อิงกลับมิได้ไม่เชื่อใจโหลชี เพียงแต่รู้สึกว่ามีคนคอยช่วยหน่อยจะดีกว่า พวกเขาเห็นหน้าอกเฉินซ่าแล้ว ยังแอบสูดลมหายใจยะเยือกเข้าอก
"นี่มันคืออะไรกัน?" อิงสีหน้าเปลี่ยน เขาไม่รู้เลยว่าบนหน้าอกเฉินซ่ามีรอยแผลน่ากลัวขนาดนี้!
โหลชีแค่นเสียงโดยที่ไม่ได้มองเขาสักนิดว่า "พูดไปเจ้าก็ไม่เข้าใจ ไปรอด้านนอกไป อย่ามาแออัดกันอยู่ตรงนี้!"
แออัดในตำหนักใหญ่เพียงนี้ เพิ่มพวกเขามาสองคน จะเรียกแออัดได้อย่างไร? อิงถลึงตาใส่นาง หากแต่พบว่านางก้มหน้าลงจัดการบาดแผลแล้ว ไม่สนใจเขาสักนิด
"ใต้เท้าองครักษ์อิง ใต้เท้าองครักษ์เสวี่ย เชิญขอรับ" เทียนยีทำท่าผายมือ
องครักษ์เยว่หันมามองเตียงใหญ่อย่างครุ่นคิด มองดูเจ้านายเขานอนนิ่งไม่ไหวติง โหลชีนั่งอยู่ข้างเขา กำลังยกชามใหญ่ขึ้นเทเหล้าแรง จากนั้นเทลงไปที่บาดแผลบนหน้าอกเจ้านาย มือเขากำแน่น เหงื่อไหลขนลุกทันที
"เทียนยี เจ้าฟังนางพูดสิ" หลังออกจากตำหนัก อิงมองเทียนยีพลางแค่นเสียงหึ
เทียนยีมิได้ตอบคำ
องครักษ์เยว่ขมวดคิ้วพูด "อิง เจ้าเล่าให้ข้าฟังโดยละเอียดเถิด นับจากวินาทีที่เจอโหลชีเลย"
"ทำไมรึ เจ้ายังสงสัยนาง?"
"มิใช่สงสัย แต่ตรวจดูเยอะหน่อยเป็นเรื่องดี"
อิงส่ายหัวบอก "เจ้านี่รอบคอบเสมอ"
ในเวลาเดียวกับที่อิงกับเยว่กำลังพูดคุยทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนั้น โหลชีเตรียมรบบนเตียงเฉินซ่า
เหล้าแรงในชามใหญ่เทลงไป ล้างเลือดบนหน้าอกเขาออก เผยให้เห็นรอยแผลที่โดนนางใช้มีดกรีด หนังและเนื้อเผยออก คิ้วของโหลชีไม่ขมวดเลยสักนิด หยิบผ้าพันแผลใหญ่ เช็ดคราบเหล้าออกไปอย่างไม่เบามือเลยสักนิด จากนั้นนางหยิบมีดปลายแหลมเล็กออกมา ใช้ไฟเผาเล็กน้อย และหยิบหญ้าหยินหยางบึงน้ำเย็นที่แช่อยู่ในขวดน้ำออกมา มีดหั่นลงบนนั้นเล็กน้อย
เฉินซ่าเบิกตากว้าง
เพราะสิ่งที่ไหลออกมาจากหญ้าน้ำต้นนั้นกลับเป็นเลือดสดๆ !
"อ้าปาก"
เขาทำตามคำสั่งนางทันที อ้าปากเล็กน้อย โหลชียื่นหญ้าหยินหยางที่เลือดไหลรินต้นนั้นไปที่ปากเขา เย็นเยียบ คาวเลือดไหลเข้าปากเขา เกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นในใจเขา หญ้าน้ำนี้สามารถผลิตเลือดได้?
นี่มันรสชาติของเลือด เพียงแต่ไม่ใช่อุ่นร้อน กลับเย็นเยียบเท่านั้นเอง
"กลืนลงไป"
เลือดหกหยดกลืนไปลงหมด นางหยิบชามใหญ่มาอีกชามหนึ่ง และตัดหญ้าหยินหยางต้นนั้นออกเป็นสองท่อนวางลงในชาม หญ้าหยินหยางที่ถูกตัดแล้วยิ่งไหลรินเลือดสดออกมาเร็วขึ้น พริบตาเดียวก็เต็มชาม
นิ้วมือทำมุทราอย่างรวดเร็ว หมอเทวดามองตาไม่กะพริบอยู่ข้างๆ แต่ก็มองไม่ออกว่านางทำได้อย่างไรกันแน่ มือนั้นพลัน ปรากฏประกายไฟเล็กลุกโชนบนปลายนิ้วของนาง นางทิ้งประกายไฟนั้นเข้าไปในชาม จากนั้นในชามที่เต็มไปด้วยเลือดสดก็พลันลุกไหม้ขึ้นมา
เกิดกลิ่นอายประหลาดขึ้นในอากาศ มีกลิ่นคาวหวาน หากก็หอมประหลาด ลูกไฟที่ลุกโชนค่อยๆ มอดลง เลือดชามหนึ่งหายไปแล้ว ทั้งชามมีแต่ควันสีแดงหม่นค่อยๆ แผ่ซ่านออกมา แต่กลับมองไม่เห็นว่าในชามมีสิ่งใดอยู่กันแน่
หมอเทวดาคอยดูอยู่ตลอด ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าร่างตนแทบจะยื่นหน้าเข้าไปดูแล้ว ในควันสีแดงหม่นนั่นมีอะไรกันแน่?
"ถ้าเจ้ายังยื่นหน้าเข้ามาอีก อีกครู่เป็นลมสลบไปอย่าโทษข้า" โหลชีที่มัวยุ่งไม่ได้พูดอะไรมาตลอดพลันพูดอย่างเนิบช้าหมอเทวดาได้สติขึ้นมาทันที เมื่อครู่เขาเป็นอันใดไป? ควันสีแดงหม่นนั่นทำให้เขาเคลิบเคลิ้ม มีแต่อยากจะเข้าไปดูให้ชัดเจน! เมื่อครู่ในสมองเขาว่างเปล่า และลืมว่าตอนนี้ตนอยู่ที่ใด ในใจมีแต่กลุ่มควันนั่น!
มีฤทธิ์มึนงงเคลิบเคลิ้ม?
หากเคลิบเคลิ้มไปจะเป็นเยี่ยงใด?
อย่างไรตอนนี้เขาไม่กล้าถามแล้ว ถอยออกไปหลายก้าว ใช้ชายเสื้อปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาที่หน้าผาก จากนั้นเขาเบิกตากว้างอย่างตกใจ!
เพราะโหลชีกลับอ้าปากกลืนกินควันกลุ่มนั้นเข้าปากไปหมด!
"แม่นางโหล!" เขาร้องออกมาอย่างขวัญเสีย
กลุ่มควันที่มีฤทธิ์ทำให้มึนงงรุนแรงเพียงนั้น เขาเพียงหายใจเข้าไปเพียงนิดก็ทนไม่ได้แล้ว นางกลับกลืนกินเข้าไปทั้งหมด!
โหลชีกลับไม่ได้ใส่ใจเขา นิ้วมือเรียวยาวขาวใสนั่นเริ่มตวัดอย่างรวดเร็ว จากนั้นแตะนิ้วชี้ลงที่หว่างคิ้วของเฉินซ่า เอียงร่างหาเขา ปากแดงจิ้มลิ้มประทับลงบนหน้าเขา พ่นควันสีแดงนั่นออกมาแผ่วเบา
เฉินซ่าเบิกตาอยู่ตลอด ใบหน้าพวกเขาอยู่ใกล้แค่คืบ เขามองนางเงียบๆ มองใบหน้านางเริ่มซีดเผือดลงเรื่อยๆ แต่ริมฝีปากนั้นกลับแดงระเรื่องดงามประหลาด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ