กำแพงถ้ำสูงถูกพิชิตวันผ่าออกเป็นแนวยาว และเทียนอิ่งกับโหลชีก็ถึงพื้นดินแล้ว เดิมทีแถบนี้น่าจะมีอีกชั้นหนึ่ง แต่เพราะถูกงูใหญ่เจาะเป็นรู เจาะจนพื้นดินแถบนี้หลวมไปเล็กน้อย ในตอนที่พวกเขาขุดหลุดทำให้ทั่วทั้งพื้นดินพังทลายโดยตรง ดังนั้นก็เลยร่วงลงมา
"พระสนม มด!" เทียนอิ่งหยิบไข่มุกเรืองแสงออกมา ในถ้ำสว่างขึ้นมาในทันที บนกำแพงดินที่อยู่ด้านข้างพวกเขาเห็นกองทัพมด พวกมันเพิ่งคลานมาถึงพื้นดิน
และวู๊วูก็หายตัวไปแล้ว
"ตามมดไป"
มดพวกนี้ต้องมุ่งหน้าไปทางของสิ่งนั้นแน่นอน ขอแค่ตามไปก็สามารถหาเจอได้ และยังสามารถหาวู๊วูเจอ
ทั้งสองเดินตามมดไปตลอดทาง ไข่มุกเรืองแสงเปล่งแสงที่นุ่มนวลแต่สว่างไสว ความสว่างไสวระดับนี้ แสดงถึงความล้ำค่าหาที่เปรียบมิได้ของไข่มุกเรืองแสงเม็ดนี้
"เทียนอิ่งนี่มองการณ์ไกลดีนะสามารถรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ ยังพกไข่มุกเรืองแสงที่ดีขนาดนี้มาด้วย" โหลชีอดที่จะกล่าวชมไม่ได้
เทียนอิ่งกล่าวเสียงเบา: "นี่คือเจตนาของฝ่าบาท ฝ่าบาทยังกล่าวกับข้าน้อยประโยคหนึ่ง หากพบมหันตภัยแห่งชีวิต ขอให้ข้าน้อยปกป้องพระสนมจนตัวตาย หากข้าน้อยตายเพราะปกป้องพระสนม หลังจากที่ฝ่าบาทก่อตั้งประเทศแล้วจะแต่งตั้งข้าน้อยเป็นอ๋องต่างนามสกุล"
พุด
โหลชีแทบจะสำลักออกมา
เฮ้ ฝ่าบาท ท่านมีความละอายไหมเนี่ย? ขอให้คนอื่นตายเพื่อนางอย่างเปิดเผยเช่นนี้ได้?
หากให้นางเลือก หลังจากตายไปแล้วไม่ว่าจะแต่งตั้งอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ตัวเองไม่รับรู้และไม่สามารถเสวยสุขกับมันได้แล้ว นางไม่ต้องการลาภยศและชื่อเสียงเช่นนี้หรอก การมีชีวิตอยู่สำคัญกว่า
"เจ้าอย่าฟังที่เขาพูด ดูแลตัวเองให้ดี"
ไม่ว่านางจะเกิดบนผืนแผ่นดินแห่งนี้หรือไม่ ถึงอย่างไรนางก็ไม่ได้เติบโตที่นี่ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนที่นี่ ดังนั้นส่วนลึกในจิตใจของนางก็ยังไม่ค่อยเข้าใจความภักดีที่มีต่อราชวงศ์และการฝักใฝ่ประเภทนั้น องครักษ์คนหนึ่ง ถูกแต่งตั้งเป็นอ๋องต่างนามสกุล นั่นเป็นเกียรติยศสูงสุดในกี่ชั่วอายุคนของเขาแล้ว หากพบกับสถานการณ์ความเป็นความตายจริงๆ เพื่อสิ่งนี้แล้วเขาสามารถทำได้ถึงขนาดละทิ้งชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยโหลชีอย่างแน่นอน
เทียนอิ่งกลับส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า: "พระสนม เดิมทีเรื่องนี้ข้าน้อยไม่อยากพูดออกมา เพราะไม่ว่าจะมีคำพูดประโยคนี้ของฝ่าบาทหรือไม่ ข้าน้อยก็จะปกป้องพระสนมอย่างสุดความสามารถอยู่แล้ว แต่ว่าก่อนหน้านี้ข้าน้อยได้ยินสิ่งที่เฉิงสิบกับโหลวซิ่นพูดคุยกับพระสนม รู้สึกว่าพูดมันออกมาจะดีกว่า เช่นนี้ พระสนมจะเข้าใจจิตใจของฝ่าบาทไหม?"
โหลชีตะลึงงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้าแล้วยิ้มออกมาอย่างจนใจเล็กน้อย
ความคิดของเฉินซ่า นางเข้าใจ แต่ว่า ความคิดของนาง ยังไม่แน่ว่าเฉินซ่าจะเข้าใจ ระหว่างคนสองคน บางครั้งก็ไม่ใช่ว่าตกลง ข้าทำตามคำขออะไรของท่านได้ เช่นนั้นทุกอย่างระหว่างเราก็จะราบรื่น พวกเขายืนยันความสัมพันธ์ คือความสัมพันธ์แบบคู่รัก ความรัก จะทำอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น การแต่งงานกลับแตกต่างไปจากความรัก ตอนนี้เวลานี้ สภาพแวดล้อมที่กว้างใหญ่เช่นนี้ ไม่เหมาะสมที่จะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องแต่งงาน
ดังนั้นก็ไม่ใช่ว่านางจะไม่รัก
เรื่องพวกนี้คุยกับเฉิงสิบหรือว่าเทียนอิ่งก็ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นัก
ตอนนี้ในใจเฉิงสิบรู้สึกแค่ว่าฝ่าบาทยังต้องทำเช่นนั้นเช่นนี้ เทียนอิ่งก็รู้สึกว่า ฝ่าบาทก็ไม่ได้ง่ายๆ องครักษ์สองคนนี้ ล้วนจงรักภักดีต่อพวกเขาสองคนมาก แต่จุดที่ให้ความสำคัญแตกต่างกันไป
"ไปเถอะ" โหลชีก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
มดพวกนั้นหักเลี้ยวมุม พื้นที่ข้างหน้าเปลี่ยนเป็นแคบลง ข้างในนี้ดูเหมือนจะเป็นรอยแยกตามภูมิประเทศที่เกิดตามธรรมชาติ สามารถผ่านได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
เทียนอิ่งยืนกรานจะเดินข้างหน้า มดพวกนั้นเดินกันเร็วมาก ยิ่งอยู่ก็ยิ่งเร็วมากเรื่อยๆ เหมือนกับกำลังรีบเดินทางไปร่วมงานเลี้ยง ช้าไปจะสายเกินไป
"แมงป่อง!" จู่ๆเทียนอิ่งก็กล่าวเสียงเบาด้วยความตกใจ: "ข้างหน้ายังมีแมงป่อง ไม่ ไม่ใช่แค่แมงป่อง! งู งูเยอะแยะมากมาย!" เสียงของเขามาถึงครึ่งหลังเกือบจะแฝงความตื่นตระหนกเล็กน้อย เพราะขอบเขตการส่องสว่างของไข่มุกเรืองแสงก็มีจำกัดเช่นกัน เขามองเห็นได้เฉพาะภายในบริเวณขอบเขต แล้วข้างหน้าก็ยังเป็นความมืดมิด ไม่รู้สักนิดเลยว่ามันคืออะไร
"ระวังหน่อย เดินหน้าต่อไปอีกสักนิด" โหลชีลดเสียงลง นางน่าจะคิดได้นานแล้ว ถ้าหากมีอะไรสามารถดึงดูดมดมากมายขนาดนี้ได้ เช่นนั้นก็ไม่มีเหตุผลที่สัตว์และแมลงอื่นๆจะไม่ถูกดึงดูด สัตว์ที่มีขนาดเล็กและแมลงเหล่านี้มักจะมีความอ่อนไหวและมีความสามารถในการสืบเสาะของแบบนี้ได้มากกว่า
ทางแคบมาถึงจุดสิ้นสุด ข้างในราวกับทิวเขาย่อส่วนขนาดเล็กแห่งหนึ่ง สูงต่ำขึ้นลง และมีต้นไม้ต้นเล็กที่เป็นป่าทึบ เพียงแต่ว่าต้นไม้พวกนั้นสูงและหนาแค่ประมาณขาข้างหนึ่งของพวกเขาเท่านั้น เหมือนกับโลกของเมืองมนุษย์ตัวเล็ก
โหลชีกับเทียนอิ่งออกจากทางเดิน ข้างหน้าก็มีร่องคูลึกทางหนึ่ง เจ้าตัวเหล่านั้นพากันหลั่งไหลเข้าไปข้างหน้า ที่แห่งนี้ไม่มีอะไรเลย มีเพียงหญ้าที่ละเอียดเท่านั้น ทั้งสองครึ่งหมอบลง กลั้นลมหายใจเอาไว้ ต่างก็ตกตะลึง นี่มันคืองานรวมตัวครั้งใหญ่ของเหล่าแมลงชัดๆ มด แมงป่อง ผีเสื้อ แมลง แมลงปอ ผึ้ง......แล้วก็งูด้วย
เจ้าพวกนี้ ถูกอะไรดึงดูดมากันแน่?
"พระสนม จิ้งจอกม่วงอยู่ตรงนั้น" เวลานี้ เทียนอิ่งชี้ไปทางทิศทางหนึ่ง
โหลชีมองตามนิ้วที่ชี้ไปของเขา ก็เห็นข้างหน้าสุดบนก้อนหินที่มีเถาวัลย์สูงประมาณสองเมตรยื่นออกมา วู๊วูกำลังค้อมตัวอย่างสงบอยู่ตรงนั้น จ้องมองไปทางทิศทางหนึ่งอย่างตั้งอกตั้งใจ
มองอะไรอยู่น่ะ?
มองไปตามทิศทางที่วู๊วูกำลังจ้องมองอยู่ ห่างจากพื้นสามเมตร ที่ตรงนั้นดำมืด มองอะไรไม่เห็นเลย แต่ในขณะที่นางกำลังสงสัยอยู่ ในความมืดมิดนั้นจู่ๆก็เหมือนมีดาวดวงหนึ่งส่องแสงขึ้นมาในท้องฟ้ายามค่ำคืน ตอนแรกมีเพียงแสงดาวจางๆ แสงดาวจุดนั้นใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ และสว่างไสวมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็มีขนาดใหญ่ประมาณลูกปิงปอง แสงนั่นสว่างไสวมากขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถส่องสว่างพื้นที่นี้ได้อย่างสมบูรณ์!
ขณะเดียวกัน ในอากาศก็มีกลิ่นหอมหวานที่พิเศษอย่างหนึ่งแผ่ซ่านออกมา กลิ่นหอมหวานแบบนั้นไม่สามารถบรรยายออกมาได้ เป็นกลิ่นหอมหวานที่สามารถทำให้ผู้หญิงไม่ว่าจะมีอายุเท่าไหร่กลับไปมีใจแบบสาวน้อยในชั่วพริบตา เหมือนสายไหมสีรุ้ง เหมือนช็อกโกแลตนมสีชมพูบวกกับครีม เหมือนแผงขายขนมแปะแซเล็กๆใต้ต้นฮวายตรงทางเข้าหมู่บ้านตอนเด็กๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ