ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 437

ตอนนี้เลือดของนางมีค่ามากรู้ไหม? ค่ายกลเลือดที่ใช้เลือดนางวาดออกมา เขากลับไม่เห็นค่ามันเลย! อีกอย่าง ตอนนางวาดต้องเสียพลังจิตมากนะรู้ไหม? เมื่อคืนนางไม่ได้นอนทั้งคืน เอาแต่วาดวาดวาด ตอนนี้เขาเห็นแรงกายแรงใจนางเป็นอะไร?

โหลวซิ่นอยากเข้าไปช่วยอธิบาย แต่โดนเฉิงสิบดึงไว้

แม่นางของพวกเขาไม่สนหรอกว่าเหตุผลอะไร ยังไงก็ตามฝ่าบาทใช้วิทยายุทธ์จริงๆ นี่คือเรื่องจริง และเป็นผลสรุปที่เกิดขึ้นจริงด้วย

ในตอนที่โหลชีโกรธแทบอยากกัดเนื้อเขาออกมา เฉินซ่ากลับเรียกนางเสียงเรียบว่า "ชีชี"

โหลชีชะงักกึก เบิกตากว้างสะบัดเสียงใส่ว่า "ทำไม?" เฉินซ่ายื่นมือกุมมือนางไว้ และพลิกกลับมาดู บนนิ้วชี้มือขวานางไร้ซึ่งบาดแผลใดๆ ยังคงนุ่มเนียนเรียบลื่น เขาดึงนิ้วนางมาใกล้ปาก อ้าปากออกเล็กน้อย และกัดปลายนิ้วชี้นางเบาๆ

"ลำบากเจ้าแล้ว ข้ารู้สึกว่า ยามเจ้าวาดภาพบนตัวข้านั้นมีเสน่ห์อย่างยิ่ง" ยามนิ้วเรียวยาวเนียนนุ่มนั่นวาดไปมาบนร่างเขาอย่างแผ่วเบานั้น เขาชอบนัก

ปลายนิ้วเริ่มชา ชามากแล้วด้วย นี่เขายั่วนางหรือไง? โหลชีอึ้งก่อน จากนั้นหน้าเริ่มทะมึน นางไม่รู้ว่าจะชกลงไปหนึ่งหมัดดี หรือโผเข้าไปกัดเลยดี?

"ท่าน ท่านเป็นบ้าแล้วกระมัง!"

สุดท้ายนางก็เลยด่าออกมาหนึ่งคำ ใช้แรงดึงนิ้วตัวเองออกมา และถอยออกไปหลายก้าว ทำเอาพวกอิง เฉิงสิบและโหลวซิ่นถอยไปตามๆกัน

"พาเขากลับถ้ำเดิม พวกเจ้าเฝ้าไว้ให้ดี ไม่ว่าได้ยินเสียงอะไรก็ห้ามออกมา ฟังเข้าใจหรือไม่?"

"เข้าใจแล้วขอรับ!"

"ครั้งนี้ถ้าท่านออกมาอีก แล้วใช้วิทยายุทธ์อีก ข้ากลับไปจะสอนอิง ให้ใต้เท้าองครักษ์อิงวาดค่ายกลเลือดให้ท่าน!" โหลชีสะบัดหน้าไปพูดกับเฉินซ่าอย่างดุดัน

อิง "...." คิดภาพตามว่าฝ่าบาทร่างเปลือยเปล่า เขาคุกเข่าอยู่ข้างๆใช้นิ้วมือวาดภาพบนตัวฝ่าบาท...

ภาพนั้นช่างงดงามยิ่ง จนไม่มีใครกล้ามอง

เฉินซ่าส่ายหัวอย่างหน่ายใจ "ทำตัวเป็นเด็ก"

อันดับแรก จะสอนอิงให้วาดค่ายกลเลือดได้แทบเป็นภารกิจที่เป็นไปไม่ได้เลย เขาไม่ใช่ดูไม่ออกว่า การวาดค่ายกลเลือดเยี่ยงนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหนก็สามารถเรียนรู้ได้

ถึงเขาจะเจ็บปวดกับเลือดและจิตที่นางต้องใช้ แต่สถานการณ์อย่างเมื่อครู่ หากเขาไม่ลงมือ แล้วต้องทนดูคนมากมายล้มตายไปงั้นรึ? ในเมื่อเป็นเรื่องที่ต้องทำ เขาย่อมไม่อาจใช้แต่คำขอโทษมากล่อมนาง ต่อให้จะเจ็บปวดใจเท่าใดก็ตาม

โหลชีตอนนี้ไม่มีเวลาพูดมากกับพวกเขา นางให้พวกอิงกับเฉิงสิบส่งเฉินซ่ากลับถ้ำก่อน จากนั้นรวบรวมคนที่เหลือยี่สิบกว่าคนเข้ามา และเริ่มแบ่งพวกเขาออกเป็นกลุ่มเล็ก และจัดวางพวกเขาเป็นค่ายกลอย่างรวดเร็วที่สุด

บนเขา ใต้ต้นไม้ใหญ่ ทุกคนแยกกันยืนตรง โหลชีหยิบถุงออกมา แจกจ่ายยาต่างๆออกไป และสอนส่วนหนึ่งของค่ายกลคำสาปนี่กับพวกเขาทีละกลุ่มเล็ก

"หลินเสิ้งเวย อีกเดี๋ยวเจ้าเป็นตาของค่ายคำสาปนี้ สิ่งที่เจ้าต้องทำคือซ่อนตัวเองไว้ให้ดี..."

"เสี้ยวหยู่ เจ้าเป็นจุดเปลี่ยนในค่ายนี้ รอจนเจ้าทำอีกฝ่ายมึนงง คุ้มครองปิดกั้นดวงตาของค่ายซึ่งก็คือหลินเสิ้งเวย เข้าใจแล้วหรือไม่?"

"พวกเจ้าหลายคนเรียนกระบวนท่ามือหลายท่านี้ อีกเดี๋ยวต้องบวกกับยาที่แจกจ่ายให้พวกเจ้า กระบวนท่ามือหลายท่านี้สามารถทำให้ฤทธิ์ยาของหญ้าเหล่านั้นออกมาได้รุนแรงขึ้น...."

"ค่ายกลคำสาป เป็นการประสานของคำสาปและค่ายกล อานุภาพกลับยิ่งใหญ่เสียยิ่งกว่าหนึ่งบวกหนึ่งเป็นสอง พวกเจ้าต้องจำไว้ให้ดีถึงสูตรมนต์ที่ข้าสอนพวกเจ้า...."

โหลชีรีบสอนคำสาปสูตรมนต์ให้พวกเขา นอกจากนี้แล้วยังให้จำการเปลี่ยนแปลงของค่ายกลด้วย อันที่จริงเวลามันกระชั้นมากจริงๆ ตอนนี้นางไม่มีโอกาสมาสอนอย่างละเอียด และเพราะแบบนี้ นางถึงไม่ได้สอนคำสาปอย่างเดียว หรือใช้ค่ายกลเลยโดยตรง เพราะค่ายกลคำสาปนี้โดนนางปรับปรุงแล้ว ต่อให้มีบางคนทำผิดไปบ้างก็ไม่ส่งผลกระทบต่ออานุภาพของค่ายกลคำสาป

โชคดีที่คนพวกนี้เป็นในการเรียนรู้คำสาป หลังจากที่นางสอนไปได้สองสามรอบ พวกเขาก็สามารถใช้จุดสำคัญของคำสาปนี้ได้แล้ว

ตอนนี้ตำแหน่งที่พวกเขาอยู่คืออยู่ไม่ห่างจากถ้ำนัก โหลชีไม่ใช่ไม่กล้าห่างจากเฉินซ่าไกลเกินไป ไม่งั้นหากเขาเกิดเรื่องขึ้น นางจะมาช่วยไม่ทัน ในระหว่างที่ค่ายกลคำสาปกำลังจัดวางให้แสดงพลังอานุภาพ ป่าด้านหน้ามีทหารองครักษ์กว่าร้อยนายมุดออกมา

พวกหลินเสิ้งเวยซุ่มอยู่ ในใจกลับไม่เข้าใจนักว่า นี่มันกองทหารตำหนักจิ่วเซียวของพั่วอวี้มิใช่รึ? ทำไมพระสนมไม่พูด ทำไมยังต้องใช้ค่ายกลคำสาปมาต่อกรกับพวกเดียวกัน?

แต่พวกเขาเคยชินกับการฟังคำสั่งโหลชี และรู้ว่าการฝึกพิเศษที่ออกมาครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ พวกเขาสามสิบห้าคนออกมา ตอนนี้เหลือเพียงยี่สิบกว่าคนเท่านั้น ถ้าไม่ฟังนางสั่งการ ก็ไม่รู้ว่าจะต้องเสียสละคนอีกมากมายเท่าไหร่ ดังนั้นต่อให้จำได้ว่าทหารร้อยนายนี้เป็นองครักษ์ของตำหนักจิ่วเซียวแห่งพั่วอวี้ พวกเขาก็ยังคงซุ่มซ่อมตัวอยู่ที่เดิมอย่างเงียบเชียบ ในใจครุ่นคิดเวลาที่ตนจะใช้คำสาป รอพอถึงเวลาก็จะเริ่มใช้คำสาป

คำสาปที่โหลชีสอนให้พวกเขาตอนนี้ไม่เหมือนกันหมด คำสาปของแต่ละกลุ่มไม่เหมือนกัน ต่อไปถ้าแยกกันก็จะเป็นคำสาปหลายอันต่างๆกันไป

เสี้ยวหยู่อยู่ด้านหน้าหลินเสิ้งเวย มองเห็นองครักษ์เหล่านั้นใกล้ถึงใจกลางขอบเขตค่ายกลของพวกเขาแล้ว ในใจเริ่มตื่นเต้น ถามเสียงต่ำว่า "หัวหน้า ท่านว่าแค่มนต์มือและตัวยาไม่กี่อย่าง และการขยับเปลี่ยนที่ของพวกเรา จะสามารถแสดงอานุภาพยิ่งใหญ่ขนาดนั้นได้จริงรึ?"

หลินเสิ้งเวยจุ๊ปาก "อย่าพูด พระสนมน่ะเก่งกาจนัก นางบอกว่าได้ก็คือได้ มาแล้ว ตาเจ้าออกไปแล้ว เร็ว" เขาพูดพลางผลักเสี้ยวหยู่ออกไป

ถึงเสี้ยวหยู่จะตื่นเต้น แต่ก็ไม่กล้าชักช้า รีบกระชากตัวยาต้นนั้นในมือ และเดินไปหลายก้าวตามวิธีที่โหลชีสอน ในมือก็วาดยันต์ไปพร้อมกัน ก่อนโยนหญ้านั้นทิ้งไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ