และที่ยิ่งน่ากลัวไปกว่านั้นคือ โหลชีกลับมองการฝึกฝนของผู้ชายคนนี้ไม่ออก แต่องครักษ์ที่อยู่ข้างกายเขาทั้งสองคน มีระดับการฝึกฝนที่ไม่แพ้เทียนอิ่งเลย
ในแผ่นดินอันกว้างใหญ่นี้ นางไม่เคยได้ยินว่ามีคนเช่นนี้มาก่อนเลย
สมองของโหลชีใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็เผยให้เห็นรอยยิ้มที่น่ารัก "ใช่แล้ว คุณชาย ท่านคืนมันให้ข้าได้หรือไม่"
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เทียนอิ่งที่พบกับโหลชี ยังไม่เคยเห็นท่าทีแบบนี้ของนางเลย ถ้าหากอิงอยู่ที่นี่จะพบว่า ตอนที่พวกเขาเพิ่งจะรู้จักกับโหลชี นางก็เป็นเช่นนี้ ใช้ความน่ารักหลอกให้คนตายใจ
"จิ้งจอกแสงจันทร์ม่วง และยังเป็นตัวที่มีสติปัญญาอีกด้วย ที่นี่จะมีได้อย่างไร"สายตาของผู้ชายคนนั้นหมุนไปช้า ๆ มองไปทางวู๊วู "เจ้าตัวเล็ก เจ้ามาจากที่ใด"
โหลชีได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกตกใจ ความหมายที่เขาพูดเช่นนี้ หรือว่าเขาจะไม่ใช่คนในแผ่นดินใหญ่ซื่อฟางแห่งนี้ เป็นไปหรือไม่ว่า เขาเป็นคนที่มาจากทางนั้น
หรือว่า เขาเป็นคนของลัทธิสิ้นโลกีย์
เมื่อคิดเช่นนี้ หัวใจของโหลชีก็เกิดความระแวงขึ้นมา นอกจากเฉินซ่าแล้ว เขาเป็นคนที่สองที่นางพบที่นี่แล้วต้องเตรียมใจป้องกันเอาไว้ ไม่กล้าที่จะเผยตัวตนที่แท้จริงของตนเอง
"วู๊วู"
แน่นอนว่าวู๊วูย่อมพูดไม่ได้ แต่โหลชีกลับรู้สึกว่า ผู้ชายคนนี้ต้องรู้เรื่องต่างๆไม่น้อยแน่ ถ้าหากนางพูดเหลวไหลอีกฝ่ายอาจจะจับได้
แต่ตอนนี้นางรู้สึกไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมวู๊วูจึงไม่กลัวผู้ชายคนนี้และไม่มีทีท่าจะดิ้นรนเลย กลับกันยังทำราวกับคุ้นเคยเป็นอย่างดี
"จิ้งจอกแสงจันทร์ม่วงตัวนี้ได้มาจากหุบเทพมาร"
สายตาของชายหนุ่มคนนั้นหมุนวนอีกรอบ "หุบเทพมาร ถ้าอย่างนั้นก็เป็นไปได้"
ตอนนี้เอง แสงของของล้ำค่าชิ้นนั้นได้อ่อนโยนลง ไม่แสบตาขนาดนั้นแล้ว โหลชีเงยหน้าขึ้นมองไป ในที่สุดก็มองเห็นหน้าตาของมันได้อย่างชัดเจน แต่ที่ทำให้นางคิดไม่ถึงเลยก็คือที่นั่นมีหอยเบี้ยอยู่ตัวหนึ่ง
ข้างหน้าเป็นกำแพงหินสีดำ แต่ด้านในของกำแพงหินที่อยู่ในระยะสามเมตรมีปากของหินหอยเบี้ย ในปากของหินหอยเบี้ยยังมีน้ำใสๆอยู่แอ่งหนึ่ง ในน้ำมีเปลือกหอยหินที่เกิดจากธรรมชาติอยู่ตัวหนึ่ง
ดูก็รู้ว่านี้ไม่ได้มาจากการแกะสลักของฝีมือคน แต่ธรรมชาติสามารถให้กำเนิดสิ่งนี้ขึ้นมาได้ช่างเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์จริงๆ
แต่โหลชีสังเกตอยู่สักพักก็ดูออกว่า นี่เป็นเพราะว่าข้างบนมีน้ำที่ไหลเอื่อยๆลงมา มีรูปร่างคล้ายเปลือกหอยแต่ด้านในกลวงพอดี เป็นไปได้ว่าข้างล่างมีหินฟอสซิลจากหอยอยู่ชิ้นหนึ่ง จากนั้นก็ถูกน้ำที่ไหลลงมาชักเอาชั้นหินที่ห่อหุ้มอยู่ด้านนอกออกไปจนหมด ทำให้เปลือกหอยกลับสู่สภาพเดิม
และเดิมทีเปลือกหอยก็เปิดอ้าอยู่แล้ว ถูกก้อนหินปิดทับแล้วจึงหุบลง ตอนนี้ชั้นหินด้านนอกถูกชะล้างออกไปจนหมด สิ่งที่ถูกห่ออยู่ด้านในจึงเผยออกมา
อาจเป็นเวทมนตร์ที่น่าอัศจรรย์ของธรรมชาติ เป็นปาฏิหาริย์อย่างหนึ่ง
แน่นอนว่านี่เป็นการที่นางใช้หลักทางวิทยาศาสตร์และธรรมชาติมาวิเคราะห์ อาจจะไม่ถูกต้อง เพราะว่าโลกนี้น่าอัศจรรย์กว่าที่นางจะจินตนาการและรู้จักมากมายนัก ในสายตาของคนเหล่านี้ นี่เป็นสมบัติที่ล้ำค่ามาก เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
เป็นอย่างที่คิด เมื่อนางจ้องมองให้ชัดเจน ปรากฏว่าข้างในไม่มีไข่มุกอยู่
นางน่าจะคิดได้ตั้งแต่แรก สิ่งที่สามารถส่องประกายได้อย่างรุนแรงเช่นนี้ จะเป็นไข่มุกได้อย่างไร
สิ่งนั้นเล็กกว่าวงแหวนของแสงที่ส่องประกายมากนัก ก่อนหน้านี้เห็นว่าใหญ่เท่าลูกปิงปองเท่านั้น เป็นเพียงรัศมีแสงที่เปล่งประกายออกมาเท่านั้น ที่จริงแล้ว ของสิ่งนั้นเหมือนกับถั่วปากอ้าสีทองเม็ดหนึ่งเท่านั้น ภายในเปลือกของถั่วปากอ้าสีทองนั้นมีมุกเม็ดกลมๆอยู่หนึ่งเม็ด แสงที่เป็นประกายนั้นมาจากมุกเม็ดนั้น และกลิ่นหอมหวานจางๆนั้นก็มาจากมุกเม็ดนั้นเช่นกัน
"พระสนม นั่นคืออะไร "เทียนอิ่งก็รู้สึกตกตะลึงอยู่บ้าง
โหลชีส่ายหน้าเบาๆ นางก็ไม่รู้ ในก้อนหินรูปหอยทำไมจึงมีของเช่นนี้อยู่
ในขณะเดียวกัน องครักษ์ที่อยู่ข้างกายชายคนนั้นก็เก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่พูดด้วยเสียงต่ำว่า "ท่าน ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่นจริงๆ ในที่สุดก็หากุญแจจนเจอ"
แม้ว่าเขาจะพูดด้วยเสียงที่ต่ำมาก แต่ด้วยความสามารถในการได้ยินของโหลชีทำให้ได้ยินสิ่งที่เขาพูด
กุญแจ ของสิ่งนี้เป็นกุญแจหรือ เป็นกุญแจของที่ไหน
ถ้าหากเป็นแค่กุญแจ ทำไมจึงได้ดึงดูดให้แมลงกับงูและแมงป่องมาได้เล่า
ชายคนนั้นโบกมือ มองไปทางโหลชี"แม่นางอยากได้ของสิ่งนี้หรือ "
โหลชีกะพริบตาปริบๆ "ถ้าหากข้าบอกว่าข้าอยากได้ ท่านจะยอมถอยให้ข้าอย่างนั้นหรือ"
"บังอาจ "
องครักษ์สองคนตะคอกขึ้นมาพร้อมกัน โหลชีขาอ่อนทันที ร่างโอนเอนไปมา เกือบจะล้มลงไปกับพื้น เหล่าแมลงและสัตว์มีพิษที่อยู่บนพื้นยังคงป้วนเปี้ยนอยู่รอบตัวอย่างคลุ้มคลั่ง
"เสียงดังแล้วเก่งกว่าหรือยังไง พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเสียงนี้ทำให้เซลล์ของข้าตายไปหลายสิบล้านตัวแล้ว จะเอาอะไรมาชดใช้ "
โหลชีแสดงออกอย่างน้อยใจและเสียใจมาก ดวงตาที่สุกใสนั้นเหมือนกวางน้อยที่แสนบริสุทธิ์ ทั้งน่าสงสารทั้งไร้เดียงสาอย่างที่สุด
คาดว่าเทียนอิ่งพอจะเดาความหมายของนางได้ เลยไม่พูดอะไรสักคำไม่ขัดการแสดงออกของนาง ชายหนุ่มรูปงามที่อยู่ข้างหน้ามีวรยุทธที่ไม่สามารถคาดเดาได้ เขาย่อมเป็นห่วงว่าตนเองพยายามอย่างเต็มที่แล้วแต่ก็ยังไม่สามารถช่วยพระสนมได้
โหลชีรู้สึกว่าตัวเองก็ไม่ได้แสดงความอ่อนแออย่างไร้ยางอาย ตอนนี้พวกเขากำลังรังแกคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอกว่าจริงๆ แม้ว่าพวกเขาจะมีพลังที่ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ แต่จำนวนคนของอีกฝ่ายก็มีมากกว่าพวกเขาหนึ่งคนจริงหรือไม่
"อย่าเสียมารยาท"เสียงอบอุ่นของชายคนนั้นดังขึ้น ท่าทีของเขามีความเป็นผู้สูงศักดิ์แต่กำเนิดชนิดหนึ่ง ไม่ได้เป็นการจงใจแสดงให้เห็นถึงความสูงส่ง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ทำให้รู้สึกว่าเขาเหมือนลอยอยู่บนเมฆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ