ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 456

ผีเสื้อหยกตัวนี้ต้องใช้เป็นกระสายยาให้เขา ส่วนโหลชีเอาใจจิ้งจอกม่วงมาตลอด แต่ยามนี้เพื่อปกป้องกระสายยาของเขา ไม่ยอมให้มันกัดสักคำเดียว ทั้งยังดุมันอย่างเข้มงวดอีก...

องค์จักรพรรดิแสดงออกว่าพึงพอใจมาก

โหลชีแสดงออกว่าน่าขันมาก

ขนาดจิ้งจอกน้อยตัวเดียวเขายังต้องจัดอยู่ในตำแหน่งชิงรักหักสวาทหรือ? ท่านจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ เป็นผู้ใหญ่หน่อยได้ไหม? โหดเหี้ยมที่ว่าล่ะ?

เกรงว่าผีเสื้อหยกตัวนั้นจะดิ้นรนอยู่ในถุงทำตัวเองบาดเจ็บ โหลชีจึงโรยยาสลบลงไปในถุง ครู่เดียวในถุงก็ไม่มีความเคลื่อนไหว

โหลชีอารมณ์ดียิ่ง โผเข้าอ้อมอกของเฉินซ่าเองก่อน เขย่งเท้ากระซิบกับเขา "ตอนนี้เราได้กระสายยาเจ็ดอย่างแล้ว ถ้าองครักษ์อวิ๋นได้หญ้าเข็มดำมา เช่นนี้จะเหลือเพียงปลาน้ำแข็งกับแมลงสนแดงสองอย่าง เส้นชัยก็อยู่ข้างหน้าแล้วใช่ไหม?"

เดิมเฉินซ่าอยากเตือนนาง ถึงจะหากระสายยาทั้งสิบอย่างพบ นั่นก็ต้องมีวิธีการแก้กู่ถึงแก้พิษพร้อมกันได้ เพราะเวลานี้พิษกับกู่ถ่วงดุลกัน หากขจัดอย่างไรก่อนอย่างหนึ่งก็จะทำลายความสมดุล แก้พิษก่อน เช่นนั้นกู่ปลิดชีพก็จะกำเริบ เขาต้องตายแน่ แต่หากแก้กู่ก่อน พิษร้ายก็จะกำเริบ ตายสถานเดียวเช่นกัน

แต่พอคิดถึงเมื่อก่อนที่นางแบกเรื่องแก้กู่ไว้กับตน เขาเกรงกว่ากล่าวออกมานางจะมีความกดดันในใจ มีภาระ และกลัวว่านางจะเข้าใจผิดคิดว่าเขาเร่งเร้านางคิดหาวิธี ดังนั้นจึงลูบศีรษะนางเอ่ย "ใช่ เป็นผลงานของเด็กดีชีชี เอาไว้ชีชีหากระสายครบแล้ว ข้าจะตกรางวัลแก่เจ้าอย่างงาม"

โหลชีมองเขาด้วยดวงตาเฉิดฉาย ถาม "ให้รางวัลอะไรข้า?" ทุกครั้งที่เขาเรียกนางว่าเด็กดี เด็กดีชีชี นางมักรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นเด็ก ถูกเขากอบอยู่ในอุ้งมืออย่างนั้น แม้หวานเลี่ยนไปหน่อย แต่ก็ทำให้รู้สึกหวานชื่นในทรวง

ของของเขาล้วนเป็นของนางหมดแล้ว ไม่รู้จริงๆ ว่ายังมีอะไรมอบให้นางได้อีก

สองมือเฉินซ่าสอดเข้าใต้รักแร้นาง อุ้มนางขึ้นสูงเทียมตน ริมฝีปากแนบชิดข้างใบหูนาง กระซิบ "ข้าถอดเสื้อผ้าให้เจ้าลูบคลำตามอำเภอใจเป็นอย่างไร?"

อุ๊บ

โหลชีปลิ้นตาให้เขาทีหนึ่ง ตบบ่าของเขา "ไร้ยางอายมากขึ้นทุกทีแล้วนะ"

นางคร้านบ้าไปกับเขา บิดตัวลงพื้น มองซ้ายแลขวาแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา "องครักษ์อวิ๋นไปที่ใดแล้ว?"

ก่อนหน้านี้เขาละเลยวัยกระเตาะผู้นั้นไป ยามนี้เมื่อมองเขากลับไม่อยู่แล้ว โหลชีก็ไม่สนใจ คาดว่าคงมาจากทุ่งหญ้ากับองครักษ์อวิ๋น

นางดูออกแล้วว่าที่ตรงนี้ชอบกลอยู่บ้าง ความมึนงงก่อนหน้านี้ คาดว่าต้องเป็นผลจากกลิ่นดอกไม้สองกิ่งนั้นเป็นแน่ แต่เพราะเวลามึนงงสั้น นางจึงไม่ใส่ใจ ในเมื่อมีดอกสามชาตินี้พิสูจน์ผีเสื้อหยก และเวลานี้ผีเสื้อหยกก็อยู่ในมือแล้ว เช่นนั้นดอกนี้...

"ข้าจะไปดูดอกสามชาตินั้นสักหน่อย"

โหลชีเพิ่งจะไปทางดอกไม้สองกิ่งนั้นก็เห็นร่างเงาอวิ๋นปรากฏทางกิ่งดอกไม้นั้น นางขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกแปลกอยู่บ้าง ยืนคิดละเอียดเข้าใจอยู่ตรงนั้น

อันที่จริงกลิ่นดอกไม้นี้ทำให้คนมึนงงชั่วขณะหนึ่งในตอนแรกเท่านั้น แล้วยังมีผลทำให้สับสนอีกอย่างหนึ่ง ทำให้คนมองไม่เห็นทางนั้น ทางนี้เป็นพักๆ อวิ๋นกำลังนำคนสิบกว่าคนเดินไปทางเฉินซ่า นางเดินไปทางดอกไม้สองกิ่งนั้น จิ้งจอกม่วงติดตามนางแบบไม่ห่างแม้แต่ก้าว เงยหน้ามองถุงที่บรรจุผีเสื้อหยกเป็นบ่อยๆ น้ำลายไหลลงมาแล้ว

โหลชีได้แต่ทำเป็นมองไม่เห็น

นางตรวจสอบดอกไม้สองกิ่งนั้น พบว่ายิ่งเข้าใกล้มโนภาพก็ยิ่งทวีความรุนแรง นางยืนอยู่ข้างกิ่งดอกไม้ มองดูรอบๆ ไม่เห็นว่ารอบข้างมีผู้ใดอยู่ แต่ทั้งที่พวกเฉินซ่าอยู่ไม่ไกลนี่เอง แล้วยังสิบกว่าคนอีก

นางคิด ทันใดนั้นก็นึกสนุกขึ้นมา ของสิ่งนี้ดีนี่ นางกำลังอยากใช้กับตรงนั้นอยู่พอดี! ในเมื่อคนเหล่านั้นพกพาระเบิดร้อยทำลายมามากมายเพื่อต่อกรกับนาง หากไม่ให้ของขวัญตอบแทนพวกเขาที่มีระดับสักหน่อย จะคู่ควรกับพวกเขาได้อย่างไร?

คิดเช่นนี้แล้ว นางก็ตัดดอกไม้ทั้งหกแล้วยัดใส่ถุงผ้าใหญ่ใบหนึ่ง แบกไว้ที่บ่าของตัวเอง หลังจากดอกไม้ทั้งหกถูกเด็ดแล้ว กลิ่นหอมก็ค่อยๆ จางลง อวิ๋นที่กำลังสนทนากับเฉินซ่ามองมาอย่างประหลาดใจ รู้สึกเพียงภาพที่เข้าดวงตากระจ่างชัดทุกจุก ไม่มีที่หนใดพร่าเบลอ ไหนเลยยังมีท่าทีงุนงงเหมือนสักครู่

"พระสนม นี่เกิดอะไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะ?"

โหลชีตบถุงผ้าที่ตนแบกไว้ "เด็ดดอกไม้ก็เรียบร้อยแล้ว"

อวิ๋นตะลึง อดถามขึ้นไม่ได้ "ในเมื่อดอกไม้นั้นแปลกมาก พระสนมเด็ดเอาไว้อยู่กับพระวรกายจะอันตรายเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ อาซือ เจ้าไปช่วยสนมแบก"

ชายหนุ่มกำยำเล็กน้อยผู้หนึ่งเดินออกมา

โหลชีกลับไม่ใส่ใจ ยื่นถุงผ้าใบนั้นให้เขา แต่ชายหนุ่มที่เรียกว่าอาซือเพิ่งสะพายถุงผ้าไว้ที่ไหล่ กลิ่นดอกไม้ฉุนที่พักมาถึงจมูกระลอกหนึ่งทำให้ดวงตาของเขาแข็งพลัน จากนั้นก็นั่งลงไปตุบเสียงหนึ่ง

ทุกคนตะลึงงัน แต่โหลชีกลับอดหัวเราะไม่ได้ ยังเดินไปหยิบถุงผ้านั้นถือเอง "ข้าถือเองดีกว่า กลิ่นดอกไม้ดมใกล้ๆ แล้วผลลัพธ์รุนแรงเกินไป คนธรรมดารับไม่ไหว" แค่หกดอกเท่านั้น ไม่หนักสักหน่อย

เฉินซ่ากลับเดินไปข้างตัวนาง หยิบถุงผ้าใบนั้นเหวี่ยงขึ้นบนอากาศ เจ้าขาวแผดเสียงโฉบมารับถุงใบนั้นได้อย่างพอดิบพอดี

โหลชีตะลึง

"อินทรีตัวใหญ่เช่นนี้ แบกของหน่อยจะเป็นไรไป" เฉินซ่าเอ่ย

นี่ก็ใช่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ