"ผู้อาวุโสใหญ่แห่งเขาเวิ่นเทียน ก็แค่นี้เอง" เฉินซ่ายิ้มมุมปาก เห็นได้ชัดว่าเขาสบายๆ ประหนึ่งกำลังรับมือคนกระจอกคนหนึ่งเท่านั้น ท่าทางเช่นนี้ของเขาทำผู้อาวุโสใหญ่โกรธจนหายใจกระชั้น
เขาแค่นเสียงเย็นว่า "งั้นต้องดูว่าใครจะสามารถยืนอยู่ถึงตอนสุดท้าย" เฉินซ่าเห็นฝ่ามือเขาเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานก็มีประกายไฟขึ้น
"หัตถ์ระเริงไฟ?"
เฉินซ่ายิ้มบางขึ้น "หรือว่าเจ้าไม่รู้ว่า จางมิ่งเองก็พ่ายแพ้ด้วยน้ำมือข้ามาแล้ว?" ใช้วิธีของมันมารับมือเขา น่าขันยิ่งนัก
กระบี่ดื่มเลือดปรากฏขึ้นกลางหน้าอก ตวัดฟันออกไป ไออำมหิตระเบิดออก จนทำผู้อาวุโสใหญ่ถอยร่นไป
ห่างไปไม่ไกล ซู่หลิวอวิ๋นขวางกั้นหน้าโหลชี จ้องมองนางอย่างเย็นชา "โหลชี คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า"
โหลชีสะบัดมือ ดึงศิษย์เขาเวิ่นเทียนเข้ามาคนหนึ่งแล้วสลัดออกไป และกลับหลังหมุนตัวกับที่หนึ่งครั้ง แส้ปลิดวิญญาณตวัดไปทางซู่หลิวอวิ๋นราวกับงูที่มีชีวิต
"นางฟ้าหลิวอวิ๋น เหอะเหอะ"
ถึงนางจะไม่ได้พูดอะไร แต่แค่ไม่กี่คำนี้ ก็เหมือนกับมีธนูแหลมคมพุ่งเข้าปักกลางใจซู่หลิวอวิ๋นทันที ในเวลาเดียวกันมันยังบิดจนนางแทบหายใจไม่ออก
การดูถูกเย้ยหยันเยี่ยงนี้ มองนางประดุจขยะโสมม
นางเคยโดนเหยียดหยามดูถูกเยี่ยงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
"ในที่สุดเฉินซ่าต้องเป็นของข้า" ระหว่างที่โกรธจัด นางก็ไม่สนใจอย่างอื่น คิดออกแค่เพียงสิ่งนี้ ในสายตานาง การแย่งชิงเฉินซ่าไปเท่ากับเป็นการทำลายโหลชี ระหว่างพูด นางสะบัดแขน ผ้าไหมขาวยาวสองผืนถูกกำลังภายในตวัดซัดเข้าไปที่หน้าอกของโหลชี
โหลชีหมุนร่าง นิ้วมือกดปุ่ม แส้ปลิดวิญญาณก็ยิงมีดบินเล็กๆออกมา ตัดผ้าไหมยาวนั้น ในเวลาเดียวกันนางก็พูดเสียงเรียบว่า "แม่แท้ๆเจ้าพึ่งพุ่งชนเสาฆ่าตัวตายไป เจ้าไม่แม้แต่จะชายตาแล ในใจกลับคิดถึงแต่บุรุษ เจ้าว่านางน่าสมเพชหรือไม่?"
"เกี่ยวอะไรกับเจ้า!"
พอซู่หลิวอวิ๋นแค้น ก็ยิ่งลงมือรวดเร็วมากขึ้น ผ้าไหมยาวที่พันสองมืออยู่ก็ร่ายระบำอย่างเกิดเสียงไปมา แต่ละกระบวนท่ามีเป้าหมายเดียวคือ รัดโหลชีให้แนบแน่น รัดจนนางไม่มีทางหายใจ วิทยายุทธ์ของซู่หลิวอวิ๋นไม่เลวเลย แต่ไม่ว่านางจะพยายามแค่ไหน ผ้าไหมนั่นก็ไม่โดนตัวโหลชีเสียที และยังโดนนางตัดจนกลายเป็นเส้น สะสมกองเป็นเศษผ้าลอยหล่นลงพื้น
อวิ๋นไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ฆ่าอย่างเงียบเชียบ ฆ่าฆ่าฆ่า
เขา ดุดันยิ่งนัก รอบกายเขามีคนจำนวนไม่น้อยคิดจะหาทางรุมเขาด้วยจำนวนคนที่มากกว่า แต่ก็โดนอวิ๋นซัดไม่กี่กระบวนท่าก็หมอบแล้ว
อามู่ตามหลังเขามา บางครั้งเขาโยนพวกจะตายมิตายแหล่มาให้ นางก็เข้าไปช่วยซ้ำสักกระบี่สองกระบี่เท่านั้น
นางมองแผ่นหลังกว้างใหญ่ของอวิ๋น ทั้งๆที่อยู่ในสถานการณ์อันตรายโดนวงล้อมแบบนี้ กลับรู้สึกทั้งเจ็บปวดและหวานล้ำ อามู่เฉลียวฉลาดจึงมองออกว่า อวิ๋นกำลังปกป้องนาง แต่ไม่ยอมให้นางรู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์ เลยให้นางขยับกายบ้าง
แต่ที่นางไม่เข้าใจคือหัวใจของเขา
เขาดีกับนาง ปกป้องนาง นี่เป็นการปกป้องที่มีให้กับสตรีคนหนึ่งหรือปกป้องน้องสาวคนหนึ่ง? นางมองดูเขา พลางรู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมา
"ทำอะไร? เวลานี้สมควรมาเหม่อลอยรึ?" มีลมพัดโกรกมา ก่อนนางจะรู้ตัวก็โดนอวิ๋นอุ้มขึ้นมา นางเงยหน้าขึ้น สบเข้ากับใบหน้าโกรธขึ้งของเขา
"พี่อวิ๋น ข้าทำไมรึ?"
"ทำไมรึ? มองดูใต้เท้า!" อวิ๋นโกรธมาก อามู่ก้มหน้าลงมอง ถึงพบว่าพื้นที่ตนกำลังจะก้าวเท้าไปกลายเป็นหลุมลึกมาก นางตัวเล็กแค่นี้ หลุมนั่นใหญ่กว่านางมากนัก เกิดตกลงไปจริงๆจะทำอย่างไรดี? อามู่เห็นเขาโกรธจัด ก็คอย่นพูดเสียงอ่อยว่า "ขอโทษพี่อวิ๋น ข้าจะระวัง"
พึ่งพูดจบ นางก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน ในวินาทีสุดท้าย นางเห็นอวิ๋นสีหน้าเปลี่ยน มองไปอีกทางหนึ่ง กอดนางจะกระโดดขึ้น หากแต่ร่างพวกเขากลับร่วงหล่นอย่างรวดเร็ว
นางยังได้ยินเสียงฝ่าบาทร้องเรียกพระสนม น้ำเสียงนั้นทั้งร้อนใจและหวาดกลัว
จากนั้นก็ไม่รับรู้อะไรแล้ว
พอโหลชีตื่นมาก็อดยิ้มเศร้าไม่ได้ จะหาว่าดูเบาศัตรูไม่ได้ เพราะใครก็ไม่คาดคิดจริงๆว่า เขาเวิ่นเทียน....
ภูเขาทั้งลูกเป็นโหว่ทั้งนั้น
ใช่ ภูเขาทั้งลูกเป็นโหว่ พื้นของตำหนักชมจันทร์นั่นจัดวางกลไกขนาดใหญ่เอาไว้ ทั่วทั้งตำหนักมีทางเข้าแค่ทางเดียว
ใครเลยจะคิดว่า เขาเวิ่นเทียนจะยอมเสียกำลังคนกำลังทรัพย์และทรัพย์สินมากมายขนาดนี้ จัดวางกับดักใหญ่ปานนี้ เพื่อเพ่งเล็งมาที่เฉินซ่า ขนาดยอดฝีมืออันดับต้นๆจำนวนสองร้อยคนของสามภูเขาหนึ่งอุทยานล้วนนำมาล่อลวงพวกเขา มาตายเป็นเพื่อน
จำต้องพูดจริงๆว่า คนอย่างพวกผู้อาวุโสใหญ่ ใจใหญ่พอ และชั่วช้าพอ
ใช่ ในวินาทีที่ขนาดศิษย์ยอดฝีมือของพวกเขาก็ร่วงหล่นลงมาด้วย โหลชีก็เข้าใจแผนการนี้ แต่มันสายไปแล้ว พื้นดินทั้งหมดเอียงเทหมดแล้วพลิกกลับปิดลง หลังจากพวกเขาตกลงมาแล้ว พื้นด้านบนทั้งหมดเอียงเทหมด และก็ปิดกลับอย่างหนัก เพราะตัวอยู่ในใจกลางภูเขา เสียงที่ปิดทับกลับนั้นดังสนั่นสะท้อนไปมาและยังมีแรงสั่นสะเทือนแถมมาด้วย พวกเขาโดนสะเทือนเสียจนเลือดลมแล่นพล่าน จากนั้นก็สลบไป
ในวินาทีนั้นโหลชีคิดว่าครั้งนี้คงตายแน่แล้ว
เฉินซ่าจะพุ่งเข้าหานางในยามหน้าสิ่วหน้าขวานนั่น แต่โดนผู้อาวุโสใหญ่สกัดไว้...
ใช่ เฉินซ่าล่ะ?
นางน่าจะคิดได้ตั้งแต่แรก ในเมื่อพวกเขาต้องให้เฉินซ่าไปแก้การกักขังกองทหารห้าหมื่นนายนั่น แล้วจะฆ่าเขาได้ยังไง? แต่พวกเขาเองก็น่ารู้เรื่องที่ในตัวเฉินซ่ามีพิษกู่ที่แข็งแกร่งและร้ายกาจที่สุดอยู่ การวางยาพิษหรือลงกู่ไม่มีผลกับเขา ด้านวิทยายุทธ์ ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเขา ดังนั้นต้องใช้เล่ห์กล ใช้กลไกที่แข็งแกร่งที่สุดมากักขังเขาไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ