โหลชีอยู่มุมนี้มองเห็นรอยยิ้มนั้นของนาง งดงามประหนึ่งดอกไม้ดอกหนึ่งที่บานสะพรั่งในวันแรกของฤดูใบไม้ผลิ
ส่วนเฉินซ่าที่ปกติเย็นชากลับไม่ได้ไม่เห็นนางในสายตาเหมือนเมื่อก่อน กลับเพ่งมองนางครู่หนึ่ง และหันไปทางหมอเทวดา
หมอเทวดายืนประจันหน้ากับทางโหลชีพอดี
โหลชีอ่านปากเขาอย่างสงสัย
"ฝ่าบาท เรื่องนี้กระหม่อมพิสูจน์แล้ว นางมิได้โกหก"
ไม่ได้โกหก? พูดอะไรกัน? โหลชีรู้ว่านางที่หมอเทวดาพูดต้องหมายถึงเฟยฮวนแน่ แต่พูดอะไรกันแน่ล่ะ?
นางไม่ใช่ไม่กล้าเข้าไป แต่กลัวพอนางเข้าไป พวกเขาจะไม่พูดความจริงกันอีก
โหลชีอยากฟังความจริง
แต่กำลังภายในของเฉินซ่าสูงกว่านาง ถ้าอยู่ดีๆนางพุ่งเข้าไป เฉินซ่าต้องสังเกตเห็นนางแน่
เฉินซ่าไม่รู้ว่าพูดอะไร เยว่กับอิงกลับตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสองคนพร้อมใจกันคุกเข่าลงพื้น!
คราวนี้โหลชีตะลึงแล้วจริงๆ
นางไม่ลังเลอีก เม้มปาก เดินเข้าไปทางนั้น พวกเขาต้องคุยเรื่องใหญ่กันอยู่แน่ เรื่องใหญ่เรื่องหนึ่ง และต้องเป็นเรื่องใหญ่ที่เฉินซ่าลังเลอยู่นาน ไม่งั้นเยว่กับอิงคงไม่คุกเข่าลงพร้อมกัน พวกเขาราวกับจะขอร้องให้เขาทำอะไร
ถ้าเป็นเรื่องใหญ่แบบนี้แล้ว เฉินซ่าไม่พูดตามจริงกับนาง ยังคิดจะปิดบังนางอีก นางจะไม่อภัยให้เขาง่ายๆแน่
ในตอนที่โหลชีเดินเข้าใกล้ เฟยฮวนก็มองเห็นนาง มุมปากนางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มได้ใจ
โหลชีเดินมาในทิศตรงกันข้ามกับนาง ดังนั้นทั้งสองถือว่าอยู่ตรงข้ามกันพอดี โหลชีเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของนาง ในใจกระตุก นางดูออกว่า เฟยฮวนกำลังยิ้มอย่างมั่นใจมาก ซึ่งก็หมายความว่า นางมั่นใจว่าบรรลุเป้าหมายตนเองแล้ว แต่เพราะอะไรกันล่ะ? นางถือดีอะไร?
นางเดินเข้าไปใกล้อีก ก็ได้ยินเสียงเยว่พูดขึ้นว่า "...พระสนมต้องเข้าใจแน่ เพราะนี่มิใช่เรื่องปกติ!"
นางจะเข้าใจอะไร? จนถึงตอนนี้นางยังไม่ค่อยเข้าใจเลย
"ฝ่าบาท กระหม่อมสามารถไปพูดโดยละเอียดกับพระสนมได้ เหมือนที่ใต้เท้าองครักษ์เยว่พูด พระสนมต้องเข้าใจแน่ แต่เรื่องนี้ยังไงพระสนมก็คงจะเข้าใจ ต่อไปฝ่าบาทต้องดีกับพระสนมให้มาก"
โหลชีได้ยินคำพูดหมอเทวดายิ่งสงสัยหนักขึ้น นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?
ในตอนนี้เองนางได้กลิ่นหอมจางๆ กลิ่นหอมนั้นทำให้คนลืมอดีตได้ง่าย เหมือนกลิ่นดอกไม้ เหมือนกลิ่นหอมของวัตถุดิบทำขนมที่ไหนสักที่
แต่ตอนนี้นางคิดไม่ออกว่ากลิ่นนี้มันเป็นกลิ่นอะไร
พวกเฉินซ่ากับเยว่เจอนางแล้ว สีหน้าพลันแปลกพิกล
"องครักษ์เยว่ องครักษ์อิง พวกเจ้าทำอะไรกันน่ะ?คุกเข่าทำอะไรกัน? อ้อ จริงสิ ยังมีแม่นางเฟยฮวน ทำไมไม่เชิญนางเข้ามา?" โหลชีพอเข้าใกล้ก็เอ่ยปากเลย
เฉินซ่าหันมองเอ โหลชีสบตากับเขา พลันใจกระตุก นางยังไม่เคยเห็นแววตาแบบนี้ของเฉินซ่ามาก่อน สับสนมาก สับสนจนนางแยกไม่ออก
"ทำไมรึ?"
นางมีความรู้สึกเหมือนหลับไปหนึ่งวันแล้วพลาดเวลาไปหนึ่งปี เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับเฟยฮวนแน่ ไม่งั้นพวกเขาคงไม่ทำตัวแปลกขนาดนี้
เฉินซ่ากำลังจะพูด เฟยฮวนกลับพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยนว่า "ฝ่าบาท ขอให้ข้าน้อยส่งอาหารบำรุงเข้าไปได้หรือไม่? ข้าน้อยถือมาตลอดทาง เริ่มปวดมือแล้ว"
คำพูดนี้พูดได้อย่างอ่อนแอแน่งน้อย ทำให้คนรู้สึกสงสารนัก
เฉินซ่ายังคงมองดูโหลชี ยื่นมือมาหานาง โหลชีวางมือตนลงกลางฝ่ามือเขา ถูกเขาดึงเบาๆไปยืนข้างกาย เขาไม่ได้ดึงนางให้นั่งบนตักเขา ต่อหน้าคนนอกและลูกน้อง เขายังคงเย็นชาเสมอ แต่โหลชียืนข้างกายเขา เขากลับยังจับมือนางไว้
"เข้ามา" จากนั้นเขาถึงอนุญาตให้เฟยฮวนเข้ามา
โหลชีเลิกคิ้วขึ้น
นางสังเกตเห็นเยว่ อิงและหมอเทวดามีสีหน้าแปลกมาก ดูยากมาก พวกเขาดีใจหรือไม่ดีใจกัน โหลชีมองเฟยฮวน ในใจเริ่มมีการคาดเดาขึ้น และการคาดเดานี้ทำให้หัวใจนางหล่นวูบ
ทั้งหมดไม่พูดอะไรอีก มองดูเฟยฮวนยกของสิ่งนั้นเข้ามา ค่อยๆวางลงบนโต๊ะ นางยื่นมือขาวละเอียดเปิดฝานั่นออก ฉับพลันกลิ่นหอมที่สามารถเรียกให้พยาธิในท้องของทุกคนตื่นขึ้นก็ลอยเข้าจมูกทุกคน
โหลชีตาเป็นประกาย
ของดีนี่ อาหารเลิศรส!
ในฐานะนักกินที่เป็นนักสืบคนหนึ่ง เมื่ออยู่ต่อหน้าอาหารเลิศรส เรื่องอื่นก็วางไว้ก่อนได้
"แม่นางชุ่ยฮวา นี่คืออะไรรึ?"
เฟยฮวนยิ้มน้อยๆบอก "นี่เป็นน้ำแกงบำรุงที่ข้าน้อยทำมาให้ฝ่าบาทด้วยตัวเอง บัดนี้การสร้างแคว้นพั่วอวี้ใกล้เข้ามาแล้ว ต้องมีงานราชการมากมายรอให้ฝ่าบาทจัดการ" นางหันมองฎีกามากมายนั่น พูดเสียงอ่อนว่า "น้ำแกงบำรุงนี้มารดาข้าน้อยสอนมา ใช้วัตถุยาหลายชนิดนัก เพิ่มวัตถุดิบอีกมากมาย ตุ๋นครึ่งชั่วยามถึงสำเร็จ ข้าน้อยหวังว่าจะอาศัยน้ำแกงบำรุงโถนี้ขอขมาต่อฝ่าบาทและพระสนม เมื่อเช้ามืดในท้องพระโรงข้าน้อยเสียมารยาทแล้ว"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ