ต้นไม้ทุกต้นล้วนเหลือแค่ใบไม้ไม่กี่ใบห้อยอยู่เท่านั้น มองขึ้นไปแล้วไม่มั่นคงเอาเสียเลย บนพื้นเต็มไปด้วยใบไม้และกิ่งไม้แห้งเล็กๆ เหยียบขึ้นไปแล้วเสียงดังแกร๊กๆ ซึ่งในค่ำคืนอันเงียบงันเช่นนี้ เสียงนี้ชัดเจนมาก ทำให้คนสั่นสะท้านเล็กน้อย
ถึงแม้ใบไม้ตกหล่นไป แต่ต้นไม้ในป่านี้แต่เดิมคงงอกงามมาก เพราะต้นไม้แตกกิ่งออกไปมากมาย ดูสลับซับซ้อน ทำให้มองไม่ค่อยเห็นบริเวณลึกของป่า
โหลชีถือไข่มุกเรืองแสงหลานไห่ในมือ แสงจางๆไม่สว่างมาก แต่พอที่จะส่องแสงให้รอบตัวพวกเขาได้
เฉินซ่ามองไปดูใบไม้ที่อยู่ใต้ขา เอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ"ใบไม้พวกนี้มิได้ตกหล่นตามธรรมชาติ"
"ใช่แล้ว แม้ว่าจะมีใบสีเหลืองจำนวนมาก แต่ก็ยังมีใบสีเขียวอยู่ด้วย ไม่ใช่ร่วงตามฤดูกาล เป็นเพราะฝีมือของมนุษย์"
ทหารที่นำทางนั้นเดินอยู่หน้าสุด เดิมทีกำลังฟังคำพูดของพวกเขาอยู่ แต่อยู่ๆก็รู้สึกว่ามีเงาผ่านหน้าไป ทำให้เขาตกใจมาก
โหลวซิ่นก็เดินตามมาเช่นกัน เขาเป็นคนที่ดูแลเฉิงสิบมาทั้งวัน แต่โหลชีบอกกับเขาว่า ต้องคลุมทั้งตัวเอาไว้ เขาก็ได้ทำตาม บัดนี้ก็เลยยังไม่ได้ติดเชื้อ
ในเมื่อโหลชีได้มาที่กองทัพ ส่วนโหลวซิ่นเดิมทีก็เป็นองครักษ์ของนาง ดังนั้นนางมีเรื่องอะไรก็เลยสั่งเขาไว้ ส่วนหลงเอี๋ยน ชินกับการซ่อนอยู่ที่มืดแล้ว โหลชีรู้ว่าเขาติดตามอยู่ตลอด ก็เหมือนเทียนอิ่งนั่นแหละ
"ทำไมเจ้าถึงกับตกใจเช่นนี้?"โหลวซิ่นก็ตกใจเพราะท่าทางของทหารคนนั้น เนื่องจากแต่เดิมแสงจันทร์ก็ดูเงียบเหงา และไข่มุกเรืองแสงหลานไห่ก็ส่งแสงน้ำเงินอันมืดมัวอีก พอสะท้อนไปที่กิ่งไม้ที่สลับซับซ้อนเหล่านี้ ก็ดูน่ากลัวอยู่เช่นกัน
"เมื่อกี้ข้าเหมือนจะเห็นมีคนอยู่ข้างหน้า"ทหารชี้ไปตอนลึกของป่า
โหลวซิ่นผลักเขาออกไป ส่วนตัวเองเดินหน้าไปหลายก้าว แล้วใช้กระบี่ปัดกิ่งไม้ออกส่วนหนึ่ง จากนั้นก็เห็นผ้าหลายผืนพันรอบต้นไม้ต้นหนึ่ง กำลังปลิวไสวไปตามลมกลางคืน
เขาหันหน้ามา"เป็นแค่ผ้าเท่านั้นเอง"
ทหารคนนั้นเบาใจลง"ข้าอาจจะมองผิด"
โหลชีและเฉินซ่าเดินไปข้างหน้า ทั้งสองคนล้วนรู้สึกมีอะไรผิดปกติ
"ที่นี่ไม่มีนกสักตัว"เฉินซ่าพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
"ไม่ใช่แค่นก แม้กระทั่งหนอนตัวหนึ่ง หรือแมลงตัวหนึ่งยังไม่มีเลย"มันเงียบและสะอาดเกินไป จนดูไม่เหมือนเป็นป่าแห้งแล้ง ดังนั้นถึงรู้สึกแปลก
พอเดินไปหลายก้าว โหลวซิ่นก็พูดอย่างประหลาดใจอีก"เอ๊ะ ที่นี่มีผ้าผูกไว้อีกแล้ว แปลกจริง"
ถ้าเป็นผ้าที่ผูกไว้ตามต้นไม้ในวัด จะเป็นการขอพร ส่วนขนบธรรมเนียมของบางที่การผูกผ้าขาวเป็นการขจัดสิ่งที่เป็นเสนียดจัญไร ส่วนบางที่ที่ประหลาดหน่อยก็จะเป็นการขับไล่ผีน้อย แต่การผูกผ้าในป่าที่แห้งแล้งแบบนี้หมายความว่าอย่างไรล่ะ?
พอเดินเข้าไปอีกหน่อย ผ้าที่ผูกบนต้นไม้ก็มากขึ้นเรื่อยๆ ปลิวไสวไปตามสายลม และยังมีกลิ่นคาวเลือดที่ประหลาดด้วย
เอ๊ะ กลิ่นคาวเลือด?
สีหน้าของเฉินซ่าเปลี่ยนทันที ตะโกนว่า"ถอยออกไป!"ในขณะที่พูด เขาก็จับมือโหลชีแล้วถอยไปข้างหลัง
ถึงแม้เขาจะเร็ว แต่กลไกเร็วกว่าเขาอีก
อยู่ๆเสียงซิ่วๆๆก็ดังขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในของกิ่งไม้พวกนั้นมีลวดเหล็กที่บางเหมือนเส้นผมอันนับไม่ถ้วนยิงออกมา ภายใต้แสงจันทร์อันมืดมัว มันได้ส่องประกายสีน้ำเงินจางๆ จึงเห็นได้ชัดว่ามีพิษอยู่บนนั้นด้วย ลวดเหล็กพวกนี้พอยิงออกมาแล้วก็ไปพันกับกิ่งไม้อื่นๆ พันเกี่ยวกันอย่างสลับซับซ้อน ไม่นานก็สานเป็นตาข่ายที่แน่นขนัด
หากฝีมือการต่อสู้แย่กว่านี้หน่อย ก็จะถูกลวดเหล็กจำนวนนับไม่ถ้วนยิงทะลุเข้าไปทันที ไม่ก็ถูกยิงตาย ไม่ก็โดนพิษตาย เฉินซ่ากอดโหลชีเอาไว้ ถึงแม้หลบได้ แต่ทางถอยก็ถูกปิดกั้นหมด
รอบข้างพวกเขาอัดแน่นไปด้วยลวดเหล็กที่มีพิษ ถ้ามีกิ่งไม้หักขึ้นมา ลวดเหล็กก็จะเด้งกลับทันที จากนั้นไปตัดลวดเหล็กอื่นๆ ทำให้ลวดเหล็กยิงมาเป็นจำนวนมาก
โหลวซิ่นยืนอยู่ข้างๆพวกเขา จับกระบี่ในมือไว้อย่างแน่น
ในที่ไม่ไกล ทหารที่นำทางนั้นถูกลวดเหล็กสิบกว่าเส้นยิงทะลุร่างกายแล้ว แม้ร่างกายของเขายังแข็งอยู่ แต่ไร้ซึ่งลมหายใจแล้ว เห็นได้ชัดว่าตายไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
บัดนี้โหลชีถึงเห็นว่ามีหนอนสีแดงลักษณะคล้ายด้ายคลานออกมาจากโพรงจมูกของเขา ซึ่งลำตัวยาวมาก หัวข้างหนึ่งคลานไปถึงท้องของเขา แต่อีกข้างหนึ่งยังอยู่ในจมูก
แม้เป็นนาง ในฐานะที่คุ้นเคยกับของที่ประหลาดและน่าขยะแขยงเหล่านี้แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะคลื่นไส้ ในขณะเดียวกันก็เกิดความรู้สึกพ่ายแพ้ขึ้นมา
นางจะไม่รู้ได้อย่างไรล่ะ นี่เป็นพิษกู่
นางถอนพิษได้ ถอนคำสาปแช่งได้ แต่ยกเว้นพิษกู่ นางมีความเข้าใจเพียงเล็กน้อย ดังนั้นนางไม่เพียงแต่ถอนกู่ปลิดชีพของเฉินซ่าไม่ได้ แม้กระทั่งเมื่อกี้ที่ทหารคนนั้นโดนพิษกู่มาก่อนแล้ว นางก็มองไม่ออก
"กู่ชนิดนี้เป็นหนึ่งในกู่ล่อใจ"อยู่ๆเสียงทุ้มต่ำของเฉินซ่าก็ส่งมา "ดูเหมือนว่า เราถูกล่อมาที่นี่โดยเจตนา"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ