เฉินซ่ายืนอยู่ในจุดที่ห่างจากปากทางถ้ำไม่กี่ก้าว ถึงสีหน้าจะซีดเผือดประหลาด ดูไม่มีสติ แต่ยังยืนกรานยืนตรงไม่ยอมนั่งลง
นางต่อสู้อยู่ด้านนอก เขาไม่อาจใช้พลังได้ และไม่อยากนั่งรอ ให้เขายืนอย่างนี้ ยืนเป็นเพื่อนนาง
ลมแรงฟ้าคะนอง หมอกหนาก็โดนคนทำกระจายไป เวลานี้ฤทธิ์ยาในค่ายกลคำสาปถึงแสดงออกมา ทหารที่เดินมาถึงใจกลางค่ายพากันสลบล้มลงไป คราวนี้ในค่ายกลเลยเหลือแค่หลายสิบคน
"ชุ่ยเอ๋อ ที่นี่มีคนวางค่ายกลคำสาปขนาดใหญ่!"
โหลชีได้ยินเสียงผู้ชาย เย็นยะเยือก ทำให้คนที่ได้ยินแค่เสียงเขาก็รู้สึกว่าคนนี้ไม่น่าคบแล้ว
ตอนนี้อีกฝ่ายสังเกตเห็นการคงอยู่ของค่ายกลคำสาปของนาง อยู่นอกเหนือความคาดหมาย แต่ก็ถือว่าไม่ได้ผิดไปจากความคาดหมายมากนัก นางรู้นานแล้วว่าคนที่มามียอดฝีมือคำสาป และคนพวกนี้ที่เป็นลูกน้อยนางเป็นพวกมือใหม่หัดเรียน ยังไม่คุ้นชินมาก ยังขาดการควบคุมเวลาและความฉับไวของปฏิกิริยาอยู่มาก ถูกอีกฝ่ายสังเกตเห็นได้ก็ไม่แปลก
แต่โหลชีไม่รู้สึกขายหน้าอะไรมาก สามารถทนได้ถึงตอนนี้ถึงโดนอีกฝ่ายจับได้ มันอยู่เหนือความคาดหมายของนางแล้ว ทหารพวกนี้เป็นพวกมีพรสวรรค์!
ในเมื่ออีกฝ่ายจับได้แล้ว ตอนนี้นางจะเข้าร่วมต่อกร นี่เป็นโอกาสดีที่สุดในการสอนทหาร! ในเมื่อโหลชีเจอโอกาสนี้ก็ไม่ปล่อยให้หลุดมือหรอก อีกฝ่ายมีหมอกหนาคลุมตัว อาจจะคิดว่าแบบนี้ถึงจะซ่อนใบหน้าที่แท้จริงของพวกเขาได้ อันที่จริงแล้วกลับยิ่งช่วยให้แยกได้ง่ายขึ้น ขอเพียงบนตัวคนอื่นไม่มีหมอกหนา พวกเขากลับจะโดนจับสังเกตได้ง่ายที่สุด!
"คุณชาย ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?" ชุ่ยเอ๋อถามอย่างกดเสียงต่ำ โหลชีเข้าใกล้พวกเขา หลังจากลองสืบดูแล้วพบว่าผู้ชายในหน่วยอี่กฝ่ายนั้นถึงจะเป็นยอดฝีมือคำสาป แต่กำลังภายในด้อยกว่านาง นางอยู่ใกล้อีกฝ่ายขนาดนี้ยังไม่ได้สังเกตเลย คุณชาย? คุณชายอะไรจากที่ไหนกัน?
"ซิงเอ๋อคุ้มครอง ชุ่ยเอ๋อ เอาของออกมา ข้าจะลองสู้คำสาปกับอีกฝ่ายเสียหน่อย! ข้าจะดูสิว่า คำสาปของอีกฝ่ายหรือของข้าแกร่งกว่ากัน!"
"เจ้าค่ะ!"
โหลชีเห็นทั้งสามคนเข้าขากันได้ดีขนาดนั้น และพบว่าคนที่วิทยายุทธ์สูงที่สุดคือผู้หญิงที่ชื่อ ซิงเอ๋อคนนั้น คนที่คำสาปสูงส่งที่สุดคือผู้ชายคนกลาง แต่คำสาปของชุ่ยเอ๋อนั่นก็ไม่ด้อยเลย คำสาปของทั้งคู่ล้วนสูงกว่าซีเฟยฮวนนั่นอีก! หรือว่าพวกเขาก็มาจากซีเจียงเหมือนกัน?
นางยิ้มเย็นออกมา ผลุนร่างออกไปทันที ผ่านไปถึงตัวเสี้ยวหยู่ ลากเขาไปอีกข้างหนึ่ง และจับมือเขาวาดยันต์ขึ้นอีกอัน ยื่นมือหยิบหญ้าปีศาจออกมาสาดรอบตัวเขาหนึ่งรอบ "ฟังนะ เจ้ายังเป็นจุดเปลี่ยนอยู่ แต่ก่อนที่ข้าจะออกคำสั่งเจ้าต้องอยู่ที่นี่ตลอด"
เสี้ยวหยู่พยักหน้า
โหลชีมาข้างกายหลินเสิ้งเวยอีก และยัดพิชิตวันใส่มือเขา "รออีกเดี๋ยวถ้ามีคนหาเจ้าเจอ และจะลงมือกับเจ้า เจ้าใช้พิชิตวันได้เลย" หลินเสิ้งเวยกลับลังเลเล็กน้อย "คนพวกนั้นล้วนเป็นคนของตำหนักจิ่วเซียว...."
"ก็ทำได้แค่ฆ่า" โหลชีสีหน้าเย็นชา "ห้ามใจอ่อน" หากอีกฝ่ายฟังคำสั่งสามคนนั้นจริงๆ แสดงว่าโดนคำสาปของอีกฝ่ายไปแล้ว ถ้านางแก้ไม่ทัน พวกเขาต้องลงมือกับหลินเสิ้งเวยแน่ ถ้าให้หลินเสิ้งเวยตาย สู้ให้คนอื่นตายดีกว่า
หลินเสิ้งเวยพยักหน้าทั้งกัดฟันกรอด
โหลชีผลันร่างเข้าไปในค่ายอีก และสอนคำสาปใหม่ให้กับสมาชิกในแต่ละกลุ่มเล็กอีก
ท้องฟ้ามืดลงอีก เมฆดำเต็มท้องฟ้า เสียงฟ้าคำรามกึกก้อง ในยามที่หลายคนในถ้ำต่างพากันหวาดหวั่นพรั่นพรึง และก็ได้ยินเสียงกลองรบดุจสายฟ้าฟาดอีก เสียงกลองรัวประหนึ่งกระแทกเข้าไปที่หัวใจของผู้คน ราวกับมีคนนับไม่ถ้วนร้องตะโกนฆ่าฟันกัน
"ค่ายกลคำสาปวิญญาณ์รบนี่เอง!" คุณชายเหลียนซินกัดฟันตบมือผ่าง ในฝ่ามือเขามีผงสีเงินละเอียดสาดออกมา ชุ่ยเอ๋อขยับมือ ชายเสื้อพลันมีนกแปลกมากตัวหนึ่งบินออกมา นกตัวนั้นยาวแค่สองนิ้ว อ้วนแค่ปลายสองนิ้ว สีดำทั้งตัว แต่กลับมีปากนกสีขาวปลายๆ มันสยายปีกออกบินผ่านผงสีเงินพวกนั้นไป จนตัวมันเต็มไปด้วยผงสีเงิน จากนั้นกระพรือปีกบินออกไป
โหลชีรู้ทั้งรู้ว่านกตัวนี้ไม่ชอบมาพากล แต่ก็ไม่รู้ว่าควรฆ่าไหม แต่ในตอนที่นางกำลังลังเลแค่ชั่วครู่นี้ นกน้อยตัวนั้นก็บินไปรอบใหญ่ ในระหว่างที่มันบิน ผงสีเงินก็ตกลงมา บางส่วนตกไปโดนทหาร พริบตาเดียวก็มีคนล้มไปโดยไม่ทันได้ส่งเสียงแม้สักคำถึงสามคน
พริบตาเดียวค่ายกลก็มีการเคลื่อนไหว
โหลชีตกใจเล็กน้อย ควักเข็มพิษออกมาสามเล่มทันที และยิงพุ่งไปทางนกน้อยตัวนั้นด้วยความเร็วราวสายฟ้าแลบ เข็มพิษสามเล่มพุ่งโดนนกน้อยตัวนั้นพร้อมกัน มันร้องโหยหวนก่อนตกลงพื้น เสียงดังสนั่น กลายเป็นหมอกควันสีดำกระจายไปทุกทิศ
"นกน้อย!" ชุ่ยเอ๋อร้องเสียงดัง โกรธจนหน้าแดงก่ำ "ใครกัน? ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้! กล้ามาฆ่านกน้อยของข้า!"
ซิงเอ๋อพูดด้วยสีหน้าเย็นชา "นกน้อยตายก็ยังฆ่าได้หลายคน เจ้าร้อนใจอะไร"
จุดที่ควันหมอกดำพวกนั้นอยู่ รอบข้างมีทหารหกนาย ตั้งแต่เสียงดังสนั่นนั่นออกมาโหลชีก็ปราดไปทางนั้นแล้ว วินาทีก่อนหน้าที่หมอกควันสีดำพวกนั้นจะโดนตัวพวกเขา ร่างนางบังหน้าพวกเขา ยื่นมือสะบัดออกไป ใช้ลมปราณให้ควันหมอกดำเหล่านั้นถอยไปให้หมด ในเวลาเดียวกัน นางก็รู้ว่าการกระทำนี้ต้องโดนอีกฝ่ายจับได้แน่ พอหันกลับมาก็เลยวาดมือซ้ายขวาสองข้างพร้อมกัน สะบัดหกคนนั่นไปซ้ายขวาให้หมด
วินาทีต่อมา ผู้หญิงที่ชื่อซิงเอ๋อนั่นได้เคลื่อนย้ายมาที่นี่แล้ว มีดแหลมในมือพุ่งปักลงมาตรงหน้านางทันที
"ไม่ว่าเจ้าเป็นใคร ตายซะ!"
โหลชีเลิกคิ้ว เผยรอยยิ้มหยันออกมา และไม่พูดอะไร หมุนร่างหลีกหนีการแทงของนาง
ตลกละ ถ้านางโดนแทงโดนง่ายๆ นักพรตเลวคงโดดออกมาด่านางว่าไม่ได้เรื่องแน่!
ในเวลาเดียวกัน นางกระโดดมายืนข้างทหารคนหนึ่ง ในมือวาดยันต์อย่างรวดเร็ว ให้เขารีบเรียนรู้ไว้ และปราดไปอีกข้าง วาดยันต์คำสาปต่อ
ซิงเอ๋อไล่ตามไปทั่วในค่ายกล แต่ทุกครั้งที่รู้สึกเหมือนจะแทงโดนอีกฝ่ายก็โดนหลบหลีกไปได้ทุกครั้ง แถมยังโดนนางหลอกให้วิ่งไปทั่ว เหงื่อไหลเต็มหน้าผาก ความโกรธขึ้งในใจ น่าเสียดายที่ก็ทำอะไรโหลชีไม่ได้
ตอนนี้เสียงกลองในค่ายยิ่งดังมากขึ้น ราวกับลมพายุฝนโหมกระหน่ำ ในสายลมและฟ้าผ่ามีเสียงโหยหวนครวญครางราวกับมีคนกำลังรับโทษทรมานไม่หยุดหย่อน เสียงร้องนั้นโหยหวนจนทำให้ผู้คนหวาดหวั่นขวัญเสีย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ