ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 435

ตอนพวกโหลวซิ่นมาถึงหลุมใหญ่ก็พากันตกใจตาค้าง เดิมพวกเขาคิดว่ามีศัตรูรุกราน แต่ไม่คิดเลยว่าที่หลุมใหญ่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบนี้!

ลำแสงสีทองและสีเขียวส่องสะท้อนอยู่ด้วยกัน ใจกลางหลุมใหญ่กลับมีหินก้อนใหญ่พื้นเรียบลอยขึ้นมา! ใช่ หินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งลอยขึ้นมา! ถึงความเร็วจะช้ามาก แต่ตอนนี้ก็ลอยขึ้นมาอยู่ตรงข้ามทางเข้าถ้ำแล้ว

ที่ทำให้พวกเขาตกใจมากยิ่งกว่าคือ ใจกลางหินก้อนมหึมานั่นมีชายผู้หนึ่งนอนอยู่ ในอ้อมกอดชายผู้นั้นกอดหินสีทองเขียวไว้ก้อนหนึ่ง หินก้อนนั้นก็ส่องแสงสีทองเขียวออกมา ถึงไม่ได้เจิดจ้าเท่ากับลำแสงจากใต้หลุมใหญ่ แต่ก็งดงามมากนัก

พอดูก็รู้ว่าเป็นหินที่ไม่ธรรมดายิ่ง!

พวกหลินเสิ้งเวยก็ไม่เป็นไร เพียงแต่ตกตะลึงกับการเปลี่ยนแปลงตรงหน้านี้เท่านั้น พลุสัญญาณถูกยิงออกมาโดยหลินเสิ้งเวย เพราะเขาจำผู้ชายคนนั้นได้ นั่นคือจางมิ่งที่โดนฝ่าบาทซัดตกหลุมใหญ่ไป!

ตอนนี้เขาเหมือนสลบลงไป ถ้าเขาฟื้นขึ้นมา พวกเขาล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา! ดังนั้นหลินเสิ้งเวยจึงรีบส่งสัญญาณออกมา

"องครักษ์โหลว คนนั้นคือจางมิ่ง ก่อนหน้านี้โดนฝ่าบาทซัดตกลงไป วิทยายุทธ์เขาสูงส่งมาก ตอนนี้พวกเราลองคิดหาทางฆ่าเขาก่อนดีหรือไม่?" พอเห็นโหลวซิ่น หลินเสิ้งเวยก็เดินมาถามเสียงต่ำข้างตัวเขาทันที

ฆ่าได้ก็ฆ่า คำถามคือจะฆ่ายังไง?

โหลวซิ่นขมวดคิ้ว คำนวณระยะห่างระหว่างหินก้อนนั้นกับที่นี่ ด้วยวิทยายุทธ์ของเขา จะกระโดดจากที่นี่ไปบนหินก้อนใหญ่นั่นก็ได้ แต่เขาชอบรู้สึกไม่ชอบมาพากล คนนั้นตายหรือมีชีวิตอยู่กันแน่?

หินก้อนมหึมาขนาดนั้น จะลอยขึ้นมาได้ยังไงกัน? จะมีอะไรแปลกอีกหรือเปล่า?

"ระวังไว้ก่อน แล้วค่อยดุ"

โหลวซิ่นให้พวกเขาถอยหลังไปอีกก้าว ทั้งสิบกว่าคนมองจ้องจางมิ่ง พลันรู้สึกตื่นเต้นระคนหวาดหวั่น คนพวกนี้พึ่งได้เจอเหตุการณ์ประหลาดเยี่ยงนี้เป็นครั้งแรก ฉากนี้ในใจพวกเขาถือเป็นกาสร้างพื้นฐานความแข็งแกร่งทางจิตใจให้พวกเขาไว้ก่อน

แต่พอจ้องมองนี่ ก็จ้องไปครึ่งชั่วยามเต็ม

ขอบท้องฟ้าเริ่มมีเส้นขอบฟ้าขึ้นมา หินมหึมาใจกลางหลุมใหญ่นั่นก็ลอยขึ้นสูงกว่าพื้นที่พวกเขายืนอยู่ จนมองเห็นก้อนหินมหึมา

แต่พอมองดู คนมากมายต่างรู้สึกชาตั้งแต่หัวจรดเท้า แทบทนไม่ไหวอาเจียนออกมา

บนก้อนหินมหึมานั่นมีแค่จางมิ่งคนเดียวนอนอยู่ นอกไปจากนั้นเรียบลื่นไม่มีอะไรเลย สะอาดจนผิดปกติ แต่ใต้มันกลับเป็นรูแล้วรูเล่า เรียงต่อกับราวรังผึ้ง ถ้ามีแค่นี้ก็ว่าไปอย่าง ที่น่าสะอิดสะเอียนที่สุดคือ ด้านบนยังมีลูกบอลสีดำนับไม่ถ้วน ลูกบอลสีดำพวกนั้นไม่รู้ว่าเป็นอะไร มันมีขนาดเท่ากะโหลกทารก มีจำนวนนับไม่ถ้วน เป็นพันเป็นหมื่น เบียดเสียดอยู่ด้วยกัน โดนลำแสงสีเขียวสีทองพวกนั้นส่องเข้าไป แต่ละลูกบอลสีดำก็เหมือนมีลูกตา ดูแล้วเหมือนดวงตานับพันนับหมื่นอัดรวมอยู่ด้วยกัน บอลกลม ลูกตา รูกลม....

ถ้าผู้ป่วยโรคหวาดกลัวรูอย่างรุนแรงอยู่ที่นี่ คงต้องรีบคว้ามีดมาปาดคอตัวเองตายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยแน่ ขนาดทหารอย่างพวกเขายังทนดูไม่ไหวเลย

"สวรรค์ นั่นคือสิ่งใดกัน!"

มีคนทนไม่ไหวร้องออกมา แต่เสียงนี้ทำให้โหลวซิ่นที่จ้องมองดูอยู่ตลอดพบว่าดวงตาพวกนั้นพลันกะพริบพร้อมกันด้วย

เขาหนาวยะเยือกไปทั้งร่าง ไม่กระมัง?

ไม่กระมัง! อย่าบอกเขานะว่า เจ้าพวกนั้นมีชีวิต! ถ้าสิ่งเหล่านั้นมีชีวิต จะเป็นสัตว์ประหลาดอันใดกัน?

"หุบปาก ห้ามส่งเสียง!" เขารีบตะคอกสั่งเสียงต่ำทันที ในเวลาเดียวกันก็ทำสัญญาณมือให้พวกเขาล่าถอยไปด้วย ถอยอีก ถอยออกไปอีก

"ทุกคนระวังตัวด้วย"

หัวใจของหลินเสิ้งเวยแทบขึ้นถึงคอหอย เขารู้สึกว่าเจ้าพวกนั้นดูชั่วร้ายนัก

แต่ของบางอย่าง ไม่ใช่เจ้าระวังก็จะสามารถหลีกหนีได้

ในตอนที่พวกเขาถอยแล้วถอยอีก ลูกบอลดำพวกนั้นพลันมีลูกหนึ่งพุ่งมาทางพวกเขา และตกลงบนพื้น ตอนแรกไม่ขยับอะไร ในตอนที่พวกเขาพากันจับจ้อง มันค่อยๆกลิ้งมาทางพวกเขาช้าๆ

มีทหารคนหนึ่งยกเท้าจะเหยียบ แต่โดนสั่งห้ามไว้

"ถอย ถอยไป" โหลวซิ่นติดตามโหลชีมานานพอควร ไม่มีทางเหมือนคนอื่นที่อยากรู้อยากเห็นของแปลกประหลาดพวกนั้น ของยิ่งประหลาด ยิ่งห้ามแตะต้องโดยพลการ เรื่องนี้เขารู้ดี

แต่ทหารอีกคนกลับรู้สึกว่าลูกบอลดำนั่นแปลกพิกล กลิ้งมาทางพวกเขาตลอด ทำให้เขาทนไม่ไหว เสียงชักกระบี่ชิ้งดังขึ้นและฟันลงไปที่ลูกบอลดำนั่น

ไม่แข็งเหมือนที่คิดไว้ พอฟันลงไป ลูกบอลดำนั่นก็แตกออก มีเงาดำเล็กๆกลุ่มหนึ่งบินออกมาจากในนั้นและแปะเข้าที่จมูกของทหารคนนั้น เขาเบิกตากว้าง และสบตาเข้ากับดวงตาข้างหนึ่งพอดี!

ไม่ น่าจะเรียกสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งมากกว่า สัตว์ประหลาดหนึ่งตัวที่มีสองกรงเล็บ ร่างกายแทบมองไม่เห็น แต่มีหัวใหญ่ หัวของเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่มีอะไรเลย มีแค่ตาข้างเดียว! ดวงตานั่นเหมือนตามนุษย์ แต่กลับเป็นสีเขียว และตรงกลางยังออกสีทอง!

โดนสัตว์ประหลาดเยี่ยงนี้จ้องเขาในระยะประชิด ทหารคนนั้นรู้สึกตัวเองใกล้บ้าแล้ว แถมเจ้านั่นยังเกาะอยู่บนจมูกเขา ความรู้สึกเย็นเฉียบและเหนอะหนะนั่น ทั้งน่าสะอิดสะเอียนและน่ากลัว

"อย่าขยับ!"โหลวซิ่นมือถือกระบี่ยาว เข้าใกล้อย่างระมัดระวัง กระบี่แหลมคมเกือบจะโดนเจ้าสัตว์ประหลาดนั่น เขาไม่กล้าขยับเลย ยิ่งเป็นของแปลกประหลาด ยิ่งเป็นไปได้ว่าจะมีพิษร้ายแรง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ