ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 492

ซู่หลิวอวิ๋นในเวลานี้ถึงจะดูมืดมนไปทั้งตัว แต่ก็ไม่ได้มีท่าทางสิ้นหวังอาดูรแบบนั้น เห็นได้ชัดว่า นางได้สติกลับมาแล้ว

ความอดทนของซู่หลิวอวิ๋นเรียกได้ว่าสูง ในเวลาเดียวกันนางก็เป็นคนรักตัวกลัวตาย ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม นางไม่มีทางฆ่าตัวตายเหมือนที่คนเป็นทั้งแม่และอาหญิงแท้ๆของนางทำ

พูดอีกอย่างคือ นางยอมรับความจริง

"ต่อให้พกยาแล้วอย่างไรเล่า?"

ซู่หลิวอวิ๋นแค่นยิ้มเย็น "ท่านอาจจะไม่รู้ว่า ยาของโหลชีดีกว่ายาของท่านมากมายนัก ถ้าไม่แย่งยาของนางมา ไม่แน่นางอาจจะถอนพิษให้คนพวกนั้นก็ได้"

ผู้อาวุโสใหญ่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ถึงเขาจะไม่เชื่อว่าโหลชีจะเก่งขนาดนั้น แต่นิสัยระมัดระวังที่สั่งสมมาหลายปีทำให้เขาไม่กล้าประมาท เลยพยักหน้า บอกกับผู้อาวุโสรองที่อยู่ข้างๆว่า "เจ้ารอง เรื่องนี้เจ้าไปทำเอง"

ถึงโหลชีจะได้รับบาดเจ็บภายในสาหัสมาก แต่วิทยายุทธ์ของนางก็เป็นรองแค่เพียงเฉินซ่าเท่านั้น แถมยังเจ้าเล่ห์เพทุบาย ถ้าคนธรรมดาไป กลัวว่าจะเกิดความผิดพลาดขึ้น

ผู้อาวุโสรองรับคำสั่งออกไป ก่อนไปเหล่ซู่หลิวอวิ๋นหนึ่งที ในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์นัก สตรีที่พึ่งอายุยี่สิบกว่าปีคนนี้ ก็แค่ยอมมอบกายให้ผู้อาวุโสใหญ่ และมีพรสวรรค์ในด้านวิชากลไกอยู่บ้าง ตอนนี้คือคิดจะเป็นฮูหยินของพวกเขางั้นรึ?

ซู่หลิวอวิ๋นไม่ใช่ไม่สังเกตเห็นสายตาของเขา อันที่จริงผู้อาวุโสเหล่านี้ของเขาเวิ่นเทียนมีคนไหนบ้างที่สยบต่อนาง? มีบางคนยังมองนางด้วยสายตาเร่าร้อนประดุจบุรุษมองของเล่นด้วยซ้ำ แต่นางจะทำให้พวกเขายอมสยบแก่นาง ในเมื่อมิมีหนทางได้อยู่กับเฉินซ่าแล้ว นางก็จะคงมั่นนั่งอยู่ในตำแหน่งฮูหยินของผู้อาวุโสใหญ่ ขอเพียงแผนการนี้สำเร็จ ต่อไปนางก็สามารถเป็นมารดาของทั้งแผ่นดินได้เช่นกัน

นี่เป็นทางที่นางเหลือเท่านี้แล้ว

พอคิดมาถึงตรงนี้ นางก็พูดเสียงเรียบอีกว่า "ตอนนี้เปิดหน้าต่างดูวิวของเฉินซ่าได้แล้ว" นางจะให้เฉินซ่าเห็นกับตาตัวเอง ยืนดูสตรีของตนโดนองครักษ์ทำลายพรหมจรรย์ จะให้เขาดูกับตาตัวเองแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนดูโหลชีถูกลูกน้องสามคนกดลงใต้ร่างพัวพันนัวเนียพร้อมกัน

ผู้อาวุโสใหญ่ดึงไม้อันหนึ่งออก มีเสียงกลไกขยับดังมาจากที่ไม่ไกล คล้ายกับที่ไหนเปิดประตูออก หน้าต่างดูวิว อันที่จริงเป็นกลไกชนิดหนึ่ง พวกเขาใช้กระจกที่บางที่สุดดีที่สุด ทำหน้าต่าง ดัดแปลงมุมทั้งหมดทำแสงและเงาหักเหกัน ในจุดที่กำหนด จะสามารถเห็นภาพอีกด้านได้อย่างชัดเจน

ตอนนี้เฉินซ่าถูกขังอยู่ที่นั่น

น่าจะพูดว่าเป็นหลุมลึก ในภูเขานี้ถึงพวกเขาจะขุดเจาะกลวงวางกลไกไว้ แต่ไม่มีทางจัดการทุกจุดได้สะอาดเรียบร้อยหมด สถานที่ส่วนใหญ่นอกจากกลไกที่จำเป็นแล้ว ที่เหลือก็เป็นสภาพเดิม หลุมลึกที่เฉินซ่าอยู่นี่ถูกขุดไว้ลวกๆ โคลนสีดำยังมีเศษกิ่งไม้เชื่อมกัน บนพื้นยังมีใบไม้ดำที่เริ่มย่อย แต่ในที่ที่สูงพอให้คนเดียวยืนนี่ ฝังแผ่นแก้วใสกระจ่างเอาไว้ เหมือนหน้าต่างบานเล็ก

เฉินซ่าที่ค่อยๆลืมตาขึ้นสังเกตเห็นหน้าต่างบานเล็กนี่ทันที เขามองสำรวจหนึ่งรอบ เห็นเทียนอิ่งที่นอนฟุบอยู่ไม่ไกล และโหลชีไม่อยู่ สีหน้าเขาทะมึนโดยฉับพลัน

"เทียนอิ่ง"

เทียนอิ่งยังมีลมหายใจ แต่สลบไม่ได้สติอยู่ ดูท่าแล้วจะบาดเจ็บภายในสาหัสกว่าเขา น่าเสียดายที่บนตัวเขาไม่มียาชนิดนั้นที่โหลชีทำขึ้น นี่เป็นผลเนื่องมาจากความทระนงตนของเขา เขาคิดว่าตลอดว่าตนต้องอยู่ชิดไม่ห่างกับนางแน่ ดังนั้นยาเลยอยู่ที่นางหมด

เงยหน้ามองไป ระดับความสูงทำให้วิงเวียน และเห็นได้ชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บภายใน ในเวลาอันสั้นจะออกไปจากที่นี่ดูจะเป็นไปไม่ได้แล้ว เขาเกาะกำแพงพยุงตัวยืนขึ้น โผไปที่หน้าต่างกระจกนั่น มองดูด้านนั้น

.....

ทางนั้นหลงเอี๋ยนใกล้จะเสียสติแล้ว เขากัดลิ้นตัวเองอย่างแรง ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงและรสขมปร่าของเลือดในปากนั้นถึงจะทำให้เขายังพอมีสติอยู่บ้าง

เสียงของอวิ๋นและเฉิงสิบก็ลอยมา "พวกนางไม่อยู่"

"พระสนม ข้าน้อยยังพอทนไหว ขอยาให้พวกเขาก่อน" เสียงอวิ๋นดูจะมั่นคงกว่าเสียงของหลงเอี๋ยนและเฉิงสิบ กำลังภายในของเขาดีกว่าสองคนนั้น

ชิวชิ่นเซียน อิ้นเหยาเฟิงและอามู่ล้วนไม่อยู่

ดูท่าระหว่างที่ตกลงมายังมีกลไกอะไรสักอย่างดึงพวกนางไปที่อื่น ซู่หลิวอวิ๋นเองก็เพียรพยายามแล้ว หากพวกนางอยู่ที่นี่ พวกเฉิงสิบต้องเลือกที่จะทำร้ายพวกนาง แต่ก็ไม่ยอมแตะต้องนางแน่ ดังนั้นพวกผู้หญิงเลยต้องถูกแยกไป

ตอนนี้เหลือแค่นางอยู่ที่นี่ ผู้หญิงหนึ่งคน ผู้ชายสามคน ทั้งสามคนนี้ยังเป็นองครักษ์ ถ้านางมีอะไรกับพวกเขาสามคนจริงๆ คงไม่มีหน้าไปเจอเฉินซ่าอีกแน่ ต่อให้โดนบังคับก็ตามที

นางพยายามแกะสายรัดเอว เพราะอาการบาดเจ็บภายในที่ได้มันสาหัสมากเกินไป พอขยับที นางก็พบว่าเอวและขาของนางมีแผลจากการตกหลุม ขยับทีเจ็บปวดสุดๆ

ในเมื่อซู่หลิวอวิ๋นจะลบหลู่นางแบบนี้ ต้องไม่มีทางใช้ยาธรรมดาแน่ ยานั่นต้องไม่ใช่แค่กินยาถอนพิษก็สามารถแก้ได้แน่ ดังนั้นนางต้องจับชีพจรพวกเขาดูก่อน จากนั้นก็ทำยาใหม่ ที่น่าตายคือตอนนี้นางได้รับบาดเจ็บ ทำอะไรไม่รวดเร็ว แต่ยิ่งเวลาเนิ่นนานขึ้น พวกเขาก็ต้องทนอย่างยากลำบากมากขึ้น

"ทนไว้" นางแกะสายรัดเอวออก หันไปบอกหลงเอี๋ยนก่อน "ยื่นมือออกมา" หลงเอี๋ยนอยู่ใกล้นางที่สุด นางต้องดูเขาก่อนอยู่แล้ว ตอนนี้ที่ที่พวกเขาอยู่มืดมากทึบมาก และไข่มุกราตรีเม็ดนั้นของนางก็ไม่รู้หล่นไปอยู่ไหนนานแล้ว

ระหว่างที่กำลังคิดแบบนี้ มีคบไฟเหนือหัวถูกจุดขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ