อิ้นเหยาเฟิงก็ชำเลืองมองเขาไปครู่หนึ่ง เสียงสูงขึ้นเล็กน้อย "ข้ากลัวที่ไหนกัน ท่านอย่ามาดูถูกข้านะ!"
แอบเหล่มองเฉิงสิบเงียบๆ เขากลับนิ่งเงียบไม่พูดอะไรเลย เพียงแค่ตามอยู่ข้างหลังโหลชีไปติดๆ สายตาก็มองเพียงข้างหน้าอย่างหนักแน่นไร้ที่เปรียบ จู่ๆในใจของอิ้นเหยาเฟิงก็รู้สึกขมขื่นเล็กน้อย
นางเหลือบมองโหลชี อดที่จะยิ้มเจื่อนครู่หนึ่งไม่ได้
ก่อนหน้านี้นางชอบฝ่าบาท เพราะคิดแค่ว่าผู้ชายเช่นนี้ถึงจะเป็นคนที่นางต้องการแม้แต่ในความฝัน เพียงแต่ว่าต่อมาได้รู้ว่าฝ่าบาทได้ให้สัญญากับโหลชีแล้ว ชีวิตนี้จะมีนางแค่คนเดียว นางก็เคยพยายามไขว่คว้า แต่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าความพยายามของนางก็ไม่ได้ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีได้ ดังนั้นก็เลยยอมแพ้ไป ตอนที่เห็นโหลชีอีกครั้ง นางก็รู้สึกเช่นกันว่ามีเพียงผู้หญิงเช่นโหลชีเท่านั้นถึงจะคู่ควรกับฝ่าบาท สามารถยืนเคียงข้างเขาได้
ต่อมานางก็ตกหลุมรักเฉิงสิบอีก นางชอบที่เฉิงสิบไม่พูดมากแต่ทำงานจริงจัง ถึงแม้จะเย็นชาไปบ้าง แต่จิตใจดีมาก และนางก็ชอบหน้าตาของเขาเช่นกัน ถึงแม้ลักษณะท่าทางจะดีไม่เท่ากับฝ่าบาท แต่นอกจากฝ่าบาทแล้ว นางยังไม่เคยเห็นผู้ชายที่หน้าตาดีกว่าเขาเลยจริงๆ เฉิงสิบดูดี เป็นผู้ใหญ่ มั่นคงพึ่งพาได้ วรยุทธก็สูง ผู้ชายเช่นนี้ตรงตามความต้องการของนางจริงๆ
เพียงแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ในสายตาของเฉิงสิบจะมีเพียงโหลชีคนเดียวเท่านั้น ไม่รู้ว่าในใจของเขาก็มีแค่เพียงโหลชีคนเดียวหรือเปล่า
กำลังคิดเรื่องพวกนี้อยู่ จู่ๆใต้เท้าก็มีความรู้สึกสัมผัสกับสิ่งนุ่มนิ่ม นางยังไม่ทันตอบสนองกลับมา ร่างกายก็ถูกคนออกแรงดึง นางล้มลงไปในอ้อมแขนของคนคนหนึ่ง มีลมหายใจของผู้ชายลอยมาแตะจมูก
อิ้นเหยาเฟิงใจเต้นตึกตัก รู้สึกตัวแล้วว่า ตนเองไปเหยียบสิ่งที่ผิดปกติอะไรเข้าแน่นอน เช่นนั้น เฉิงสิบเป็นคนช่วยนางอีกแล้วหรือ?
ทันทีที่นางเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นสีหน้าท่าทางที่ประหม่าของโหลวซิ่น
"แม่นางเหยาเฟิงทำไมถึงไม่ระวังเช่นนี้? รีบดูเลยว่าเท้าของเจ้าเป็นอะไรไหม"
ในน้ำเสียงของโหลวซิ่นก็แฝงไปด้วยความประหม่า
อิ้นเหยาเฟิงถึงได้ตอบสนองกลับมา นางอยู่ในอ้อมแขนของโหลวซิ่น นางรีบผลักโหลวซิ่นออกทันที แล้วยืนตัวตรง หันหน้ามองไปทางเฉิงสิบ กลับเห็นเฉิงสิบกำลังไปดึงแขนของโหลชี
"แม่นาง ข้าน้อยไปดูเอง"
เขากำลังห้ามไม่ให้โหลชีไปดูสิ่งที่นางเหยียบโดนเมื่อครู่นี้ ในสายตาของเขาไม่ได้มีนางเลย
โหลชีหันหน้ากลับมา กล่าวกับนางว่า: "ไปดูหน่อยว่าเท้าของเจ้าได้สัมผัสกับของพวกนี้ไหม"
อิ้นเหยาเฟิงพยักหน้ารับอย่างมึนงง
เฉิงสิบก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วนั่งยองๆลงไปดูเจ้าสิ่งนั้น คิ้วหนาขมวดขึ้นมา ชั่วครู่เดียวก็ลุกขึ้นมาแล้วถอยไปยืนข้างกายของโหลชีพร้อมกล่าวว่า: "แม่นาง น่าจะเป็นอุจจาระของแมลงอะไรสักอย่าง เพียงแต่ว่ามันแปลกอยู่เล็กน้อย หญ้าที่อยู่ข้างล่างล้วนเหี่ยวเฉาไปหมด"
อิ้นเหยาเฟิงรู้สึกขยะแขยงเล็กน้อยทันที นี่นางเหยียบถูกอุจจาระหรือเนี่ย
โหลวซิ่นมองดูนางครู่หนึ่ง กล่าวว่า: "เจ้าเปลี่ยนรองเท้าคู่หนึ่งไหม คู่นี้ข้าจะทำความสะอาดให้เจ้าเอง" หน่วยศูนย์ของพวกเขาตอนนี้ได้รับการจัดเตรียมสิ่งของอีกมากมาย ส่วนใหญ่ล้วนเป็นความคิดของแม่นางพวกเขาและออกมาจากการออกแบบในมือของนาง อย่างเช่นรองเท้าของพวกเขา นั่นล้วนให้คนทำขึ้นมาเป็นพิเศษ ออกมาครั้งนี้สวมรองเท้าบูท กันน้ำ ส่วนลำของรองเท้าก็มีการออกแบบที่สามารถเก็บกระชับแน่นได้ เดินอยู่ในป่าที่อันตรายก็ไม่ต้องกลัว
แต่ว่าแม่นางของพวกเขาบอกแล้วว่า อย่างไรก็ทำมาจากผ้า กลัวแต่ว่าหากมีการฉีกขาดหรือมีบางอย่างเป็นสนิม เดินทางในสถานที่เช่นนี้ ระมัดระวังเอาไว้ดีที่สุด
ตอนนี้มันก็แค่อุจจาระเท่านั้น รองเท้าฉีกขาดน่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าผู้หญิงคนหนึ่งเหยียบถูกอุจจาระ อย่างไรก็คงรู้สึกไม่สบายนัก โหลวซิ่นเห็นสีหน้าของอิ้นเหยาเฟิงดูแย่เล็กน้อย ก็เลยเดาว่าเป็นเพราะขยะแขยง
"ไม่ต้องแล้ว ขอบคุณพี่โหลวมาก ข้าไปเช็ดออกทางโน้นก็พอ" อิ้นเหยาเฟิงส่ายหน้า เดินห่างออกไปไกลเล็กน้อยแล้วเช็ดพื้นรองเท้ากับต้นวัชพืชไม่หยุด
"จึ๊ แม่นางเหยาเฟิงก็ไม่ได้ง่ายเลย ผู้หญิงคนหนึ่งติดตามเรามายังสถานที่แบบนี้ด้วย" โหลวซิ่นเกาไปที่ท้ายทอย
เฉิงสิบชำเลืองมาครู่หนึ่ง
โหลวซิ่นโง่ไปแล้วใช่ไหมเนี่ย แม่นางของพวกเขาไม่ใช่ผู้หญิงหรือ? มีแต่อิ้นเหยาเฟิงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ง่ายหรือ?
โหลชีมองดูอิ้นเหยาเฟิงครู่หนึ่ง แล้วหันกลับมามองเฉิงสิบกับโหลวซิ่นอีกครู่หนึ่ง แอบส่ายหน้าเงียบๆ นางจะไม่ยุ่งเรื่องของความรักของลูกน้องสองคนนี้ของนาง นอกเสียจากว่าจะเจอกับผู้หญิงที่ไม่ดีมากจริงๆ
"ทุกคนต้องระวังตัวหน่อย อุจจาระของสัตว์ประเภทนี้มีพิษ และพิษก็ร้ายแรงมาก แม้แต่หญ้าก็ยังถูกพิษตาย แสดงว่าตัวของสัตว์ชนิดนี้จะมีพิษมากกว่า และอยู่ในบริเวณนี้แหละ ระวังกันหน่อย"
ขณะที่โหลชีกล่าวไป ก็สังเกตบริเวณโดยรอบอย่างละเอียดไปด้วย แต่ว่ากลับออกคำสั่งให้พวกเขาเร่งความเร็วในการเดินหน้าให้เร็วยิ่งขึ้น
ยิ่งเดินเข้าไปข้างใน ความชื้นก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาเดินไปได้สักพักก็รู้สึกได้ว่าเส้นผมก็มีไอน้ำเล็กน้อยแล้ว
เมื่อครู่อิ้นเหยาเฟิงเช็ดพื้นรองเท้าก็อยู่รั้งท้ายด้านหลังกลุ่มแล้ว นางเงยหน้าขึ้นมาก็พบตัวเองอยู่รั้งท้ายเล็กน้อยแล้ว กำลังจะเร่งความเร็วไล่ตามให้ทัน จู่ๆก็ได้ยินเสียงจิ๊กๆๆๆกูๆๆตอบรับกันไปมา ความรู้สึกเหมือนสัตว์สองตัวกำลังคุยกันอยู่ ใกล้กับนางมาก อยู่บนต้นไม้หนาทึบที่ด้านข้างต้นหนึ่ง
นางอดไม่ได้อยากจะเข้าไปสำรวจดูให้ละเอียด เพิ่งจะใช้ฟักกระบี่แหวกกิ่งใบบนยอดออก ก็สบตาเข้ากับดวงตาสองคู่ คู่หนึ่งเขียวอมแดง อีกคู่ขาวอมดำ ดูแล้วน่าขยะแขยงอย่างหาที่เปรียบมิได้
"อ๊า!"
ถึงแม้ว่าช่วงที่ผ่านมาอิ้นเหยาเฟิงจะติดตามและได้รับการฝึกพิเศษจากโหลชี แต่ก็ไม่เคยเห็นหนอนที่น่าขยะแขยงขนาดใหญ่เช่นนี้มาก่อน ชั่วขณะหนึ่งควบคุมไม่อยู่ก็ส่งเสียงร้องออกมา
ถูกต้อง มันคือหนอนสองตัว ตัวหนึ่งสีเขียว อีกตัวขาวดำเป็นด่าง ใหญ่มากๆ เกือบจะใหญ่เท่าแขนเล็กของนาง ทับอยู่บนกิ่งก้าน น้ำหนักของหนอนสองตัวทับจนกิ่งก้านนั้นงอลงมา
หนอนสองตัวนั้นอวบอ้วน มันไม่ใช่หนอนผีเสื้อ แต่ผิวหนังชั้นนอกมีฟองบางๆ ดูแล้วน่าขยะแขยงและน่ากลัวจนถึงขีดสุด และดวงตาของพวกมันก็ใหญ่มาก จ้องกันตรงๆเช่นนี้ ทำให้รู้สึกขนลุก และดูเหมือนพวกมันจะล็อคเป้ามาที่นางแล้ว นางมองเห็นความโกรธในดวงตาของหนอนสองตัวนั้นได้อย่างแปลกประหลาด
พวกมันกำลังโกรธอยู่ ความโกรธน่าจะพุ่งมาทางนาง เป็นเพราะว่า......
ใบหน้าของอิ้นเหยาเฟิงแดงขึ้นมาทันที เห็นได้ชัดว่าหนอนสองตัวนั้นกำลัง...กำลัง......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ