ทั้งสองคนโผล่ขึ้นผิวน้ำพร้อมกัน และหอบหายใจอย่างเร่งรีบ
เทียนอิ่งหอบหายใจเสร็จ หันมาบอกโหลชีทันที "ขอบพระคุณแม่นางโหลที่ช่วยชีวิตข้าไว้"
"ข้านึกว่าเจ้าจะเป็นคนฉลาด ที่แท้ก็โง่เง่า ร้อนใจมีประโยชน์อันใดกัน?" โหลชีถลึงตาใส่เขา เมื่อครู่ถ้านางช้าไปอีกแค่ครึ่งวินาที เขาต้องโดนหนอนประหลาดนั่นกัดแน่ ไม่ใช่นางขู่เขานะ โดนหนอนประหลาดนั่นกัดเข้า ไม่มีทางรักษาจริงๆ ! นักพรตเลวบอกเขาคิดค้นวิธีมาหลายปียังคิดไม่ออกเลย!
พูดจบ นางก็สูดลมหายใจเข้าลึก ดำน้ำลงไปอีก เทียนอิ่งรีบตามลงไปทันที
ส่วนรากของหญ้าหยินหยางทุกต้นจะมีหนอนประหลาดแค่หนึ่งตัว มันโดนโหลชีฆ่าไปแล้ว เทียนอิ่งเห็นโหลชีถือมีดสั้นกรีดนิ้วมือตนแผ่วเบา ยื่นเลือดสดๆ เข้าไปแตะที่หญ้าหยินหยางต้นนั้น ภาพเหลือเชื่อบังเกิดขึ้นแล้ว
หญ้าหยินหยางนั้นกลับเหมือนมีชีวิต เริ่มดูดซึมเลือดสดของโหลชี! เทียนอิ่งรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงจ๊วบๆ ที่คล้ายกำลังดื่มกินคำโตเลยทีเดียว!
มันอัศจรรย์จนเกินกว่าเขาจะเชื่อได้!
ด้วยความเร็วในการดูดซึมเช่นนี้ ต้องดูดซึมเลือดเท่าไหร่กันแน่?
แต่ตอนนี้เขาไม่รู้จะทำอย่างไร เขาไม่มีหนทางช่วยนางได้เลย และไม่รู้จะช่วยอย่างไรดีด้วย! คิดอยู่ชั่วขณะ แล้ว เขากัดนิ้วตัวเอง ทำท่าจะยื่นเข้าไป หากโหลชีกลับส่ายหน้า
เขาไม่กล้าทำอะไรโดยพลการอีก ได้แต่มองดูหญ้าหยินหยางต้นนั้นดูดซึมเลือดนางอย่างบ้าคลั่ง
ผ่านไปครู่หนึ่ง โหลชีถึงดึงมือออก และเก็บมีดสั้นเข้าที่ ยื่นนิ้วเข้าไปขุดหญ้าหยินหยางต้นนั้นออกมา เทียนอิ่งรู้สึกว่าวิธีการของนางมันดูพิเศษอยู่เช่นกัน ขุดด้านนั้นสองที ขุดด้านนี้สองที คล้ายกับกำลังค่อยๆ ขุดไม่ให้โดนรากของหญ้าต้นนั้น
มันเป็นสิ่งที่เรียกว่าประสบการณ์จริงๆ ต้องเคยทำตามสถานการณ์จริงมาก่อนถึงทำเป็น ไม่ใช่แค่พูดปากเปล่าสองสามคำแล้วจะทำได้
ในที่สุดก็ขุดหญ้าหยินหยางต้นนั้นออกมาได้แล้ว นางเก็บมันเข้าขวด และเติมน้ำจนเต็ม ปิดฝาขวด
ทั้งคู่โผล่ขึ้นผิวน้ำแล้ว โหลชีถึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
แต่เทียนอิ่งกลับไม่รู้จะพูดอะไรดี เพราะสีหน้าโหลชีซีดเผือด!
ต้องให้เขาช่วย นางถึงปีนขึ้นหินก้อนนั้นได้ พอขึ้นไป นางนอนแบบหอบหายใจ ไม่ขยับตัวเลยสักนิด
ถ้าเป็นเพียงเสียเลือดมาก อาจจะมิได้อ่อนแอเพียงนี้ ดังนั้นการที่หญ้าหยินหยางดูดซึมเลือดคงไม่ดูง่ายดายเพียงนั้น! แต่เทียนอิ่งขยับริมฝีปากอยู่นานก็มิได้ถามออกมา นิสัยเขาค่อนข้างเงียบนิ่งอยู่แล้ว ในฐานะองครักษ์ลับ มีแต่ทำตามคำสั่ง รับคำสั่ง แต่จะไม่ถามให้มากความ
ถึงในใจเขาจะร้อนรน แต่รู้สึกว่าควรให้โหลชีพักผ่อนเสียก่อนเช่นกัน
แต่ว่าเขาเห็นโหลชีหยิบเม็ดยาจากช่องเอวออกมาใส่ปากอย่างมือสั่น และกวักนิ้วเรียกเขาเข้าไปบอกว่า "ไป พาข้าออกไป เจ้ายังไหวกระมัง?"
ในฐานะองครักษ์ลับปากหนัก ยังถือสาเวลาคนอื่นถามว่าไหวมิไหวอยู่เช่นกัน!
เทียนอิ่งไหวอยู่แล้ว
หลังจากพานางเหาะออกจากถ้ำ ฟ้าด้านนอกสว่างโร่แล้ว เพื่อประหยัดเวลา เทียนอิ่งแบกนางขึ้นหลัง เร่งวิชาตัวเบาเหาะออกจากป่า รอจนพวกเขาออกจากป่า แสงตะวันเริ่มเจิดจ้า แต่ในสายตาพวกเขามันกลับมิใช่เรื่องดีเลย
โหลชีผิวปากเรียก ท่าเสวี่ยรีบวิ่งเข้ามาหาจากที่ไม่ไกล ม้าของเทียนอิ่งตัวนั้นตามติดมาด้านหลัง
ทั้งคู่ขึ้นหลังม้า และทะยานพุ่งตรงไปยังตำหนักจิ่วเซียว
ในห้องประชุมตำหนักจิ่วเซียว เฉินซ่านั่งตำแหน่งประธาน มองผู้คนที่คุกเข่าอยู่ด้านล่างด้วยสีหน้าทะมึน แววตาโกรธเกรี้ยว
คนที่คุกเข่าอยู่หน้าสุดคือเจิงหลิวหยุนกับองครักษ์เสวี่ย และด้านหลังพวกเขาเป็นพ่อบ้านใหญ่คนอื่นของตำหนักจิ่วเซียว
ยามดึกองครักษ์เสวี่ยกับเจิงหลิวหยุนเข้าไปในตำหนักสามไม่ได้ เลยคุกเข่าอยู่ด้านนอกห้องประชุม เทียนยีรายงานเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง เดิมเขาไม่อยากสนใจ แต่ทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งตามติดเขามายาวนานที่สุด เขาจึงมา
"ฝ่าบาท ขอได้โปรดออกคำสั่งให้พวกข้าตามจับไส้ศึกโหลชี!"
เจิงหลิวหยุนทวนคำพูดนี้อยู่เรื่อยๆ เขาทวนมันสามครั้งแล้ว แต่เฉินซ่ากลับทำเพียงแค่มองเขาด้วยสายตาเคร่งขรึมไม่ตอบอะไร ดี ดีมาก เหตุที่พวกเขาคุกเข่าเยี่ยงนี้ เพื่อบังคับให้เขาออกคำสั่งตามจับโหลชี
"นายท่าน โหลชีแฝงตัวลอบเข้าตำหนักจิ่วเซียว ทำลายค่ายกลดิถีพิฆาตที่เขาชา ปล่อยตัวองค์ชายแห่งซีเจียงซีฉางหลีจากไป ฆ่าองครักษ์ประจำคุกของเราไปสิบเอ็ดคน ทำร้ายแม่ทัพเจิงกับหัวหน้าผู้คุ้มฮั่ว หากมิใช่เพราะฝ่าบาทวิทยายุทธ์แก่กล้า ผลลัพธ์มิอาจคาดคิดได้เลย! คนชั่วช้าเลวทรามเยี่ยงนี้ พั่วอวี้จะปล่อยให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้เยี่ยงไร?" องครักษ์เสวี่ยหน้าซีดเผือด ดูไม่สบายเลย หากยังคุกเข่าพูดด้วยท่าทีดื้อรั้น
"อ้อ งั้นเจ้าว่า จับนางได้แล้วจะทำอย่างไรต่อไป?"
"ฆ่าสิขอรับ!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ