ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 354

โหลชีอยู่มุมนี้มองเห็นรอยยิ้มนั้นของนาง งดงามประหนึ่งดอกไม้ดอกหนึ่งที่บานสะพรั่งในวันแรกของฤดูใบไม้ผลิ

ส่วนเฉินซ่าที่ปกติเย็นชากลับไม่ได้ไม่เห็นนางในสายตาเหมือนเมื่อก่อน กลับเพ่งมองนางครู่หนึ่ง และหันไปทางหมอเทวดา

หมอเทวดายืนประจันหน้ากับทางโหลชีพอดี

โหลชีอ่านปากเขาอย่างสงสัย

"ฝ่าบาท เรื่องนี้กระหม่อมพิสูจน์แล้ว นางมิได้โกหก"

ไม่ได้โกหก? พูดอะไรกัน? โหลชีรู้ว่านางที่หมอเทวดาพูดต้องหมายถึงเฟยฮวนแน่ แต่พูดอะไรกันแน่ล่ะ?

นางไม่ใช่ไม่กล้าเข้าไป แต่กลัวพอนางเข้าไป พวกเขาจะไม่พูดความจริงกันอีก

โหลชีอยากฟังความจริง

แต่กำลังภายในของเฉินซ่าสูงกว่านาง ถ้าอยู่ดีๆนางพุ่งเข้าไป เฉินซ่าต้องสังเกตเห็นนางแน่

เฉินซ่าไม่รู้ว่าพูดอะไร เยว่กับอิงกลับตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสองคนพร้อมใจกันคุกเข่าลงพื้น!

คราวนี้โหลชีตะลึงแล้วจริงๆ

นางไม่ลังเลอีก เม้มปาก เดินเข้าไปทางนั้น พวกเขาต้องคุยเรื่องใหญ่กันอยู่แน่ เรื่องใหญ่เรื่องหนึ่ง และต้องเป็นเรื่องใหญ่ที่เฉินซ่าลังเลอยู่นาน ไม่งั้นเยว่กับอิงคงไม่คุกเข่าลงพร้อมกัน พวกเขาราวกับจะขอร้องให้เขาทำอะไร

ถ้าเป็นเรื่องใหญ่แบบนี้แล้ว เฉินซ่าไม่พูดตามจริงกับนาง ยังคิดจะปิดบังนางอีก นางจะไม่อภัยให้เขาง่ายๆแน่

ในตอนที่โหลชีเดินเข้าใกล้ เฟยฮวนก็มองเห็นนาง มุมปากนางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มได้ใจ

โหลชีเดินมาในทิศตรงกันข้ามกับนาง ดังนั้นทั้งสองถือว่าอยู่ตรงข้ามกันพอดี โหลชีเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของนาง ในใจกระตุก นางดูออกว่า เฟยฮวนกำลังยิ้มอย่างมั่นใจมาก ซึ่งก็หมายความว่า นางมั่นใจว่าบรรลุเป้าหมายตนเองแล้ว แต่เพราะอะไรกันล่ะ? นางถือดีอะไร?

นางเดินเข้าไปใกล้อีก ก็ได้ยินเสียงเยว่พูดขึ้นว่า "...พระสนมต้องเข้าใจแน่ เพราะนี่มิใช่เรื่องปกติ!"

นางจะเข้าใจอะไร? จนถึงตอนนี้นางยังไม่ค่อยเข้าใจเลย

"ฝ่าบาท กระหม่อมสามารถไปพูดโดยละเอียดกับพระสนมได้ เหมือนที่ใต้เท้าองครักษ์เยว่พูด พระสนมต้องเข้าใจแน่ แต่เรื่องนี้ยังไงพระสนมก็คงจะเข้าใจ ต่อไปฝ่าบาทต้องดีกับพระสนมให้มาก"

โหลชีได้ยินคำพูดหมอเทวดายิ่งสงสัยหนักขึ้น นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?

ในตอนนี้เองนางได้กลิ่นหอมจางๆ กลิ่นหอมนั้นทำให้คนลืมอดีตได้ง่าย เหมือนกลิ่นดอกไม้ เหมือนกลิ่นหอมของวัตถุดิบทำขนมที่ไหนสักที่

แต่ตอนนี้นางคิดไม่ออกว่ากลิ่นนี้มันเป็นกลิ่นอะไร

พวกเฉินซ่ากับเยว่เจอนางแล้ว สีหน้าพลันแปลกพิกล

"องครักษ์เยว่ องครักษ์อิง พวกเจ้าทำอะไรกันน่ะ?คุกเข่าทำอะไรกัน? อ้อ จริงสิ ยังมีแม่นางเฟยฮวน ทำไมไม่เชิญนางเข้ามา?" โหลชีพอเข้าใกล้ก็เอ่ยปากเลย

เฉินซ่าหันมองเอ โหลชีสบตากับเขา พลันใจกระตุก นางยังไม่เคยเห็นแววตาแบบนี้ของเฉินซ่ามาก่อน สับสนมาก สับสนจนนางแยกไม่ออก

"ทำไมรึ?"

นางมีความรู้สึกเหมือนหลับไปหนึ่งวันแล้วพลาดเวลาไปหนึ่งปี เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับเฟยฮวนแน่ ไม่งั้นพวกเขาคงไม่ทำตัวแปลกขนาดนี้

เฉินซ่ากำลังจะพูด เฟยฮวนกลับพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยนว่า "ฝ่าบาท ขอให้ข้าน้อยส่งอาหารบำรุงเข้าไปได้หรือไม่? ข้าน้อยถือมาตลอดทาง เริ่มปวดมือแล้ว"

คำพูดนี้พูดได้อย่างอ่อนแอแน่งน้อย ทำให้คนรู้สึกสงสารนัก

เฉินซ่ายังคงมองดูโหลชี ยื่นมือมาหานาง โหลชีวางมือตนลงกลางฝ่ามือเขา ถูกเขาดึงเบาๆไปยืนข้างกาย เขาไม่ได้ดึงนางให้นั่งบนตักเขา ต่อหน้าคนนอกและลูกน้อง เขายังคงเย็นชาเสมอ แต่โหลชียืนข้างกายเขา เขากลับยังจับมือนางไว้

"เข้ามา" จากนั้นเขาถึงอนุญาตให้เฟยฮวนเข้ามา

โหลชีเลิกคิ้วขึ้น

นางสังเกตเห็นเยว่ อิงและหมอเทวดามีสีหน้าแปลกมาก ดูยากมาก พวกเขาดีใจหรือไม่ดีใจกัน โหลชีมองเฟยฮวน ในใจเริ่มมีการคาดเดาขึ้น และการคาดเดานี้ทำให้หัวใจนางหล่นวูบ

ทั้งหมดไม่พูดอะไรอีก มองดูเฟยฮวนยกของสิ่งนั้นเข้ามา ค่อยๆวางลงบนโต๊ะ นางยื่นมือขาวละเอียดเปิดฝานั่นออก ฉับพลันกลิ่นหอมที่สามารถเรียกให้พยาธิในท้องของทุกคนตื่นขึ้นก็ลอยเข้าจมูกทุกคน

โหลชีตาเป็นประกาย

ของดีนี่ อาหารเลิศรส!

ในฐานะนักกินที่เป็นนักสืบคนหนึ่ง เมื่ออยู่ต่อหน้าอาหารเลิศรส เรื่องอื่นก็วางไว้ก่อนได้

"แม่นางชุ่ยฮวา นี่คืออะไรรึ?"

เฟยฮวนยิ้มน้อยๆบอก "นี่เป็นน้ำแกงบำรุงที่ข้าน้อยทำมาให้ฝ่าบาทด้วยตัวเอง บัดนี้การสร้างแคว้นพั่วอวี้ใกล้เข้ามาแล้ว ต้องมีงานราชการมากมายรอให้ฝ่าบาทจัดการ" นางหันมองฎีกามากมายนั่น พูดเสียงอ่อนว่า "น้ำแกงบำรุงนี้มารดาข้าน้อยสอนมา ใช้วัตถุยาหลายชนิดนัก เพิ่มวัตถุดิบอีกมากมาย ตุ๋นครึ่งชั่วยามถึงสำเร็จ ข้าน้อยหวังว่าจะอาศัยน้ำแกงบำรุงโถนี้ขอขมาต่อฝ่าบาทและพระสนม เมื่อเช้ามืดในท้องพระโรงข้าน้อยเสียมารยาทแล้ว"

"ลงมือตุ๋นให้ฝ่าบาทเอง? งั้นข้าดื่มไม่ได้?" โหลชีก้าวเท้าขึ้นหน้า ท่าทางราวจะเข้าไปแย่งน้ำแกง

"หากพระสนมโหลชอบ ข้าน้อยจะกลับไปตุ๋นอีกชนิดหนึ่ง โถนี้ให้บุรุษดื่มได้เท่านั้น มิเหมาะสมกับสตรี" เฟยฮวนบอก ยกน้ำแกงโถนั้นขึ้นด้วยสองมือจะเดินมาหน้าเฉินซ่า

"หยุดเดี๋ยวนี้" ในตอนที่นางอยู่ห่างจากเฉินซ่าแค่ห้าก้าว เฉินซ่าพลันร้องบอกนางด้วยน้ำเสียงเย็นชา เฟยฮวนชะงักอึ้ง จากนั้นดวงตางามแดงเรื่อขึ้น

"ฝ่าบาท เป็นความผิดของข้าน้อยเอง ข้าน้อยมิควรใช้การควบคุมฝันกับฝ่าบาท!"

พอคำนี้ออกมา อย่าว่าแต่โหลชีเลย แม้แต่เฉินซ่าก็อึ้งด้วย พวกเขายังไงก็คิดไม่ออกว่า นางกล้าเปิดเผยเรื่องนี้! และยังในเวลานี้ ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ด้วย!

พอเป็นอย่างนี้ พวกเขากลับแปลกใจนัก เฟยฮวนผู้นี้คิดจะทำอะไรกันแน่? นางรู้เรื่องคำสาป จุดนี้ไม่ต้องสงสัยเลย! แต่นางใช้การควบคุมฝัน คำสาปชนิดนี้คนมากมายคงรังเกียจนักแน่!

แน่นอน ที่ทำให้เฉินซ่าและโหลชีแปลกใจคือ หรือว่านางรู้ว่าพวกเขาค้นพบถึงการควบคุมฝันที่นางใช้ก่อนหน้านี้แล้วกระมัง? พอรู้ นางกลับไม่รีบไม่ร้อนไม่หลบหนี กลับยังพูดออกมาหน้าตาเฉย?

ขนาดโหลชียังไม่รู้เลยว่านางมีแผนการอะไรยังไง

ดวงตาเฟยฮวนแดงเรื่องขึ้นมาฉับพลัน น้ำตาไหลริน "เพราะว่านึกสนุก ข้าน้อยจึงเรียนคำสาปนี้ ครั้งก่อนเพราะสงสัยนัก และชมชอบฝ่าบาทมากเกินไป ดังนั้นเลยเผลอทำความผิดลงไป ขอฝ่าบาทเห็นแก่หน้าอาจารย์ของข้าน้อย เห็นแก่ความภักดีที่ข้าน้อยมีต่อฝ่าบาท ยกโทษให้ข้าน้อยด้วยเถิด"

เยว่รู้เรื่องการควบคุมฝัน แต่อิงยังไม่รู้ ดังนั้นเขาเลยไม่รู้ว่าการควบคุมฝันนี่มันเรื่องอะไรกัน เยว่กลับสีหน้าเปลี่ยน เขาคิดถึงเรื่องนี้ แล้วก็เริ่มลังเล

"ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพูดเรื่องอะไร"

เฉินซ่าพลันขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่กลับแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องนี้ โหลชีรู้สึกมันแปลกมาก ถ้าเป็นคนอื่น ตอนนี้คงโดนเขาซัดฝ่ามือตายหรือไม่ก็ซัดออกไปแล้วล่ะมั้ง?

เฟยฮวนงุนงงสับสนมาก

เดิมนางตัดสินใจแล้ว และพูดเรื่องการควบคุมฝันออกมาแล้ว ยอมรับความผิดก่อน ไม่แน่ว่าโอกาสของนางจะมีมากขึ้น แต่ไม่คิดเลยว่านางพูดแล้วจริงๆ หากเฉินซ่ากลับดูเหมือนไม่รู้เลย?

หรือจะบอกว่าอันที่จริงแล้วการควบคุมฝันของนางเกือบสำเร็จแล้ว การสะท้อนกลับเป็นเพราะสาเหตุอื่น?

ถ้าการควบคุมฝันสำเร็จ เฉินซ่าจำเรื่องในฝันไม่ค่อยได้จริง จำได้เพียงนาง แต่เห็นได้ชัดว่าเขาจำนางไม่ได้ และจำเรื่องราวในฝันไม่ได้?

"แม่นางชุ่ยฮวาพูดอย่างนี้ คือรู้คำสาป?" โหลชีคือถามทั้งๆที่รู้

เฟยฮวนพยักหน้าว่า "พระสนมคงมิใช่มีอคติกับคนที่รู้คำสาปกระมัง?"

พูดอย่างนี้ โหลชีควรจะปฏิเสธตามมารยาทกระมัง? แต่ที่ทำให้นางแปลกใจคือ โหลชียอมรับออกมาตรงๆเลยว่า "ใช่ไง โดยเฉพาะคนที่มาจากซีเจียง เป็นพิเศษ รังเกียจเป็นพิเศษ"

เฟยฮวนสะอึก

โหลชีไม่ได้พลาดสีหน้าของนาง และมั่นใจในทันใดว่า เฟยฮวนผู้นี้มาจากซีเจียงแน่ หน้าตาดี เก่งเรื่องคำสาป มีความกล้าหาญควบม้ามาคนเดียวถึงตำหนักจิ่วเซียวนี่ ฐานะของนางไม่ธรรมดาแน่

โหลชีมักรู้สึกว่า ฝีมือของเฟยฮวนต้องไม่ได้มีแค่นี้ และครั้งนี้นางสามารถทำให้พวกหมอเทวดาตามนางเข้ามา เข้าตำหนักจิ่วเซียว และทำให้เฉินซ่ากระทำตนพิเศษด้วยได้ แสดงว่านางมีฝีมือ

เฟยฮวนเบี่ยงเบนประเด็น และหันหาเฉินซ่า "ฝ่าบาท เหตุผลที่ข้าน้อยมายังพั่วอวี้ได้อธิบายอย่างละเอียดกับใต้เท้าองครักษ์เยว่และใต้เท้าองครักษ์อิงแล้ว หมอเทวดาได้ทดสอบแล้ว เช่นนั้นเพื่อเห็นแก่ร่างกายฝ่าบาท จะให้ข้าน้อยเริ่มมาอยู่ตำหนักสามตั้งแต่คืนนี้เลยหรือไม่?"

ย้ายมาตำหนักสาม?

ล้อเล่นอะไรกัน ให้นางย้ายมาตำหนักสาม?

เป็นเพราะอะไรกันแน่?

โหลชียังไม่ทันถาม เฟยฮวนก็ไม่รอเฉินซ่าตอบ นางเลื่อนน้ำแกงถ้วยนั้นไปที่หน้าเฉินซ่า "ฝ่าบาทดื่มน้ำแกงก่อนเถิด"

พิกล แปลกมาก ถ้าเป็นเมื่อก่อน เฉินซ่าควรจะปัดของในมือนางทิ้งไปแล้ว และเตะนางออกไปถึงจะถูก มีหรือจะยอมให้นางตะล่อมเขาดื่มน้ำแกงสามรอบสี่รอบแบบนี้

นางจะยื่นมือไปรับน้ำแกงในมือเฟยฮวน ทันใดนั้นตอนนี้เอง เฉินซ่าพลันขมวดคิ้วแน่น จากนั้นมือหนึ่งกุมหน้าอกอย่างแรง ร่างกายแข็งเกร็งฉับพลัน

โหลชีอยู่ใกล้เขาที่สุด แทบจะรับรู้ได้ทันทีถึงความผิดปกติของเขา อุณหภูมิของเขาลดลงอย่างรวดเร็ว และเริ่มมีเลือดไหลออกมาจากร่างเขา

พิษกู่ของเฉินซ่ากำเริบแล้ว!

ไม่ถูก ไม่ถูกเลย วันนี้ยังไม่ถึงเดือนเพ็ญเลย ทำไมถึงกำเริบได้ล่ะ? ครั้งก่อนที่เขากำเริบคือระหว่างทางกลับพั่วอวี้ แต่มีนางอยู่ด้วย แทบจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

แต่พึ่งจะผ่านไปได้ครึ่งเดือน ทำไมเขากำเริบอีกล่ะ?

"นายท่าน!" อิงและเยว่ร้องขึ้นมาทันที

หมอเทวดาหันมองโหลชีอย่างลุกลน "พระสนมรีบ..."

"หมอเทวดา ข้ารู้ดีว่าควรทำไง" โหลชีเห็นเขาทำท่าจะเรียกให้นางเป็นยาให้เฉินซ่า เลยรีบตัดบทคำพูดเขา

นี่ พวกเขาพลันเห็นเฟยฮวนหยิบมีดสั้นออกมา และกรีดข้อมือตัวเองอย่างรวดเร็ว!

เลือดไหลออกมา อีกมือหนึ่งของเฟยฮวนจับเลือดตัวเองและจะพุ่งไปที่หน้าผากเฉินซ่าอย่างรวดเร็ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ