ไม่รู้จริงๆ ว่าเหตุใดสองคนนี้จึงปัญญาอ่อนกันเช่นนี้
ครั้นได้ยินถ้อยคำของโหลชี เฉินซ่าก็เม้มริมฝีปากเบือนหน้าไป
โหลชีมองโหลฮ่วนเทียน ในดวงตาของเขาวูบไหวดั่งเพลิง และยังมีน้ำตาซ่อนเร้นอยู่นิดๆ เขาเก็บซ่อนความแตกตื่น โหลชีเห็นเขาเช่นนี้แล้วก็รู้ขึ้นในใจ เขากลับบ้านครั้งนี้ต้องแน่ชัดในฐานะของนางแล้วแน่
เพียงแต่นางนึกว่าครั้นแน่ชัดฐานะของนาง มารดาบังเกิดเกล้าท่านนั้นของนางน่าจะมาพร้อมกับเขาด้วย เพราะพลัดพรากกับบุตรสาวเกือบยี่สิบปีเช่นนั้น จะไม่คิดถึงเลยหรือ?
แต่ยังเป็นโหลฮ่วนเทียนมาเพียงผู้เดียว หากบอกว่าไม่ผิดหวังนั่นเป็นเท็จ แต่โหลชีเยือกเย็นมาตลอด กอปรกับไร้ความรู้สึกกับมารดาบังเกิดเกล้าท่านนั้น ขณะที่นางถูกอุ้มไปอายุเทียมเพิ่งสองขวบ จำอะไรได้?
ความรู้สึกของโหลฮ่วนเทียนนั้นเป็นของจริง นางมองออก แถมเขายังผ่ายผอมกว่าตอนที่เจอกันครั้งก่อนมาก คาดว่าต้องเร่งเดินทางรอนแรมมิหยุดหย่อนเป็นแน่
นางอ้าแขนออกก่อน "พี่ชาย"
โหลฮ่วนเทียนคลี่รอยยิ้มทันที โอบนางสู่อ้อมอกแน่น สูดลมหายใจลึกกล่าว "เสี่ยวชี เจ้าเป็นเสี่ยวชีของข้าโดยแท้"
มารดาของเขาใช้วิชามนต์ ซ่อนวิญญาณเสี้ยวหนึ่งของเสี่ยวชีไว้กับกระดิ่งลมพักวิญญาณ ครั้งนี้เขานำเส้นผมของโหลชีกลับไป ครั้นเข้าใกล้กระดิ่งลมพักวิญญาณ กระดิ่งลมนั้นก็ดังขึ้นโดยไร้ลม มีปฏิกิริยา นี่เครื่องพิสูจน์ว่าโหลชีก็คือเสี่ยวชีของเขา
ถึงครั้งก่อนเขามั่นใจว่าเป็นนาง แต่ครั้งนี้มีหลักฐานยืนยันแล้ว ยังทำให้เขาตื่นเต้นขึ้นอีกครั้ง
"พี่" โหลชีก็แสบจมูกเล็กน้อยเหมือนกัน พลิกมือกอดแผ่นหลังเขา
เฉินซ่าอยู่ด้านข้างมองสองคนที่สวมกอดกันแน่น ดูอย่างไรก็ขัดหูขัดตา สายตาของเขาตกทอดอยู่ที่แขนชายผู้นั้นที่โอบเอวบางของโหลชีอยู่ ในใจมีความบุ่มบ่าม อยากชักกระบี่ดื่มเลือดออกมาเท่านั้น ฟันแขนให้เรียบกับบ่าไปเลย!
แต่ครั้งนี้โหลชีเป็นผู้กระทำ หากเขาทำเช่นนั้นจริง โหลชีคงเอาเรื่องกับเขา เขากลัวแต่นางคิดจากไปอีก
เขาอด
เสี่ยวโฉวกับเอ้อร์หลิงมองอยู่ด้านข้างอย่างอกสั่นขวัญแขวน
อย่างแรก ตกใจที่บุรุษรูปงามเหนือผู้คนนี้เป็นพี่ชายของพระสนม อย่างที่สอง ตกใจที่องค์จักรพรรดิของตัวเองมีเส้นเอ็นเขียวปูดโปนขึ้นที่หน้าผาก แต่ยังกัดฟันแน่น
มือขวาเขากุมที่ด้ามกระบี่แล้ว ท่าทางเช่นนั้นราวกับพบพานคู่อริ พวกนางต่างกลัวว่าเขาจะอดรนทนไม่ได้ชักกระบี่ยาวกับพี่ชายพระสนมจริง
ฝ่าบาท ทนไว้เพคะ!
"เสี่ยวชี เสี่ยวชี ในที่สุดต่อไปข้าก็ไม่ใช่คนเดียวแล้ว ข้ามีเจ้า!" ถ้อยคำประโยคนี้ โหลฮ่วนเทียนกล่าวอย่างสะอื้นเล็กน้อย
โหลชีฟังจนขมวดคิ้ว อดถามขึ้นไม่ได้ "หรือเมื่อก่อนพี่อยู่คนเดียวมาตลอด?"
ชีวิตของเขามิได้สุขสบาย จากการสนทนาครั้งที่แล้วฟังออกได้ว่าตระกูลโหลในยามนี้ข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรงเขาต้องการขึ้นเป็นนายน้อยตระกูลโหลคงต้องทุ่มเทไปมากทีเดียว อีกอย่างหากดูจากตอนนี้ คาดว่าฐานะของเขาคงถูกหยิบยกขึ้นมาถกเถียง ในตระกูลโหลเขาต้องลำบากมากแน่ มิเช่นนี้จะไม่มุ่งมั่นเคลื่อนไหวโดยลับๆ ดึงอิทธิพลออกจากตระกูลโหล ก่อตั้งบุษบาพันธ์สิบสามตึก
แต่เขามิใช่มีมารดาหรือ?
มารดามิใช่คนของเผ่ามนต์ขาวหรือ? ทำกระดิ่งลมพักวิญญาณอะไรขึ้นมาได้ มากน้อยก็ต้องมีฝีมืออยู่บ้างกระมัง หรือว่านางไม่ช่วย?
โหลฮ่วนเทียนหัวเราะแผ่ว เสียงหัวเราะนั้นมีความจนปัญญาและการเย้ยหยันตนเอง "ใช่ เมื่อก่อนข้าตัวคนเดียว แต่ต่อไปก็มีเสี่ยวชีแล้ว ครั้งนี้ข้าจะมาพาเสี่ยวชีกลับไป..." เขากล่าววาจาพลางยกมือขึ้นลูบพวงแก้มขาวดั่งหยกของโหลชี สายตาที่มองนางร้อนระอุและล้ำลึก
มิอาจทนได้จริงๆ!
"เอาเท้าสุนัขของเจ้าออกไป!"
มือหนึ่งของเฉินซ่าตบไปยังบ่าของเขา ขณะเดียวกันอีกมือหนึ่งก็ดึงโหลชีออกจากอ้อมอกของเขา ยื่นมือออกแรงเช็ดใบหน้าของนาง สีหน้าเดือดดาล
"นี่ท่านทำอะไร?" โหลชีถลึงตาใส่เขา "เจ็บๆๆ" นิ้วและฝ่ามือขอเขาล้วนมีตาปลาหยาบกร้าน ออกแรงขัดใบหน้านางเช่นนี้ แทบจะขัดหนังนางหลุดชั้นหนึ่ง
"ใครอนุญาตให้เขาลูบหน้าเจ้า!" เห็นใบหน้านางถูกตนถูจนเกิดรอยแดงเป็นปื้นแล้ว เฉินซ่าถึงหยุดมือ ลูบเบาๆ อย่างละอายใจเล็กน้อย
"นั่นเป็นพี่ชายของข้า พี่แท้ๆ" ทันใดนั้นโหลชีไม่รู้จะโกรธหรือหัวเราะดี หึงไป หึงให้ตลอด เส้นทางการหึงหวงนี้ เขายิ่งเดินก็ยิ่งไกลแล้ว!
เฉินซ่าทำตาขวางกวาดมองโหลฮ่วนเทียน เชอะเย็นทีหนึ่ง "ถึงจะเป็นพี่น้องแท้ๆ ก็ใกล้ชิดกันเช่นนี้ไม่ได้ เห็นว่ายังมีกฎชายหญิงเจ็ดขวบไม่ร่วมโต๊ะ พวกเจ้าโตแล้ว ควรหลีกเลี่ยง!"
เสี่ยวโฉวและคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านข้างต่างผงกศีรษะอย่างไม่รู้ตัว ดำรัสนี้ของฝ่าบาทมีเหตุผล เมื่อครู่ท่าทางนายน้อยโหลกับพระสนมใกล้ชิดกันเกินไปจริงๆ พวกนางมองจนหน้าแดงนิดๆ
โหลชียังไม่ได้กล่าว โหลฮ่วนเทียนกลับเลิกคิ้วเอ่ย "เจ้าจะเป็นน้องเขยของข้าหรือไม่? เราพี่น้องสัมพันธ์ลึกซึ้ง ใกล้ชิดเช่นนี้แล้วจะอย่างไร? มา เสี่ยวชี ข้าหอมๆ หน้าผาก"
"เจ้าลองดูสิ" อายเย็นแผ่ซ่านออกมาจากทั่วร่างเฉินซ่า
โหลฮ่วนเทียนกำหมัดแน่น เสือกอากาศธาตุ "ยังต้องสู้กันสักตั้งใช่ไหม?"
กว่าเขาจะหาน้องสาวสุดที่รักของตัวเองเจอ ในใจเขา นางยังขาวเนียนดั่งหยกแกะสลักในวัยเยาว์ หลายปีมานี้เขาคิดมาตลอด หากได้เติบโตกับน้องสาว ไม่แน่ว่าพี่น้องจะสนิทสนมกันมาก เขาจะเป็นที่พึ่งพิงของนาง หากนางมีความในใจ เขาก็นั่งข้างเตียงนางโอ๋ให้นางอารมณ์ดี โอ๋ให้นางนอนหลับ อบอุ่นเพียงใด
เรื่องเหล่านี้ไม่มีโอกาสทำ ตอนนี้หาพบแล้ว ไม่ว่านางจะเติบโตแล้วหรือไม่ เขาก็ชอบใกล้ชิดกันนางแล้วจะทำไม?
"เจ้าอย่าคิดว่าเป็นพี่ชายของชีชีแล้วข้าจะไม่กล้าฆ่าเจ้า"
"เจ้ากล้าฆ่าพี่ภรรยา?" โหลฮ่วนเทียนร้องขึ้น "เสี่ยวชี สามีเช่นนี้อย่าเอาเลย! ไปๆๆ กลับไปกับข้า ข้าจะหานายน้อยสุดหล่อของตระกูลใหญ่ ข้ามีสหายสนิทคนหนึ่ง หน้าตาไม่แย่ไปกว่าเจ้าหมอนี่ กลับไปแล้วข้าจะพาเขา..."
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ