ซู่ฉงโจวกับเฉินซ่านับเป็นลูกพี่ลูกน้องฝ่ายแม่ แต่ก่อนที่เฉินซ่าจะแน่ชัดในชาติกำเนิดจริงๆ จะไม่ยอมเรียกขานเขาเป็นพี่น้องเด็ดขาด แม้ที่จริงเวลานี้เขาจะเชื่อคำกล่าวของซู่ฉงโจวแล้ว ในใจเชื่อเขาแล้ว
ก่อนหน้านี้ซู่ฉงโจวออกมาจากเขาพิณและกลับตำหนักจิ่วเซียวแล้ว โหลชีจึงไหว้วานวู๊วูและเจ้าขาว กับเขา เพราะนางต้องนำหน่วยศูนย์ ไม่มีเวลาดูสัตว์สองตัวนี้อีกจริงๆ
เจ้าขาวกับวู๊วูต่างรู้ภาษาคน หลังจากถูกนางเอาอกเอาใจแล้วก็กลับยอมตามซู่ฉงโจวไป แต่วันนี้ขณะที่เขาขี่เจ้าขาว อุ้มวู๊วูมาที่นี่ วู๊วูกลับโหวกเหวกเสียงดังกับเจ้าขาว เจ้าขาวกลับฟังมัน พรวดลงมาด้วยความรวดเร็ว แต่เขาไม่เข้าใจนี่ ไม่รู้ว่าเจ้าสองตัวนี้หมายความว่าอย่างไรกันแน่!
เฉินซ่าก็ฟังไม่เข้าใจ แต่พอเห็นเจ้าขาว เขากลับเบิกตาโพลงฉับพลัน ทั้งหันศีรษะกลับมามองภูเขาลูกนั้นอีกแวบ หันตัวไปกล่าวกับอิง "กองทัพล่นถอยไปหนึ่งลี้ รอข้ากลับมา!"
ว่าแล้วเขาก็ไม่สนใจพวกเขา อุ้มจิ้งจอกม่วงทะยานขึ้นไปอยู่บนหลังของเจ้าขาว ชี้ไปทางหุบเขาร้อยแมลง
"วู๊วู!"
จิ้งจอกม่วงวู๊วูเงยหน้ายืดอก ท่วงท่าห้าวหาญ ยืนอยู่บนไหล่ผึ่งกว้างของเฉินซ่าเสมือนแม่ทัพที่น่าเกรงขามหนึ่ง คล้ายกำลังสั่งการเจ้าขาว ให้บินไปด้านหน้าเร็วไว
ราชันอินทรีเขาหิมะร้องยาวเสียงหนึ่ง ปีกใหญ่ยักษ์ตีปะทะเวหา ชั่วแวบเดียวก็ร่อนออกไปหลายสิบจั้งแล้ว ความเร็วนั้นเร็วจนน่าตะลึง
ขี่ม้าอาจต้องใช้เวลากว่าค่อนวัน แต่มีความเร็วของเจ้าขาว ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยามก็ถึงหุบเขาร้อยแมลงแล้ว!
เฉินซ่านั่งขัดสมาธิอยู่บนหลังกว้าง สายตายาวไกล
ทางที่ดีเกายู่หู่ก็ภาวนาให้ชีชีปลอดภัย มิเช่นนั้นเขาจะทำเขาซงซานให้ราบเป็นหน้ากลองแน่ ให้ทุกคนทั้งตระกูลเขาตายอย่างไร้ดินกลบ
...
โหลชีไม่รู้ว่าตนเองดวงเฮงถึงขีดสุดหรืออย่างไร เพราะนางเห็นคนนั้นจากไปแบบเงียบๆ จึงตามออกมา คิดไม่ถึงว่าจะพบชายชุดเครื่องแบบเหมือนกันหลายสิบคนกำลังเข้าใกล้ทางนั้นแบบไร้สุ้มเสียง เห็นพวกเขาทั้งสองฝ่ายพบกันต่างเกร็งตัว โหลชีเลิกคิ้ว ตกบนต้นไม้อย่างเบาหวิว ต้นไม้ต้นนี้มีบุ้งจำนวนมาก แต่ครั้นนางยืนบนกิ่งไม้ บุ้งที่อยู่ละแวกก็กระดืบออกไปทันที บ้างไม่ทันยังร่วงตกต้นไม้ พริบตาข้างตัวนางก็สะอาดหมดจด ไม่มีแมลงสักตัว
"ท่านคือผู้ใด?"
คนตรงข้ามยืนขึ้นถาม
"ชาวยุทธภพเรียกข้าว่าขุนพิษ "
ขุนพิษ? เมื่อครู่แม้โหลชีเห็นว่าคนผู้นี้มีรูปพรรณสัณฐานคล้ายขุนพิษที่ถูกนางสังหารเมื่อก่อนหน้านี้ ในใจมีความสงสัย แต่ตอนนี้ได้ยินอีกฝ่ายกล่าวว่าตัวเองคือขุนพิษจากปาก ถึงรู้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาถูกหลอกแล้ว ที่สังหารไปมิใช่ขุนพิษ
แต่นี่ก็ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรนางก็ไม่ปล่อยไปอยู่แล้ว
"เจ้าอยู่กับพระสนมแห่งพั่วอวี้หรือ?"
"พระสนมแห่งพั่วอวี้?"
ขุนพิษตะลึงงัน หรือว่าดรุณีงามเฉิดฉายเมื่อครู่ก็คือพระสนมแห่งพั่วอวี้? เขาคือผู้ที่ช่ำชองการสังเกตคนเหมือนกัน มองปราดเดียวก็รู้ว่าคนเหล่านี้ต้องไม่คุ้นเคยกับพระสนมแห่งพั่วอวี้เป็นแน่ หรืออาจเป็นผู้ใต้อาณัติ อีกฝ่ายแต่ละคนพกพาจิตสังหารและความอำมหิตชั่วร้าย สวมชุดอย่างสั้น กลางเอวมัดถุงตาข่ายเหล็กสีดำเหมือนกัน ตุงๆ ไม่รู้ว่าบรรจุอะไร แต่สัญชาตญาณเขารู้สึกระทึกหวาดหวั่นอย่างหนึ่ง
คนเหล่านี้ทำให้เขารู้สึกอันตรายมาก เวลานี้เขาตัวคนเดียว ย่อมไม่กล้าล่วงเกินพวกเขา ดังนั้นจึงส่ายหน้ากล่าวทันที "ข้าไม่รู้พระสนมแห่งพั่วอวี้อะไร ข้ามาหาแมลงทำยาที่นี่ หากพวกเจ้าตามหาคน ทางนั้นมีเสียงต่อสู้อยู่หน่อย ก็ไม่รู้ว่าพระสนมท่านนั้นจะอยู่หรือไม่" เขาชี้ไปด้านหลัง
ในเมื่อขุนพิษมองออกว่าคนเหล่านี้อันตราย โหลชีย่อมดูออกเช่นกัน ยามนี้นางจะให้คนเหล่านี้เข้าแทรกค่ายกลคำสาปสังหารของนางไม่ได้เป็นอันขาด ตอนนี้วรยุทธ์พวกหลินเสิ้งเวยเหล่านั้นยังไม่ถึงขั้น ติดอยู่กับยอดฝีมือหลายร้อยนั้นก็ลำบากอยู่แล้ว และเพราะมีการเข้าร่วมของเฉิงสิบ โหลวซิ่นและองครักษ์อวิ๋นถึงยังไหว หากเวลานี้ยังมีกำลังภายนอกเข้าร่วมอีก ทั้งค่ายกลต้องพังทลายแน่
ดังนั้นโดยธรรมชาตินางต้องสกัดคนเหล่านี้ไว้
คิดเช่นนี้แล้ว นางก็ขึ้นเสียงเอ่ย "ขุนพิษ ท่านดึงพวกเขาไว้ก่อน ขอบคุณมาก!"
ว่าแล้วนางราวนกบังเหินตัวหนึ่งมิปาน หันตัวเลือกทิศทางหนึ่งเหาะไป
ขุนพิษตะลึงงัน จากนั้นก็เดือดดาล นังเด็กนี่กลับกล้าวางแผนทำร้ายเขา!
สายตาที่คนเหล่านั้นมองเขาเปลี่ยนฉับพลัน ไม่ว่าที่โหลชีเอ่ยจะเป็นจริงหรือไม่ ขุนพิษผู้นี้กล่าวว่าไม่รู้จักสนมแห่งพั่วอวี้อะไร เห็นก็ไม่เคยเห็น ทว่าแม้แต่นามเขานางก็ขานขึ้นแล้ว เพียงพอประจักษ์ว่าวาจาที่เขากล่าวเมื่อครู่เป็นเท็จ
ฆ่าผิดดีกว่าปล่อยไป
แต่เดิมทีขุนพิษก็เป็นยอดฝีมือนามหนึ่ง ในเมื่ออีกฝ่ายต้องการเอาชีวิตเขา เขาก็ต้องเอาตัวรอดสุดชีวิตอยู่แล้ว เช่นนี้อีกฝ่ายได้แต่ทิ้งคนเจ็ดแปดคนอยู่ต่อกรกับขุนพิษที่นี่ ที่เหลือถึงตามโหลชีไป
นี่ก็คือแผนการของโหลชี ต้องการให้ขุนพิษสกัดคนแทนนางสักหน่อย เช่นนี้โอกาสชนะของนางก็จะมากอีกนิด
นางโลดแล่นในป่าอย่างรวดเร็ว นำพวกเขาออกห่างค่ายกลมากขึ้นเรื่อยๆ จุดที่นางอยู่ แมลงเหล่านั้นถอยห่างจากนาง แต่ทหารกล้ากองพยัคฆ์ที่ตามอยู่ข้างหลังกลับไม่สบายนัก เพราะโหลชีวิ่งไปทางที่มีแมลงมากเป็นการเฉพาะ นางไม่กลัวแมลง แต่ทหารกล้าเหล่านั้นกลัวนี่! ถึงพวกเขาจะเตรียมการก่อนมาหุบเขาร้อยแมลง บนตัวพกพายาไล่แมลงและยาแก้พิษมามากมาย แต่แมลงมากเกินไปจริงๆ อีกทั้งยิ่งไปพวกเขาก็ยิ่งเข้าใจ หยูกยาที่พวกเขานำมาไม่อาจไล่แมลงได้ทุกชนิด ยาแก้พิษเหล่านั้นก็ไม่อาจแก้ร้อยพิษได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ