เฟยฮวนรู้สึกว่าตนเองก็ไม่ด้อย อย่างน้อยไม่ด้อยกว่าโหลชี
หากพูดเรื่องหน้าตา ถึงนางจะไม่งดงามเท่าโหลชี แต่นางรู้มาตลอดว่าข้อเด่นของหน้าตาตนอยู่ที่ไหน นางอ่อนแอรูปร่างแน่งน้อยมาก ประหนึ่งอ่อนแอพลิ้วไหวดุจต้นหลิว ยากจะต้านแสงแดดในฤดูใบไม้ผลิ บุรุษมากมายล้วนพ่ายแพ้ต่อสตรีเช่นนาง บุรุษมากมายล้วนตายภายใต้ทีท่าของนาง นางดูอ่อนแออรชร อันที่จริงแล้วนางมีหัวใจที่แข็งกล้าโหดเหี้ยมนัก
มิเช่นนั้นนางคงไม่ยอมวิ่งมาตำหนักจิ่วเซียวด้วยตัวคนเดียวเพื่อมอบกายให้เขา ทั้งๆที่ในใจชอบซีฉางหลี ถึงอาจารย์นางจะเคยบอกว่านางต้องมอบกายให้เฉินซ่า แต่ยังไงนางก็เป็นสตรีคนหนึ่ง ล้วนหวังว่าจะได้มอบกายให้คนที่ตนรัก แต่ตอนนี้เฟยฮวนรู้สึกว่า การรักเฉินซ่า ดูไม่น่าใช่เรื่องยากลำบากอะไร
ถึงซีฉางหลีจะชอบนาง แต่เทียบกับงานใหญ่ของเขาแล้ว นางเป็นสิ่งที่สามารถสละได้ นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้นางมิอาจรักเขาได้หมดใจ พวกเขาต่างมิมีใครมอบหัวใจทั้งหมดออกมา
เฟยฮวนพลันอยากรู้ว่า เฉินซ่ากับโหลชีได้มอบหัวใจทั้งหมดให้แก่กันและกันหรือไม่?
"ใครก็ได้"
ในเมื่อนางเป็นคนที่ใต้เท้าองครักษ์อิงไปรับมา และยังไม่มีใครบอกว่าจะทำยังไงกับนาง ดังนั้นเหล่านางกำนัลจึงไม่มีใครกล้าไม่นบนอบด้วย
"แม่นางชุ่ยฮวามีสิ่งใดจะสั่งการหรือเจ้าคะ?"
พอได้ยินนางกำนัลเรียกนางว่าแม่นางชุ่ยฮวา ในใจเฟยฮวนรู้สึกแปลกนัก นางมิใช่คนโง่เขลา คนมากมายยามได้ยินชื่อนี้ของนางพลันแสดงออกประหลาดนัก ตอนแรกนางไม่ได้ใส่ใจ แต่หลายครั้งเข้านางก็สังเกตได้ และพวกเขายังบอกว่านางชื่อเฟยฮวน
จะเป็นไปได้อย่างไรกัน? นางจำได้ว่าตนชื่อชุ่ยฮวานี่นา
แต่ในเมื่อมั่นใจว่าตนชื่อเฟยฮวน ตามใจจริงนางก็ว่าเฟยฮวนเพราะกว่าชุ่ยฮวา ซีเฟยฮวน ซีชุ่ยฮวา? เฟยฮวนครุ่นคิดไม่ตก สุดท้ายคิดถึงครั้งนั้น ตอนที่นางจัดการใช้การควบคุมฝัน
ตอนนั้นนางสงสัยว่าการควบคุมฝันของตนล้มเหลวแล้ว เช้ามืดวันนี้ทำให้นางแน่ใจแล้วว่า ล้มเหลวแล้วจริงๆ แต่เพราะอะไรเล่า? นางไม่เข้าใจจริงๆ อีกอย่าง ล้มเหลวได้อย่างไร? นางไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าเฉินซ่าสามารถทำลายคำสาปได้แล้ว
อีกอย่าง ต่อให้เขาทำได้ ระหว่างหลับอย่างมากคือแรงต้านทานมากหน่อย ไม่มีทางทำให้ความทรงจำนางเปลี่ยนไปได้ชั่วคราวเปลี่ยนชื่อนางไปนี่นา
นางไม่มีทางคิดออกแน่ว่า นางหลงกลโหลชีเข้าอย่างจังแล้ว
"ข้าจะเข้าเฝ้าฝ่าบาท" เฟยฮวนยังคงตัดสินใจโยนเรื่องนี้ทิ้งไปก่อน
"ฝ่าบาทมิได้มีรับสั่งเรียกแม่นางชุ่ยฮวาเข้าเฝ้านี่นา" นางกำนัลแสดงออกว่าไม่มีหนทาง เฟยฮวนกัดฟันกรอด เมื่อใดกันที่นางต้องการพบบุรุษผู้หนึ่งแล้วยังต้องรอรับสั่งให้เข้าเฝ้า?
"ฝ่าบาทมิได้มีรับสั่งให้เข้าเฝ้า ข้าก็จะเข้าเฝ้า ข้าจะทำอาหารบำรุงไปถวายฝ่าบาท"
สายตานางพลันมีประกายวาบผ่าน พอนางกำนัลนั่นสบตานาง สายตาพลันแข็งทื่อ
"เจ้าค่ะ"
พอโหลชีตื่นขึ้นมา แสงอาทิตย์อัสดงกำลังเป็นสีแดง นางไม่ได้หลับสบายหลับนานขนาดนี้นานมากแล้ว ตื่นมาคราวนี้เลยตกอยู่ในภวังค์นิดหน่อย ไม่รู้ว่านี่เวลาอะไร แต่ไม่นานนางก็ได้กลิ่นอ่อนใสชนิดหนึ่ง กลิ่นแบบนี้นางคุ้นเคยมาก นั่นเป็นกลิ่นบนตัวเฉินซ่า นางมองไปรอบด้าน ถึงมองออกว่านี่เป็นเตียงใหญ่เตียงใหม่ ผ้าห่มที่ห่มบนตัวหรือผ้ามู่ลี่อะไรล้วนเป็นของใหม่ พอเปิดมู่ลี่ออกดู ที่นี่เป็นตำหนักบรรทมของเฉินซ่านั่นเอง
แต่ของใหม่ทั้งหมด ทำไมถึงมีกลิ่นเขาได้ล่ะ?
นางลงจากเตียง พบว่าตนเองเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ใส่เสื้อตัวในตัวใหม่ ด้านในว่างเปล่า เสื้อชั้นในอะไรก็ไม่มี
"เอ้อร์หลิง!"
โหลชีรู้สึกโกรธเลือดขึ้นหน้าฉับพลัน นางไม่เชื่อว่าตนเองจะนอนหลับสนิทถึงขั้นนี้ ขนาดมีคนถอดเสื้อผ้านางออกหมดแล้วจับนางเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ยังไม่รู้ตัวอีก
เอ้อร์หลิงเฝ้าอยู่ด้านนอกจริงๆ ได้ยินเสียงนางก็รีบเปิดประตูเข้ามา "พระสนมทรงตื่นแล้วหรือเจ้าคะ?"
โหลชีพอเห็นนางก็โล่งอก "เจ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้า?"
"เอ่อ...ถือว่าใช่"
พอได้ยินคำนี้ โหลชีแทบพองลม "อะไรคือถือว่าใช่?"
เอ้อร์หลิงเม้มปากแอบขำ กดเสียงต่ำบอกนางว่า "เดิมฝ่าบาทจะช่วยพระสนมเปลี่ยน แต่ฝ่าบาทไม่รู้วิธีถอดชุดสตรี หลังจากดึงซ้ายดึงขวามั่วไปหมดถึงให้ข้าน้อยเข้ามาช่วย ฝ่าบาทเป็นคนเปลี่ยนเสื้อตัวใน ฝ่าบาทพึ่งตื่นได้ไม่นาน" โหลชีแทบเป็นลม
"เจ้าเฉินซ่าจี้จุดหลับข้าหรือไง?"
พระสนมน่าจะเหนื่อยเกินไปกระมัง ฝ่าบาทบอกให้ท่านพักผ่อนให้มาก เลยจี้จุดหลับของท่าน"
โหลชีกัดฟันกรอด เจ้าหมอนั่น ถึงเจ้าหมอนั่นจะรับปากไม่มีอะไรกับนางก่อนพิธีอภิเษกสมรส แต่ตกลงเขาเข้าใจคำว่าชายหญิงห้ามแตะเนื้อต้องตัวกันไหมเนี่ยหะ? ทำไมหน้าหนาขนาดนี้เนี่ย? ทำไมปล่อยวางกว่านางที่มาจากยุคปัจจุบันอีกเนี่ย?
"ฝ่าบาทพักผ่อนนานแค่ไหน?"
"ราวหนึ่งชั่วยามกว่ากระมัง"
พอได้ยินเอ้อร์หลิงพูดแบบนี้ โหลชีพบว่าตนเองแอบผ่อนลมหายใจแผ่วเบา นางอึ้งไปเล็กน้อย อันที่จริงนางก็แคร์เขามากอยู่เหมือนกันนะ นางเองยังเหนื่อยมากเลย และคิดว่าเขาต้องเหนื่อยแน่ ถ้าได้นอนพักผ่อนสักสองชั่วโมงก็คงดี โหลชีถึงกับเริ่มคิดทำยาบำรุงร่างกายออกมาให้เขากินเลย
พอใส่เสื้อผ้าเสร็จ ตอนนางจะรัดสายรัดเอวถึงพบว่าสายรัดเอวที่เข้าชุดกับชุดนี้ก็วางอยู่ข้างๆ
เอ้อร์หลิงเห็นสายตานางตกไปอยู่ที่สายรัดเอว จึงถามขึ้น "พระสนม ตอนนี้อยู่ในวัง ถ้าเช่นไรอย่ารัดสายรัดเอวเส้นนั้นของท่านเลย?" สายรัดเอวพิเศษของพระสนม นางแค่ดูยังรู้สึกว่าหนักมากเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ