ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 462

ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ ใบหน้าของเฉินซ่ากับโหลฮ่วนเทียนก็เคร่งขรึมลงมาพร้อมกัน

พวกเขาล้วนไม่ใช่คนโง่ ในสมองย่อมคิดย้อนกลับมาในทันที สามารถทำให้หลงหลินมารายงานด้วยความประหม่าเช่นนี้ได้ น่าจะไม่ใช่คนหรือสิ่งที่ไม่มีความสำคัญอะไรในตระกูลโหล เช่นนั้น ฮูหยิน ย่อมหมายถึงหยุนโยวใช่ไหม คุณหนู? หยุนโยวมีเพียงแค่ลูกชายกับลูกสาวคู่เดียวเท่านั้น คุณหนูย่อมหมายถึง...โหลชี!

"เรื่องที่ท่านหาชีชีเจอ ป่าวประกาศให้ทุกคนรู้ในทันทีเลยหรือ?" เฉินซ่าเหลือบมองไปทางโหลฮ่วนเทียนด้วยสีหน้าไม่พอใจ "ข้านึกว่าไม่น่าจะใครในตระกูลโหลรู้ถึงการดำรงอยู่ของชีชี!"

โหลฮ่วนเทียนขมวดคิ้ว "ไม่มีใครรู้จริงๆ คนที่รู้ว่าท่านแม่ของข้ายังมีลูกสาวอีกคนหนึ่ง ก็มีแค่ไม่กี่คนในตระกูลโหลที่เป็นตระกูลหลักเท่านั้น แต่ว่าหลายปีมานี้ ข้าแค่แอบหาโหลชีอย่างลับๆเท่านั้น ท่านแม่ไม่เคยเอ่ยถึง ทุกคนแทบจะลืมกันไปหมดแล้ว กลับไปครั้งนี้ ข้าก็หาท่านแม่ ไปพิสูจน์กระดิ่งลมพักวิญญาณ ไม่ได้พูดอะไรกับใครเลย"

สีหน้าของทุกคนต่างก็เคร่งขรึมลงมา

เช่นนั้นเรื่องนี้ก็แปลกประหลาดเล็กน้อยแล้ว สิบแปดปีเกือบจะยี่สิบปี การดำรงอยู่ของโหลชีแทบจะไม่มีใครกล่าวถึงเลย ถึงแม้จู่ๆโหลฮ่วนเทียนจะบอกว่าหาน้องสาวเจอ นั่นก็เป็นไปไม่ได้ที่ข่าวจะแพร่ออกไปในทันที ยิ่งไปกว่านั้น โหลชีที่หากลับมายังไม่รู้ว่าจะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไรเลย ทำไมถึงมีคนมาขอแต่งงานถึงบ้านในทันทีได้?

"คนที่มาขอแต่งงานถึงบ้านเป็นใคร? แล้วไปเมื่อไหร่?"

กว่าข่าวจะแพร่มาถึงที่นี่อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาครึ่งเดือนกว่าแล้ว

หลงหลินกล่าวว่า "เป็นข่าวที่ถูกส่งมาจากทางด้านหอบังคับกฎ บอกว่าเป็นวันที่สามที่นายน้อยออกจากตระกูลโหล คนที่มาขอแต่งงานมีสองตระกูล หนึ่งคือตระกูลจิน อีกหนึ่งคือตระกูลหยุนแห่งเผ่ามนต์ขาว!"

"อะไรนะ?"

ถึงแม้โหลชีจะสงบนิ่งแค่ไหน ฟังถึงตรงนี้ก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้เช่นกัน

ตระกูลจิน เมื่อครู่นี้พวกเขาเพิ่งจะพูดถึงตระกูลจิน ท่านจินน่าจะรู้ว่านางคือลูกสาวของตระกูลโหล ตอนที่อยู่ในหุบเทพมารเห็นนางใช้คำสาปเลือดดวงชะตาก็น่าจะเดาออกแล้ว แต่ว่าตอนนั้นตอนที่เขาถามนางก็เคยบอกเขาไปแล้ว ว่าตนเองจะไม่กลับไปตระกูลโหล อีกอย่างเดิมทีท่านจินกับตระกูลโหลก็จะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?

หรือจะเป็นเพราะว่าตระกูลโหลเอาแต่เลื่อนการแต่งงานออกไป พวกเขาถึงได้คิดจะเปลี่ยนลูกสาวตระกูลโหลคนหนึ่งในการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์? แต่ก็เป็นไปไม่ได้นี่นา ก็ท่านจินรู้ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเฉินซ่า......

หากกล่าวว่าตระกูลจินมาขอแต่งงานก็ทำให้พวกเขาตกตะลึงมากแล้ว การขอแต่งงานของตระกูลหยุนแห่งเผ่ามนต์ขาวก็ยิ่งทำให้พวกเขาไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์เข้าไปใหญ่

ไหนบอกว่า หยุนโยวหนีออกมาจากเผ่ามนต์ขาวไม่ใช่หรือ? ตกลงแล้วหยุนโยวแซ่โหลหรือว่าแซ่หยุนกันแน่? แล้วนางมาจากตระกูลหยุนแห่งเผ่ามนต์ขาวใช่หรือไม่?

แล้วตอนนี้ตระกูลหยุนมาร่วมครื้นเครงอะไรด้วย?

โหลชีอดที่จะนวดขมับไม่ได้ จู่ๆนางก็เริ่มอยากจะด่านักพรตเลวอีกครั้งแล้ว ในเมื่อพานางไปถึงยุคปัจจุบัน แล้วก็อาศัยอยู่ในยุคปัจจุบันนานหลายปีขนาดนั้นแล้ว เช่นนั้นก็ปล่อยให้นางอาศัยอยู่ฝั่งโน้นไปตลอดสิ ทำไมจะต้องส่งตัวนางกลับมาที่นี่ด้วย?

ยุ่งเหยิงอะไรอย่างนี้เนี่ย

แต่เมื่อเห็นเฉินซ่า นางก็ยับยั้งความคิดเช่นนี้ลงมา ความคิดเช่นนี้จะให้ท่านนี้ล่วงรู้ไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นบอกว่านางยินยอมที่จะไม่มาที่นี่ไม่เจอกับเขา คาดว่าเขาคงจะต้องบ้าคลั่งอีกแน่

นางถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ถามหลงหลิน: "จดหมายที่หอบังคับกฎส่งมายังว่าอะไรอีก? โหล...ฮูหยินตอบกลับสองตระกูลนั่นอย่างไร?"

หลงหลินยังไม่ทันได้พูด โหลฮ่วนเทียนก็กล่าวว่า: "เสี่ยวชีเจ้าวางใจได้ เป็นไปไม่ได้ที่ท่านแม่จะรับปากเรื่องนี้เด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นตระกูลจินหรือว่าตระกูลหยุน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรับปาก"

เฉินซ่าฮึออกมาคำหนึ่ง: "ข้าจะทำลายล้างตระกูลจินตระกูลหยุนอะไรนั่นซะ!"

เขาไม่สนใจหยุนโยวตระกูลโหลอะไรนั่นหรอก ถ้าหากนางกล้ารับปากการขอแต่งงานของสองตระกูลนั่นจริงๆ......เขามองไปทางโหลชี ขมวดคิ้ว ก็ไม่รู้ว่าชีชีจะมีความรู้สึกผูกพันกับแม่ผู้ให้กำเนิดคนนั้นหรือไม่ ถ้าเขาฆ่าผู้หญิงคนนั้น ชีชีจะแตกหักกับเขาใช่ไหม?

ดังนั้นแล้ว การนับเครือญาติเป็นอะไรที่น่ารำคาญที่สุด

ฝ่าบาทผู้ยิ่งใหญ่แสดงออกว่าจิตใจห่อเหี่ยวมาก

ทั้งสามจ้องมองไปที่หลงหลินรอคำตอบของเขา หลงหลินแสดงออกว่ากดดันมาก เหงื่อเย็นกำลังจะไหลลงมาแล้ว แต่ก็ยังรักษาน้ำเสียงตอบกลับไปว่า: "ฮูหยินกล่าวว่า...ให้นางพิจารณาก่อน......"

เมื่อคำพูดนี้ออกมา ความกดอากาศของบริเวณโดยรอบเย็นลงมากะทันหัน ถ้าหากสายตาเหมือนดั่งมีด หลงหลินรู้สึกว่าตนเองคงถูกสายตาคมกริบของจักรพรรดิแห่งพั่วอวี้ตัดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้ว แต่ว่าเขาไม่พูดไม่ได้นี่นา......

"ไม่ได้ปฏิเสธไปโดยตรง แต่จะพิจารณาดูก่อน? หือ?" ใบหน้าของเฉินซ่าดำจนใกล้จะหยดเป็นน้ำหมึกอยู่แล้ว ชีชีตกลงมาในอ้อมแขนของเขาจากฟากฟ้า กว่าครึ่งปีที่ผ่านมานี้พวกเขาจับมือฟันฝ่าอุปสรรคผ่านลมผ่านฝนมาด้วยกัน ยังเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วหลายครั้งหลายครา คนพวกนั้นถือเป็นตัวอะไรกัน? กล้าดีอย่างไรมาแย่งเมียกับเขา?

ชั่วขณะหนึ่ง ไอสังหารบนร่างกายของเฉินซ่าแผ่ซ่านออกมา เสี่ยวโฉวกับเอ้อร์หลิงสองคนที่ไม่มีวรยุทธรู้สึกเพียงแค่ว่าอึดอัดแน่นหน้าอก สีหน้าซีดขาวไปหมด

โหลชีเห็นพวกนาง ก็รีบโอบแขนของเขาเอาไว้ทันที กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน: "นอกจากตัวข้าเองแล้ว ใครจะสามารถตัดสินใจเรื่องการแต่งงานของข้าได้? ท่านยังไม่เชื่อข้าอีกหรือ?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ