เขาก็ไม่ลองคิดดูเลย ว่านี่ถ้ามองมาจากอีกด้านหนึ่ง ก็คือโหลชีไม่ได้เอาแม่คนนี้ใส่เข้าไปในใจเลย
เพียงแต่ว่าถึงแม้เขาจะรู้ ก็ยังรู้สึกว่ามีเหตุผลพอที่ให้อภัยได้ ถึงอย่างไรในตอนนี้ในใจของโหลฮ่วนเทียน ไม่ว่าโหลชีจะคิดอย่างไรก็เป็นเรื่องถูกต้องทั้งหมด ไม่ว่าจะทำอะไรเขาก็สนับสนุนทั้งนั้น
บนโลกใบนี้ ก็มีเพียงนางแค่คนเดียวที่ใกล้ชิดกับเขาที่สุด สายเลือดผูกพันกัน เขายังจำได้อยู่เสมอ ตอนที่นางยังเป็นเด็กน้อยตัวเล็กๆ ท่าทางนุ่มๆนิ่มนั้น เขาบีบไปที่มือเล็กๆของนาง รู้สึกเหมือนหัวใจกำลังจะละลาย
บวกกับหลายปีมานี้ ถึงแม้เขาจะอยู่ข้างกายท่านแม่ แต่ว่าท่านแม่......
ถึงแม้ว่าจะไม่ดีที่พูดถึงท่านแม่ในทางที่ไม่ดี แต่ว่าในความเป็นจริง ท่านแม่ก็แค่ดูแลอาหารการกินของเขา เย็บเสื้อผ้าและถุงเท้าให้เขาเท่านั้น ไม่ได้พูดอะไรอย่างอื่นกับเขาอีก
ตอนนี้เขายังถึงขั้นเกิดความสงสัยด้วยซ้ำ สิ่งที่ท่านแม่เล่าให้เขาฟังก่อนหน้านี้ เรื่องราวเกี่ยวกับท่านพ่อและน้องสาว จะเป็นความจริงทั้งหมดหรือไม่
โหลชีรู้สึกหมดคำจะพูดเล็กน้อย นางรู้สึกว่าตนเองไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคำว่าเป็นเด็กดีน่ารักเลยสักนิด แต่เมื่อฟังเขาพูดเช่นนี้ จู่ๆนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าบางครั้งเฉินซ่าก็จะเรียกนางว่าชีชีเด็กดี แต่ว่านั่นล้วนเป็นเวลาที่สนิทสนมแนบแน่นกับนางเท่านั้น......
จู่ๆหน้าของนางก็แดงขึ้นมา แอบบ่นตัวเองเงียบๆ ตอนนี้คิดถึงเขาก็ยังทำให้หน้าแดงแล้วก็ใจเต้นแรง และอีกอย่าง......นางก็ชอบให้เขาจูบตัวเองด้วย
"เสี่ยวชี? เสี่ยวชี?"
โหลฮ่วนเทียนมองดูนางด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ จู่ๆก็หน้าแดงท่าทางเขินอายขึ้นมากะทันหัน
"เอิ่ม? พี่ชายท่านพูดว่าอะไรนะ?"
"เฮ้! พี่ไม่ชอบให้เจ้าคิดถึงผู้ชายคนอื่นต่อหน้าพี่นะ!" โหลฮ่วนเทียนตะโกนขึ้นมา
โหลชีกลอกตามองบน "พูดอะไรน่ะ!" ทำหยั่งกับว่านางเป็นดอกซิ่งแดงออกนอกกำแพงคบชู้สู่ชายอย่างนั้นแหละ พวกเขาคือพี่น้อง พี่ชายกับน้องสาว! คำพูดนี้หากเฉินซ่าได้ยินเข้า ไม่รู้ว่าจะก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีก
แต่ว่าหลังจากที่เขาเอะอะเช่นนี้ อารมณ์หดหู่ที่เกิดจากการฟังเรื่องปฏิกิริยาตอบสนองแปลกประหลาดของหยุนโยว ก็ลดลงไปไม่น้อย ทั้งสองคนกินอาหารกันไปเล็กน้อย โหลชีถามขึ้นมาอย่างเป็นกันเองคำหนึ่ง "ตอนนี้ตระกูลโหลเกิดเรื่องอะไรหรือ?"
"สองปีมานี้ตระกูลโหลมีปัญหากวนใจไม่หยุด" โหลฮ่วนเทียนขมวดคิ้ว นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา "กลับไปครั้งนี้ข้าได้ยินเรื่องบางอย่างเข้า เดิมทีมีลูกสาวคนหนึ่งในเครือญาติของตระกูลโหลต้องแต่งงานกับตระกูลจิน แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรวันแต่งงานถึงเลื่อนแล้วเลื่อนอีก ครั้งนี้ตระกูลจินหาไปถึงตระกูลโหลสายหลักโดยตรงเลย เถียงกันไปมาไม่มีที่สิ้นสุด"
ในใจโหลชีเต้นตึกตักขึ้นมา
ตระกูลจิน!
ในตอนนั้นท่านจินบอกว่าจะหาจิ้งจอกม่วงก็เพื่อมอบมันให้กับหลานสะใภ้ในอนาคตคนนั้นของเขา ต่อมาระหว่างทางที่กลับมาก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จิ้งจอกม่วงถูกคนอื่นจับไปประมูลขายที่โรงพรรณยา ถูกนางพบเข้าพอดี
เพียงแต่ว่าในใจของนางรู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยของท่านจินมาโดยตลอด แล้วก็ไม่รู้ว่าจะไปหาข่าวจากที่ไหน เพราะอย่างไรเสียนางก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตระกูลจินอยู่ที่ไหน ข่งซิวน่าจะรู้ แต่ว่าหลังจากที่แยกจากข่งซิวครั้งก่อนก็ไม่มีข่าวคราวมาตลอด นางก็ไม่รู้ว่าจะไปหาที่ไหนเช่นกัน
"ตระกูลจินนี่ ท่านพี่รู้จักหรือไม่?"
"ย่อมรู้อยู่แล้ว ตระกูลจินก็ถือว่าเป็นตระกูลใหญ่เช่นกัน เพียงแต่ว่าหลายปีมานี้ลูกหลานของตระกูลจินคนไหนที่มีแววทางด้านศิลปะการต่อสู้เลยสักคนเดียว แต่ละคนไปเป็นบัณฑิตกันขึ้นมา ท่านจินที่มีวรยุทธสูงที่สุดก็ไม่อยู่บ้านตลอดทั้งปี ฝั่งโน้นใช้วรยุทธเป็นที่ตั้งในการให้ความเคารพนับถือ ย่อมมีสัญญาณของการเสื่อมถอยเล็กน้อยอยู่แล้ว"
"ได้ยินมาว่าลูกสาวเครือญาติตระกูลโหลคนนั้นหน้าตาสะสวยเหมือนดอกไม้ราวกับพระจันทร์ แม้แต่ในตระกูลหลักก็ไม่มีลูกสาวคนไหนสามารถเทียบได้ ดังนั้นตระกูลโหลจะมีความคิดอย่างอื่นก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน"
ตนเองจะแต่งงาน แต่ขอให้ปู่ช่วยหาจิ้งจอกม่วงมาให้เมียที่ยังไม่ได้แต่งเข้าบ้านของตนเอง หลานชายของท่านจินคนนั้น โหลชีก็ไม่ได้มีความประทับใจที่ดีเท่าไหร่นัก
แต่ว่าฟังโหลฮ่วนเทียนพูดเช่นนี้ขึ้นมา ตระกูลโหลก็น่าจะค่อนข้างจะไร้ยางอายอยู่ นี่คือมีความคิดที่จะยกเลิกการแต่งงานใช่ไหม
"ท่านพี่ได้ยินข่าวของท่านจินไหม?"
"เจ้ารู้จักนายท่านใหญ่ของตระกูลจินคนนั้นหรือ?" โหลฮ่วนเทียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ตระกูลจินตระกูลโหลเป็นของแผ่นดินใหญ่ซื่อฟาง แต่ว่าพวกเขาเป็นตระกูลใหญ่ที่ตัดขาดจากโลก น้อยคนที่จะรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนกันแน่ ดูลึกลับอย่างมาก
มีแต่ตระกูลพวกนี้เท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดินแดนที่พวกเขาอยู่ มีส่วนที่คล้ายคลึงกับลัทธิสิ้นโลกีย์ นั่นคือลัทธิสิ้นโลกีย์อยู่ระหว่างแผ่นดินใหญ่ซื่อฟางกับแผ่นดินใหญ่หลงหยิน จากที่นี่หากจะไปแผ่นดินใหญ่หลงหยิน ต้องผ่านลัทธิสิ้นโลกีย์
และสถานที่ที่บรรดาตระกูลของพวกเขาอยู่ หันหน้าไปทางแผ่นดินใหญ่หลงหยิน แต่กลับมีร่องลึกกว้างใหญ่ที่มีอันตรายพอที่จะตัดขาดการจราจร รู้แต่ว่าทิวเขาไร้ขอบเขตที่มองจากไกลๆนั่นก็เป็นของแผ่นดินใหญ่หลงหยินแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ข้ามไปไม่ได้ แต่ว่าทางด้านแผ่นดินใหญ่หลงหยินกลับมีคนรู้สถานการณ์บางอย่างของที่นี่ ในอดีตก็มีคนจากแผ่นดินใหญ่หลงหยินที่ผ่านมาทางลัทธิสิ้นโลกีย์ ไม่ได้ไปไกล เพียงแต่ไปถึงแค่เขตแดนของพวกเขาเท่านั้น มีการค้าขายแลกเปลี่ยนเล็กน้อยกับพวกเขาเท่านั้น
หลายสิบปีก่อนยังมีคนจากแผ่นดินใหญ่หลงหยินหลงรักหญิงงามจากตระกูลฝั่งนี้ แล้วพาไปที่แผ่นดินใหญ่หลงหยิน บางครั้งก็จะส่งของดีที่ฝั่งนี้ไม่มีกลับมาให้คนในตระกูล และเป็นเพราะเหตุนี้ ในใจของบรรดาตระกูลในเขตแดนของพวกเขาต่างก็รู้สึกอยู่เหนือกว่าแผ่นดินใหญ่ซื่อฟาง ถึงขั้นมีคนหลอกตนเองและหลอกคนอื่นนึกว่าตัวเองเป็นคนของแผ่นดินใหญ่หลงหยินแล้ว
แม้แต่โหลฮ่วนเทียนเอง ถึงแม้จะไม่มีความคิดเช่นนี้ แต่ว่าได้รับอิทธิพลจากสิ่งที่ได้เห็นและได้ยินเป็นประจำมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเอ่ยขึ้นมาก็ยังจะพูดว่าฝั่งโน้นฝั่งโน้น รู้สึกว่าเขตแดนแถบนั้นแตกต่างจากที่อื่นๆของแผ่นดินใหญ่ซื่อฟาง
และเป็นเพราะเหตุนี้ โหลชีรู้จักนายท่านใหญ่ของฝั่งโน้นคนหนึ่ง โหลฮ่วนเทียนก็ยังคงรู้สึกประหลาดใจมาก
"รู้จัก" ไม่ว่าคนอื่นๆในตระกูลจินจะเป็นอย่างไร ช่างพวกเขาจะเรียนวรรณคดีหรือว่าศิลปะการต่อสู้ ความประทับใจที่โหลชีมีต่อท่านจินก็ถือว่าไม่เลวเลย
โหลฮ่วนเทียนกล่าวว่า: "ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้ท่านจินได้รับบาดเจ็บ กลับบ้านไปพักฟื้น ครั้งนี้ตระกูลจินมาที่ตระกูลโหล หนึ่งในเหตุผลที่สำคัญที่สุดก็คือท่านจินกล่าวว่า เห็นหลานแต่งงานอารมณ์ของเขาจะดีขึ้นมาก"
โหลชีโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง หมายความว่า ท่านจินยังไม่ตาย เพียงแต่ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น หรือว่าไปเจอกับศัตรูอะไรเข้าล่ะมั้ง
"ตระกูลโหลใช้เหตุผลอะไรในการเลื่อนการแต่งงานครั้งแล้วครั้งเล่า?" นางกล่าวถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย
โหลฮ่วนเทียนเผยสีหน้าท่าทางเย้ยหยันออกมา: "มีเหตุผลสารพัดอย่าง หนึ่งในนั้นดูเหมือนจะเป็นสินสอดทองหมั้นที่ตระกูลจินรับปากเอาไว้ยังไม่ได้ส่งมาให้ตามที่สัญญา"
เมื่อพูดขึ้นมาเช่นนี้ เพราะไม่ได้ส่งจิ้งจอกม่วงไปก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน
แต่ว่า วันแต่งงานที่กำหนดเอาไว้เลื่อนแล้วเลื่อนอีก ก็สามารถดูออกว่า ตระกูลโหลไม่มีความน่าเชื่อถือและกฎระเบียบใดๆเลยจริงๆ
ในเมื่อโหลชีรู้ว่าท่านจินสบายดี ก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้ต่อไปอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ