เฉินซ่าเดินมาถึงตำหนักสาม พลันสีหน้าซีดเผือด กระอักเลือดออกมาคำโต จนแดงเถือกไปทั่วพื้นอิฐ
เขาเงยหน้ามองดวงตะวัน พยายามข่มกลั้นอาการมึนงง และรู้สึกว่าแขนขาแข็งหนักอึ้ง เวลามีไม่มากแล้ว นางยังมิกลับมา
อันที่จริงยามเห็นคนพวกนั้นคุกเข่าลงต่อหน้าตน เฉินซ่าจึงพึ่งคิดออกถึงปัญหาหนึ่ง
เดินทางครั้งนี้โหลชีไม่มีอันตรายจริงรึ?
นางพูดอย่างเรียบง่ายเพียงนั้น ขอเพียงมีบึงน้ำเย็นก็จะสามารถหาหญ้าหยินหยางนั้นได้ แต่ว่า ของที่สามารถแก้คำสาปซีเจียงจะสามารถเอามาได้ง่ายดายเพียงนั้นเลย?
ตอนนี้เขาเหลือเพียงความกังวลใจ
เขาไม่อยากให้เกิดเรื่องขึ้นกับนาง แม้เพียงนิดก็ไม่อยาก
ไส้ศึกอะไรกัน ไม่มีทั้งนั้น
เพียงแต่ การบอกว่านางไปทำภารกิจให้เขาถือเป็นเส้นตายของเขาแล้ว เขามิใช่คนชอบพูดมาก และมิเคยคิดมาก่อนว่า จะต้องอธิบายเรื่องราวโดยละเอียดกับผู้อื่น
อีกอย่าง ผู้นั้นเป็นนางกำนัลของเขา เป็นของเขาเท่านั้น ใครจะมองอย่างไรก็ช่างเถิด
ลากขาอันหนักอึ้ง เขาพยายามเดินเข้าตำหนักตนเอง แต่ระยะทางที่เมื่อก่อนดูแล้วสั้นนัก กลับเปลี่ยนเป็นยืดยาว เขาไม่สามารถใช้กำลังภายในได้ แน่นอนว่าวิชาตัวเบาก็ไม่ได้
เอ้อร์อินวิ่งออกมาจากด้านหลัง "ฝ่าบาทเป็นอะไรรึเจ้าคะ? ฝ่าบาท ให้ข้าน้อยพยุงท่านเข้าไปนะเจ้าคะ?"
ที่ตำหนักจิ่วเซียว ทุกคนต่างเรียกขานแทนตนเองว่าข้า ข้าน้อยต่อหน้าเขา เขามิชอบให้ผู้ใดแทนตนว่าบ่าว
เฉินซ่าหมุนตัวกลับมาพยักหน้า
เอ้อร์อินในใจลิงโลด จนแทบจะกระโดดออกมานอกอก! หากเป็นเมื่อก่อนพวกนางไม่มีทางได้เข้าใกล้เขาเลย! ยิ่งมิต้องพูดถึงอยู่ข้างกายคอยรับใช้เลย! แม้แต่ชายเสื้อเขายังมิเคยมีโอกาสได้แตะ!
แต่ตอนนี้นางกลับมีโอกาสพยุงเขา! เห็นได้ชัดว่า การตามติดเรื่องโหลชีแต่เช้าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง! แต่นางกลับมิคิดว่าฝ่าบาทจะกระอักเลือดออกมา!
หรือว่าโกรธเพราะเรื่องพวกใต้เท้าองครักษ์เสวี่ย? ในสมองเอ้อร์อินที่ได้รับอนุญาตให้เข้าพยุงมึนๆ งงๆ แม้แต่ความคิดปกติก็ไม่เหลือ นางเพียงรู้สึกว่า เวลานี้ฝ่าบาทร่างกายมิสู้ดี เป็นโอกาสของนางแล้ว หลังจากพยุงเขาเข้าไป นางยังได้รับใช้ดูแลเขาอย่างใกล้ในห้องบรรทม หลังจากรับใช้เขาแล้ว ผ่านเรื่องนี้ไป นางคงจะได้เข้าตำหนักสามแล้วกระมัง?
เอ้อร์อินเพียงรู้สึกว่าตนคล้ายดั่งฝันไป แต่โอกาสแบบนี้นางไม่มีทางปล่อยไปแน่ นางใจเต้นรัวราวฟ้าแลบ แต่ก็พยายามแสดงด้านที่งามที่สุดของตนเองออกมา นางชอบองครักษ์อิง หากเมื่อมีโอกาสเยี่ยงนี้แล้ว หากฝ่าบาทเลือกนางเล่า?
งั้นนางคงได้แต่ทำผิดต่อองครักษ์อิงแล้วล่ะ!
เอ้อร์อินครุ่นคิดกับตัวเองไปพลาง และเดินก้าวเท้าเล็กไปยังเฉินซ่า แถมยังเดินด้วยท่าทีนวยนาด
แต่กลับมิรู้เลยว่าเวลานี้ทั่วทั้งร่างเฉินซ่าเริ่มแข็งเกร็ง ไม่มีกะจิตกะใจจะสนใจนาง
ในตอนที่เหลืออีกเพียงสองก้าวเอ้อร์อินจะก้าวถึงตัวเขา เสียงฝีเท้าม้าเร่งร้อนพลันลอยเข้าหู นางตกใจยิ่งนัก ใครหาญกล้าควบม้าเข้าตำหนักจิ่วเซียว?
พึ่งจะหันไปมอง ลมแรงพัดผ่านหู นางพลันโดนร่างที่ผลุนผลันเข้ามาเบียดไปอีกทาง ข้อเท้าสะดุด เกือบล้มลงพื้น
ความโกรธและตกใจในใจนางราวคลื่นทะยานฟ้า นางมองผู้มา เกือบเผลอกัดลิ้นตัวเองเข้า
"โหลชี!" โหลชี คือโหลชี นางยังกล้ากลับมา นางมีหน้ากลับมา! พอมาก็ทำลายโอกาสของนาง! ทำเยี่ยงนี้ได้อย่างไร!
เอ้อร์อินร้องลั่นทันที "ใครก็ได้ ใครก็ได้ มาจับไส้ศึกที!"
"หุบปากซะ" หินเล็กก้อนหนึ่งถูกยิงมา เสียงหายไปฉับพลัน นางส่งเสียงไม่ออกแล้ว
หลังจากเทียนอิ่งจี้สกัดจุดใบ้นางแล้วก็มิได้แยแสนางอีก เขามายืนข้างโหลชี "แม่นางโหล?"
โหลชีเข้ามาพยุงเฉินซ่าก่อนเอ้อร์อินแล้วหนึ่งก้าว นางไม่ได้แยแสเอ้อร์อินเลย แค่เห็นเขาไกลๆ จากบนหลังม้าในใจก็รุ่มร้อนดังไฟลน! ไม่ได้เรียกเขานอนหรอ? ช่วงเวลาเหลือเพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น และร่างกายเขายิ่งอ่อนแอมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อใกล้เวลาคำสาปกำเริบมากขึ้นทุกที เวลานี้เขายังกล้าออกมา! ที่หน้าประตูตำหนัก ไม่ถือว่าออกมาหรือไง?
นี่เขาอยากตายชัดๆ !
โหลชีไม่ต้องมองก็รู้ว่าตอนนี้เขาจะเดินสักก้าวยังยากเลย ดังนั้นจึงรีบลงมาอย่างรีบร้อน และวิ่งเข้ามาพยุงเขาไว้ เกือบจะโพล่งด่าอยู่แล้ว แต่เขากลับมองนางแล้วยิ้ม
ยิ้มแล้ว เขากลับยิ้ม!
โหลชีที่ไม่เคยเห็นอาวุธทำลายล้างใหญ่นี่ยิ้มมาก่อน มองงงตาค้างไปเลย
นางนึกถึงคำหนึ่งขึ้นมาได้พอดี
งามล่มชาติล่มเมือง
บางทีเอามาใช้บนตัวเขาดูจะแปลกไปสักหน่อย แต่มันเป็นคำแรกที่ผุดขึ้นในหัวนางจริงๆ ! ผู้ชายที่เย็นชามาตลอด บ้าอำนาจมาตลอด ตีหน้าเย็นชามาตลอดกลับยิ้มออกมาแบบนี้ เหมือนกับน้ำในแม่น้ำที่น้ำแข็งละลาย คล้ายดังพระจันทร์ที่โผล่พ้นก้อนเมฆ เหมือนกับดอกไม้ที่ผลิบานกลางหิมะ ดูงดงามขึ้นหลายเท่า!
นางเป็นพวกหลงหน้าตา พวกชอบที่หน้าตาจริงๆ !
นางเป็นอะไรเนี่ย! ตอนนี้โหลชียอมรับว่า นางเคลิ้มไปกับรอยยิ้มนี้ของเขาเต็มๆ เลย หัวใจเต้นตุ้มต่อมๆ อย่างแรง หน้าแดงเรื่อ ดวงตาเคลิบเคลิ้ม แทบจะน้ำลายหกอยู่แล้ว
เสียงของเทียนอิ่งดึงนางกลับสู่ความจริง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ