ทำไมนางต้องกังวลด้วย?
เฉิงสิบกับโหลวซิ่ที่เดิมทียืนเงียบไม่พูดอะไรอยู่ด้านหลังของนาง เวลานี้ก็ทนไม่ไหวแล้ว โหลวซิ่นกำลังจะพูด เฉิงสิบก็ทำหน้าเคร่งขรึมกล่าวออกมาอย่างจริงจัง: "ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าคนเป็นนายท่านต้องกังวลว่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะไม่ชอบ"
คำพูดนี้กล่าวได้ถูกต้อง!
โหลชียกนิ้วโป้งให้เฉิงสิบทันที "กดไลก์ให้เจ้า!"
ถึงแม้นางจะมาจากยุคปัจจุบัน ไม่ได้มีแนวความคิดเกี่ยวกับชนชั้นที่ฝังรากลึกขนาดนั้น แต่เปลี่ยนเป็นแนวความคิดของยุคปัจจุบันก็สามารถพูดได้แบบนี้ได้เช่นกัน นางไม่ใช่เงินหยวนไม่ใช่แก้วแหวนเงินทอง ไม่ใช่ทุกคนที่จะมารักมันก็เป็นเรื่องที่ปกติมาก อีกอย่าง องครักษ์อวิ๋นไม่ชอบนาง เข้ากับคนได้ยาก นางก็มีชีวิตต่อไปไม่ได้แล้วใช่ไหม?
อย่างมากเขาก็แค่อย่ามาให้นางเห็น ทุกคนน้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลอง แน่นอนว่า ถ้าหากน้ำบ่อจะยุ่งกับน้ำคลองให้ได้ นางจะให้เขาได้รู้รสชาติของน้ำบ่อนั้นมีรสขมหรือว่าหวาน
อิงแตะไปที่จมูก รู้สึกเขินเล็กน้อย เขาลืมไปได้อย่างไร ถึงแม้โหลชีจะยังไม่ใช่พระสนม ตอนที่เป็นเพียงสาวใช้คนหนึ่ง ก็ไม่เห็นว่านางจะเคยกังวลว่าจะเข้ากับเขาได้ยากเลย ยังมีเสวี่ย นั่นคือเข้ากันได้ยากจริงๆใช่ไหม ผลลัพธ์เป็นอย่างไรล่ะ?
พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เสวี่ยจะตายที่พั่วอวี้
เวลานี้เยว่ก็นึกถึงเสวี่ยเช่นกัน แต่มาคิดดูแล้วความจริงพวกเขาต่างก็เย็นชามาก ไม่ได้รู้สึกเศร้าเสียใจหรือรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเพื่อเสวี่ยเลย ถึงขั้นรู้สึกว่าที่นางมีจุดจบเช่นนี้ก็ล้วนเป็นเพราะทำตัวเองทั้งนั้น
เมื่อคิดเช่นนี้ คนที่พวกเขาควรเป็นห่วงคืออวิ๋นต่างหาก
ถึงแม้เสวี่ยจะเป็นหนึ่งในสี่องครักษ์ของพวกเขา แต่ว่าก่อนหน้านี้เพราะเห็นแก่ที่นางเป็นเพื่อนบ้านของฝ่าบาทในวัยเด็ก ที่มีมิตรภาพกันจริงๆก็แค่พวกเขาสามคนเท่านั้น พวกเขาสามคนถึงจะเป็นมิตรภาพที่สั่งสมมาจากการฝ่าลมพายุในการเข้ายึดอำนาจด้วยกำลังอย่างแท้จริง
"แต่ว่า ใต้เท้าองครักษ์อวิ๋นออกไปยังทุ่งหญ้าตามลำพังไม่ใช่หรือ ทำไมถึงไปฆ่าเป่ยฝูหรงที่เป่ยชางได้? วรยุทธของเขาเทียบกับฝ่าบาทแล้วเป็นอย่างไร?" โหลชีรู้สึกสงสัยเล็กน้อย แถมยังเป็นเมืองหลวงของเป่ยชางอีก องครักษ์อวิ๋นแข็งแกร่งขนาดนี้เลย?
เอ่ยถึงเรื่องนี้ เยว่ก็สงสัยมากเช่นกัน "วรยุทธของอวิ๋นแกร่งกล้าที่สุดในบรรดาพวกเราสามคน เมื่อก่อนด้อยกว่านายท่านเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ว่ากันตามหลักแล้ว เขาคนเดียวก็ไม่มีทางที่จะลอบสังหารเป่ยฝูหรงได้"
โหลชีประหลาดใจ
เมื่อก่อนวรยุทธของเฉินซ่าก็อาจอยู่ในลำดับหนึ่งสองในยุทธภพแล้วก็ว่าได้ แน่นอนว่า พูดถึงแค่แผ่นดินใหญ่ซื่อฟางเท่านั้น หากว่าองครักษ์อวิ๋นด้อยกว่าเขาเพียงเล็กน้อย เช่นนั้นก็ถือได้ว่าเป็นยอดฝีมือในบรรดายอดฝีมือแล้ว มิน่าพวกเขาถึงได้ปล่อยให้เขาไปหาตัวยานำพาที่ทุ่งหญ้าคนเดียว
"องค์หญิงใหญ่ถูกลอบสังหารในเมืองหลวงของแคว้นตัวเอง เป่ยชางจะต้องโกรธแน่นอน กลัวแต่ว่าตงสือยู่จะช่วยจับกุมองครักษ์อวิ๋นด้วย"
เยว่พยักหน้า: "ข้าน้อยก็คิดถึงข้อนี้เช่นกัน และก็ได้ส่งคนไปรับอวิ๋นแล้ว อีกไม่กี่วันพวกเขาก็น่าจะกลับมาแล้ว"
"องครักษ์อวิ๋นหาหญ้าเข็มดำเจอแล้วหรือ?" โหลชีกล่าวถาม หลังจากที่หินฟ้าก้อนนั้นกลับมานางก็มอบมันให้กับหมอเทวดา สอนวิธีใช้ให้กับเขา ตอนนี้หมอเทวดาเก็บตัวอยู่แต่ในตำหนักยาทั้งวันได้ยินมาว่าบางครั้งแม้แต่ข้าวก็ยังลืมกิน ศึกษาค้นคว้าหินฟ้านั่นอยู่ตลอด หมกมุ่นจนใกล้จะเข้าสู่สภาวะจิตไม่ปกติแล้ว
มีเขาอยู่ โหลชีสบายไปไม่น้อย ถึงเวลาสรรพคุณยาที่ผลไม้แดงตะวันนั่นเพาะออกมาใหม่ก็จะสามารถใช้เป็นตัวยานำพาได้
เยว่ส่ายหน้า: "เรื่องนี้มันเป็นความลับ เวลานี้อวิ๋นก็กลัวข่าวจะรั่วไหลเช่นกัน ดังนั้นในจดหมายก็เลยไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องหญ้าเข็มดำ หลังจากที่เขากลับมาก็จะรู้เอง"
"หลังจากที่เขากลับมาแล้ว ข้าก็จะออกเดินทางไปหาก้างน้ำแข็งเลย" โหลชีกล่าว
นักพรตเลวเคยกล่าวไว้ ภายในครึ่งปีจะต้องแก้พิษกู่ของเฉินซ่าให้ได้ ตอนนี้พิษแก้ได้ง่าย ตัวยานำพาก็ใกล้จะครบแล้ว กู่กลับแก้ได้ยาก นางคิดอยู่ว่า หลังจากที่หาตัวพานำพาจนครบแล้วต้องไปซีเจียงหนานเจียงสักครั้งใช่ไหม
ตอนนั้นซีเฟยฮวนเคยพูดถึงสถานการณ์ของกู่ปลิดชีพนั่น เพื่อนคนหนึ่งของเฟยเยว่อดีตเทพธิดาแห่งซีเจียงรู้อยู่ ต้องการจะแก้กู่ต้องลงมือจากทางนั้น ถ้าหากเฟยเยว่คิดจะให้ซีเฟยฮวนอุทิศตนแก้กู่ให้กับเฉินซ่าตั้งแต่แรก อย่างน้อยนางก็น่าจะรู้อะไรบางอย่างใช่ไหม
แต่ว่า หากนางจะไปซีเจียง เฉินซ่าก็น่าจะตามไปด้วยกันใช่ไหม มิเช่นนั้นร่างกายที่ผุพังเช่นนี้ของเขา ข้อบกพร่องอะไรก็มี นางก็ไม่วางใจที่จะจากเขาไปนานเกินเช่นกัน
เยว่ก็คิดถึงข้อนี้เช่นกัน เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวถาม: "พระสนม ตอนนี้สถานการณ์การฝึกของหน่วยศูนย์เป็นอย่างไรบ้าง?"
หน่วยศูนย์ ก็คือหน่วยเล็กยี่สิบหกคนที่หลินเสิ้งเวยเป็นหัวหน้าหน่วยนั่นเอง โหลชีตั้งชื่อรหัสเป็นหน่วยศูนย์ หลังจากที่กลับมาจากเมืองชี ขณะเดียวกันกับที่โหลชีปกปักษ์รักษาฐานหลัก เวลาทั้งหมดก็ใช้ไปกับการฝึกพิเศษให้กับพวกเขา แน่นอนว่า ผลลัพธ์ก็เป็นที่น่าพอใจเช่นกัน
"ถ้าหากจะส่งพวกเขาออกไปอย่างน้อยยังต้องใช้เวลาอีกหนึ่งเดือน" โหลชีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หนึ่งเดือนผ่านไปให้พวกเขาไปสำรวจทางที่ซีเจียงก่อนก็ได้อยู่
เช่นนี้นางก็จะสามารถรอให้เฉินซ่ารวมพั่วอวี้ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้วค่อยไปพร้อมกัน
เฉินซ่าเดินก้าวใหญ่เข้ามา เขาออกไปสู้รบติดต่อกันมาสิบวันแล้ว หายากที่วันนี้จะได้กลับมาพักผ่อนที่ตำหนักจิ่วเซียวครั้งหนึ่ง เมื่อครู่นอนไปสองชั่วยาม พอตื่นมาก็พบว่าโหลชีไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย ยากที่เขาจะกลับมา นางไม่ควรจะเฝ้าอยู่ข้างกายของเขาหรอกหรือ? ไม่นอนกับเขา อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในห้องนอนถึงจะถูก ทำไมถึงมาอยู่กับอิงกับเยว่ที่นี่ได้
"พวกเจ้าสองคนว่างมากหรือ?"
เขากวาดตามองไปทางอิงกับเยว่ สายตาเย็นชามาก
เยว่กระแอมไอ ลุกยืนขึ้นมา อิงเล่นใหญ่เล็กน้อย กระโดดขึ้นทันที
"ข้าน้อยยังมีธุระต้องทำ ขอตัวไปก่อนขอตัวไปก่อน......"
โหลชีเพิ่งจะกลอกตามองบน ข้างนอกก็มีองครักษ์มารายงานด้วยความรีบร้อน: "แจ้ง!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ