี้มาก่อน
ไม่ นางมิเคยพบผู้ใดใช้คำสาปยาประกอบกับแสงโคมไฟมาก่อน!
นางคำรามอยู่ในใจ โดยแท้จริงนี่คิดได้อย่างไร? คิดได้อย่างไร?!
นางคิดไม่ถึงเด็ดขาด ผู้ที่มาจากโลกปัจจุบัน กับแสงทุกชนิด พลังงาน ปฏิกิริยาเคมีและอื่นๆ แนวคิดประเภทนี้ราวกับฝังลึกอยู่ในโลหิตและชีพจรแล้ว จะคิดได้มากและกว้างว่านางได้อย่างไร? แม้นางจะเรียนอุบายนี้ของโหลชี ว่าจะควบคุมพลังงานแสงได้อย่างไร โหลชีก็รู้ดีอยู่มาก
หากจะเอ่ยว่าโมโหจะบ้า นั่นเพราะความคิดแรกเริ่มต่างกัน นี่ก็ไม่มีทางใดอื่น
แน่นอน พรสวรรค์ในด้านคำสาปของโหลชี ไม่ว่ายังไงเฟยฮวนตามไม่ทันแน่นอน
เฟยฮวนผู้นี้ใช้อุบายความคิดมากมายเพื่อปะปนเข้ามาในตำหนักจิ่วเซียว ไม่แกล้งนางสักหน่อย แกล้งให้นางร่ำไห้หาบิดรเพรียกหามารดา โหลชีรู้สึกว่าผิดต่อนาง
กระทั่งเฟยฮวนถูกประคองออกไปตำหนัก นางก็ยังไม่มีโอกาสได้พูดกับเฉินซ่าสักประโยค
ส่วนก่อนหน้านี้ที่เฉินซ่าเรียกนาง ก็เพราะขณะกำลังเอ่ยถึงเรื่องแต่งตั้งสนม เขารู้สึกว่ายามนี้ควรเอ่ยถึงแม่นางชุ่ยฮัวผู้นี้สักหน่อย ถึงตอนนั้นฝ่าบาทจะได้ไม่พลาดแม่นางน้อยที่ให้ความสำคัญในใจขนาดนั้นมาตลอด จากนั้นขุนนางทั้งหลายก็จะขอพบแม่นางชุ่ยฮัวผู้นี้ด้วย
สุดท้ายเมื่อได้พบ...
"ใต้เท้าองครักษ์อิงท่านล้อเล่นอะไร? สตรีเช่นนี้ จะเป็นพระสนมแห่งพั่วอวี้ได้อย่างไร?"
"นั่นสิๆ แม่นางชุ่ยฮัวผู้นี้ช่างแปลกพิสดารนัก หรือว่าตรงนี้จะใช้การไม่ดี?" มีคนชี้ที่ศีรษะ
ชั่วขณะ การวิจารณ์ด้านลบสารพัดต่อแม่นางชุ่ยฮัวก็ขจรขจายราวกับหิมะที่อยู่เต็มท้องฟ้า องครักษ์อิงก็ยอมแล้วเช่นกัน แต่ขณะที่ได้รับสายตายิ้มที่ไม่ยิ้มของโหลชี เขารู้สึกว่าตัวเองจะจบสิ้นแล้ว
เขามิใช่ไม่รู้ว่าโหลชีอาฆาตแค้น ยามนี้จะส่งเสริมสนมนางอื่นให้ฝ่าบาทต่อหน้านาง โหลชี้จะปล่อยเขาไปได้หรือ? แต่อิงก็รู้สึกว่าในเมื่อโหลชีจะอยู่กับฝ่าบาท ก็ควรจะเตรียมใจไว้ด้วย ฝ่าบาทเป็นราชาแห่งแคว้น จะมีสนมหนึ่งเดียวได้อย่างไร?
เช่นนี้ลำบากเกินไปแล้ว
"แม่นางชุ่ยฮัวผู้นี้ย่อมไม่เหมาะเป็นพระสนม แต่หากกล่าวถึงเกาอินอินท่านนั้น พระสนมผู้นี้ย่อมได้แน่ อีกอย่าง นางยังพูดว่าเงื่อนไขในการเลือกพระสนมของฝ่าบาทนั้น นางล้วนทำได้หมด" จี้เซิ่งหงกล่าวอีก"ถึงตอนนั้นคุณหนูเกาจะนำทหารกล้าหนึ่งหมื่นนายมาเป็นสินเดิมเจ้าสาว ตั้งแต่เขาซงซานจนถึงพั่วอวี้ นางจะกวาดล้างอิทธิพลตลอดทางทั้งหมด สยบพวกเขา คนและทรัพย์สินทั้งหมดก็จะให้พั่วอวี้ด้วย"
สินเดิมเจ้าสาวนี้ กล่าวได้ว่าสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อพั่วอวี้ในยามนี้
ขุนนางทั้งหลายได้ยินสินเดิมเจ้าสาวเช่นนี้ก็พากันผงกศีรษะ
อาจเป็นเพราะการปรึกษาหารือเมื่อก่อนหน้านี้ที่เฉินซ่าไม่เห็นด้วยมาตลอด เมื่อนี้จึงมีคนเบนสายตาไปทางโหลชีแล้ว พวกเขามองออก ว่าโดยหลักแล้วอยู่ที่ตัวโหลชีนั่นเอง
ขุนนางชราที่อายุใกล้หกสิบนามหนึ่งมองโหลชีพลางเอ่ย"พระสนมทรงคิดว่าสินเดิมเจ้าสาวนี้เป็นเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ?"
พวกเขารู้ว่าก่อนหน้านี้โหลชีได้ทำผลงานหลายอย่าง ผลงานเหล่านั้นในตอนนั้นย่อมยิ่งใหญ่อยู่แล้ว แต่ยามนี้พวกเขาเลือนรางไปบ้างแล้ว อนึ่งเพราะเป็นสิ่งของที่ฝ่าบาทต้องการ ที่จริงพวกเขาจำนวนมากไม่รู้ว่ามีประโยชน์อันใดโดยแท้ ดังนั้นกระสายยาเหล่านั้น ในใจของพวกเขากลับไม่มีแนวคิดมากนัก หากมีเหมืองทองสักแห่ง ในทางกลับกันพวกเขาก็ได้มาอยู่ในมือแล้ว ทั้งขุดเองด้วย ผลงานที่ส่งเหอชิ่งเหนียนผู้มีความสามารถผู้นี้มา เห็นได้ชัดว่าไม่เด่นเช่นนั้น หากกล่าวถึงผลงาน ก็มิสู้ให้เป็นของเหอชิ่งเหนียน
ดังนั้น ผลงานที่เป็นอดีตไปแล้วก็ถูกคนลืมเลือนง่ายๆ ผลประโยชน์ที่ไม่ได้ มักทำให้คนนึกถึงอยู่ร่ำไป ยามนี้พวกเขาต้องการสินเดิมเจ้าสาวส่วนนี้ของเมืองซง
กระทั่งว่าขณะที่กำลังถามประโยคนี้ พวกเขายังรู้สึกว่าโหลชีอาจละอายใจอยู่บ้าง ดูคนเขาสิ ดูสินเดิมเจ้าสาวของเขา
โหลชีได้ฟังก็ยิ้ม เหล่มองเฉินซ่าแวบหนึ่ง เอ่ย"เรื่องนี้เจ้าต้องถามฝ่าบาท"
สีหน้าเฉินซ่าอึมครึม"ข้าเคยกล่าวกับสนมรัก สินเดิมเจ้าสาวของนาง ข้าก็ออกด้วย เรื่องนี้ยังมิเอ่ยถึง เอ่ยถึงแต่เหมืองทอง พวกเจ้าคิดว่าเป็นผลงานของเหอชิ่งเหนียนผู้เดียวหรือ?"
เวลานี้ เหอชิ่งเหนียนออกจากแถว ประสานมือเอ่ย"ผลงานนี้ กระหม่อมมิกล้ารับโดยพลการ หากมิใช่พระสนมเคยสอนวิธีการคลำหาทองที่แม่นยำยิ่งกว่า ก็เป็นไม่ได้ว่ากระหม่อมจะค้นพบเหมืองทองได้เร็วเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ"
เฉินซ่าเอ่ยอีก"เช่นนั้น เมืองชี พวกเจ้าลืมแล้วหรือ?"
โหลชีกลับตะลึง"เมืองชี?"
เรื่องเมืองชีนี้นางยังมิรู้เลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ