นางลืมไปแล้ว ว่าคนรอบข้าผู้นี้อารมณ์แปรปรวนมาก
ในฐานะสาวใช้ของเขา ควรจะให้เขาเป็นใหญ่ใช่หรือไม่ แม้แต่ผู้ชายคนอื่นก็ไม่สามารถที่จะมองนานได้?
โหลชีรู้สึกว่า นี่เผด็จการเกินไปแล้ว และก็ไม่ใช่สนมเอกของเขา
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินถึงความโกรธในน้ำเสียงของเขา โหลชีตกลงใจว่าเป็นผู้รู้สถานการณ์คือผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศ นางรีบยิ้มประสบสอพลอให้เขาและกล่าวขึ้นทันทีว่า "นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน นายท่านเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาที่สุดในโลก!"
อ๊าก ขณะที่นางพูดในใจตัวเองยังอยากจะอ้วกออกมา รู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นกระจกวิเศษที่อยู่ภายในเรื่องสโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ดคนกระจกวิเศษ กระจกวิเศษช่วยบอกข้าเถิด ว่าใครเป็นผู้ชายที่หล่อเลิศในปฐพี?
เอ่อ นางได้ไร้สาระอีกแล้ว
แต่ไม่ว่านางจะไร้สาระหรือไม่ก็ตาม อย่างไรซะ คำพูดของนางยังคงมีใครบางคนฟังได้อย่างสบายใจ สีหน้าพลันผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังยกจอกสุราขึ้นคารวะตงสือยู่
" องค์หญิงใหญ่ องค์หญิงรองแห่งแคว้นเป่ยชางเสด็จมา!"
ทั้งสองวางแก้วลง และมองไปที่ประตู
คนยังมาไม่ถึง แต่มีสายลมอ่อนๆ พัดเข้ามา ตามด้วยสายลมอ่อนๆ สายที่สอง คราวนี้ พัดกลีบดอกไม้มากมายเข้ามา กลีบดอกสีม่วงอมชมพูปลิวไสวไปทั่วห้องโถง และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้
เสียงขลุ่ยที่ไพเราะดังมาจากด้านนอก เหมือนกับได้นำคนเข้าไปในทุ่งกว้างที่มีสายลมในฤดูใบไม้ผลิ มีเสียงนกร้องดอกไม้ผลิบาน เป็นสถานที่ซึ่งมีธรรมชาติที่งดงาม
โหลชีเอามือเท้าคางของนางขึ้นอย่างสนใจ
ว้าว องค์หญิงในโลกนี้จะปรากฏตัวก็ต้องเจ๋งเป้งแบบนี้งั้นเหรอ?
สายลมอ่อนๆ พัดเข้ามาทำได้ยังไง?
กลีบดอกไม้ไม่สามารถลอยมาทางนางได้ แต่นางสามารถมองออกว่าพวกนั้นเป็นกลีบดอกไม้จริง จะออกโรง ก็ต้องมีสุดยอดฝีมือใช้กำลังภายในส่งกลีบดอกไม้เข้ามาอีกเหรอ?
เสียงขลุ่ยนี้เป่าค่อนข้างไพเราะ และน่าฟังมาก
หลังจากได้แสดงจนพอใจแล้ว ก็มีสาวใช้สี่คนสวมผ้าแพรสีชมพูเดินเข้ามาอย่างงดงาม ด้านหลังพวกนาง มีหญิงสาวสองท่านที่มีส่วนสูงเท่ากันเดินเข้ามาอย่างช้าๆ รูปร่างงดงามมาก ด้านซ้ายสวมชุดสีแดงสดใส กระโปรงพลิ้วไหวไปมา ระหว่างที่เดินก็เปล่งประกายด้วยผ้าไหมสีทอง ซึ่งปักด้วยลายดอกสาวเย่า งดงามหรูหรา สตรีที่อยู่ทางขวาสวมชุดกระโปรงยาวสีขาวราวหิมะ กระโปรงปักด้วยดอกฝูหรงดอกใหญ่ และระหว่างที่เดินอยู่นั้น ดอกไม้เหล่านั้นราวกับกำลังเต้นรำอยู่ งดงามและน่าหลงใหลมาก
แต่ใบหน้าของพวกนางทั้งสองกลับถูกปิดหน้าไว้ เผยให้เห็นเพียงดวงตาคู่หนึ่ง ที่ทอเป็นประกายวาววับ เย้ายวนต่อใจผู้คน ส่วนดวงตาของผู้หญิงในชุดสีแดงโตและสดใส สุกสกายยิ่งกว่า ดวงตาของหญิงสาวในชุดสีขาวเป็นรอยยิ้มและหางตาของนางโค้งลงเล็กน้อย ดูแล้วช่างมีเสน่ห์มาก
องค์หญิงทั้งสองท่านนี้ ไม่ได้เปิดเผยโฉมหน้าของนาง แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกประทับใจกับความงดงามของพวกนาง
ช่างเป็นหญิงงามที่สมคำร่ำลือจริงๆ
โหลชีกล่าวชมเชย ก่อนจะจ้องมองไปที่หญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังพวกนาง
เดิมทีนางคิดว่าเสียงขลุ่ยนั้นถูกเป่าออกมาจากหนึ่งในสององค์หญิง แต่กลับกลายเป็นว่าไม่ใช่ หญิงสาวคนนั้นก็สวมผ้าคลุมหน้าบางๆ เช่นกัน แต่นางหลุบตาลง นางมองไม่ออกว่าหน้าตาเป็นอย่างไร แต่รูปร่างก็ยังงดงามและน่าหลงใหลเช่นกัน
หรือว่าแคว้นเป่ยชางผลิตสาวงาม?
โหลชีมองไปที่สายตาของเฉินซ่าโดยไม่รู้ตัว แต่กลับพบว่าเขาไม่มีท่าทีว่าจะตกใจกับความงดงามของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย ยังคงเป็นใบหน้าของภูเขาน้ำแข็งพันปี หากเจ้าหมอนี่ยิ้มเหมือนครั้งก่อนอีกหน่อย คงสามารถโต้กลับด้วยหน้าตาหล่อเหลาได้อย่างแน่นอน และก็ปล่อยให้องค์หญิงทั้งสองได้ตกหลุมรักเขา แล้วทำไมต้องเย็นชาได้ถึงขนาดนี้ล่ะ นางบ่นอยู่ในใจ ก่อนจะหันไปด้านตงสือยู่อีกครั้ง ทว่ากลับเห็นตงสือยู่ยิ้มบางๆ เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ดูไม่ออกเลยว่าได้ตะลึงกับความงามแม้แต่น้อย
จุ๊จุ๊ ชายสองผู้นี้ช่างไม่ต่างอะไรกันจริงๆ
องค์หญิงนะองค์หญิง ดูเหมือนว่ามีเพียงฉันเท่านั้นที่ชื่นชมความงามของพวกท่าน
โหลชีหัวเราะขึ้น
รอยยิ้มของนาง ทำให้สายตาขององค์หญิงทั้งสองมองมาที่ใบหน้าของนาง
"เป่ยชาง เป่ยฝูหรง/เป่ยสาวเย่า คำนับฝ่าบาท ขอให้ฝ่าบาททรงมีพลานามัยที่แข็งแรงเพคะ" องค์หญิงทั้งสองรีบถอนสายตากลับมา แล้วได้กล่าวอวยพรพร้อมกับคำนับต่อเฉินซ่า
ฐานะของพวกนางไม่ได้ต่ำเลย แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องคำนับเฉินซ่า
แต่สาวใช้ที่พวกนางพามาด้วยต่างต้องคำนับทั้งหมด
เฉินซ่ายกมือขวาขึ้นในอากาศ "คารวะองค์หญิงทั้งสอง ขอบคุณเป่ยชางสำหรับความจริงใจ ที่มาในพิธีการคัดเลือกพระสนมของข้า เชิญนั่ง"
"ขอบพระทัยฝ่าบาท"
องค์หญิงทั้งสองเดินไปทางซ้ายมือตามท่านแรกไป แล้วนั่งลง
หลังจากนั่งลงแล้ว ยังไม่รอที่จะให้พวกนางจะเอ่ยปาก ก็มีสาวงามคนอื่นและผู้ส่งสารได้ทยอยกันมาถึงแล้ว และพ่อบ้านใหญ่ของทางด้านพั่วอวี้ทุกคน ต่างมีคุณสมบัติที่จะได้ขึ้นมานั่ง ก็รอจนแขกผู้สูงศักดิ์มากันครบก่อนจึงจะเข้ามาที่งาน จากนั้นทำความเคารพแขกผู้สูงศักดิ์ทุกท่านแล้ว ถึงจะไปนั่งตรงที่ประทับของตัวเอง
ทันใดนั้น งานเลี้ยงใหญ่ก็นั่งกันเต็มแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ