"พอแล้ว ถ้าท้องของโหลชีหิวและจะต้องกินอาหารหรือดื่มสุราคารวะ ก็ให้มาทำกับข้าโดยตรง" เฉินซ่าพูดอย่างเป็นธรรมชาติมาก โดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าทุกคนจะคิดอย่างไรหลังจากที่พูดคำนี้ออกไป
ผู้หญิงคนนี้ เขาได้ปกป้องแล้ว ได้ปกป้องนางแล้ว จะเป็นอะไรไป ผู้หญิงที่เขาเฉินซ่าต้องการปกป้อง ไหนเลยจะต้องปิดบังซ่อนเร้น นางอยากจะกินอาหาร ไหนเลยจะมีเวลามารับมือรับการคารวะที่มีมาอย่างต่อเนื่องของคนเหล่านี้
โหลชีรักการกระทำนี้เช่นนี้ของเขามากจริงๆ จนต้องยกนิ้วโป้งให้เขา หลังจากนั้นก็เริ่มกินอย่างตะกละตะกลามจริงๆ โดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งนั้น
"ฝ่าบาท แม่นางหลันพวกนางได้เตรียมความสามารถทางการแสดงเอาไว้แล้ว ให้พวกนางขึ้นมาแสดงไหมเพคะ?" ในขณะที่อิงกำลังมองดูโหลชีที่ก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารอยู่ ก็อยากจะหัวเราะขึ้นมา แล้วถือโอกาสก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อดึงความสนใจของทุกคนออกมาจากนางให้รู้แล้วรู้รอดไป
ในตอนเย็นของวันนี้เขาก็ถูกนางทำให้ตกใจไปหมดแล้ว พอนึกถึงฉากที่นางขึ้นไปอยู่บนหลังของราชันอินทรีแล้วพุ่งทะยานขึ้นไปบนฟ้า หัวใจของเขาก็ยังคงเต้นอย่างบ้าคลั่งจนถึงตอนนี้ แต่เมื่อเขาคิดว่านางมีความสามารถในการควบคุมราชันอินทรีให้เชื่องนั้น และขี่นกอินทรีดิ่งลงมาจากที่สูงด้วยตัวเองแบบนั้น เขารู้สึกเดือดพล่านขึ้นมาอีกครั้ง
คิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงที่ตายไปแล้วคนนี้จะมีความสามารถเช่นนี้ และคิดไม่ถึงเลยว่านางจะไม่บอกเขาว่านางมีความสามารถเช่นนี้! โชคดีที่เขายังคิดว่านางสามารถเป็นยาแก้ปวดของนายท่านได้อย่างน่าประหลาดโดยแท้ และคิดว่านางเป็นผู้หญิงที่น่าเกลียดชังที่รักตัวกลัวตายและปากคอเราะรายมาโดยตลอด
"อนุญาต" เฉินซ่าเองก็นึกขึ้นมาได้ว่าหญิงสาวเหล่านั้นบอกว่ามีการเตรียมการแสดงอะไรบางอย่างจริงๆ
ทุกคนก็รู้สึกหิวกันมาครึ่งค่อนวันแล้ว ซึ่งในตอนนี้ยังมีอาหารรสเลิศส่งขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย และโหลชีก็ถูกเฉินซ่าปกป้องอยู่อย่างเห็นได้ชัด พวกเขาจึงไม่กล้ากำเริบเสิบสานก้าวไปข้างหน้าอีก ไม่สู้กินดื่มให้อร่อย แล้วค่อยดูการแสดงของสาวงามจะดีกว่า
"ได้ยินมาว่า แม่นางหลันอี้บุตรีของอดีตจ้าวเมืองของพั่วอวี้เป็นหญิงงามที่มีความรู้ความสามารถทั้งยังมีรูปร่างหน้าตาดีอีกด้วยนะ ตอนที่นางยังเด็กนางก็มีชื่อเสียงโด่งดังทั้งใต้หล้าแล้ว"
"จริงรึ? ยังมีบุตรีของคหบดีที่ร่ำรวยที่สุดแห่งแคว้นตงชิงคนหนึ่งอยู่ในตำหนักจิ่วเซียวแห่งนี้ด้วยไม่ใช่รึ?"
"อ่า ตามที่กล่าวมานี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่าแคว้นตงชิงได้เป็นพันธมิตรกันกับพั่วอวี้มานานแล้ว?"
"พูดตลกอะไรกัน องค์หญิงของเป่ยชางทั้งสองพระองค์ต่างก็มาด้วยพระองค์เองเชียวนะ เพียงบุตรีของคหบดีที่ร่ำรวยที่สุดในตงชิงจะสามารถยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ได้รึ?"
แม้ว่าความคิดเห็นเหล่านี้จะเบามาก แต่ก็ยังดังเข้ามาในหูของพวกเขาเรื่อยๆ โหลชีที่กำลังรับประทานอาหารอยู่เหลือบมองเฉินซ่าด้วยท่าทางที่เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ดูเหมือนว่า แม้ว่าเขาจะเป็นจ้าวครองพั่วอวี้แล้ว แต่ทว่า ชื่อเสียงอันเลื่องชื่อลือนามยังไม่เพียงพอ ถึงอย่างไรตงชิง เป่ยชาง หนานเจียงและซีเจียง แคว้นเหล่านี้ล้วนแต่ใหญ่โตกว่าพั่วอวี้มาก อีกทั้งอายุของการสถาปนาแคว้นนั้นก็ยังยาวนานกว่ามาก มีกำลังทหารเข้มแข็ง และก่อนหน้านี้พั่วอวี้เป็นเพียงดินแดนที่แยกตัวออกมาเป็นอิสระดินแดนหนึ่ง เขาตีพั่วอวี้ได้ ตอนนี้ก็ถือว่าอยู่ในระหว่างการสถาปนาแคว้นเท่านั้น
ถึงแม้ว่าความสามารถและชื่อเสียงของเขาจะมีบทบาทอย่างมาก และทำให้แคว้นอื่นๆ อยากจะผูกสัมพันธมิตรด้วย แต่ทว่า ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่เคยยอมอยู่ใต้อำนาจของเขาคนนี้จากก้นบึ้งในหัวใจอย่างแท้จริงเลย
ดังนั้น พวกเขาจึงกล้าที่จะมาวิพากษ์วิจารณ์แบบนี้อยู่ตรงนี้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าโหลชีจะคิดแบบนี้อยู่ แต่กลับไม่เป็นห่วงเฉินซ่าเลย ด้วยความสามารถและบุคลิกที่องอาจห้าวหาญของเขา ในอนาคตเขาจะต้องกวาดล้างทั้งใต้หล้านี้ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ควรจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
มีเสียงผีผาดังขึ้นและมีสายลมที่มีกลิ่นหอมโชยออกมานอกห้องโถง ในเวลาเดียวกัน ก็มีหญิงสาวที่อ่อนช้อยงดงามในชุดกระโปรงสีชมพูคนหนึ่งเดินออกมา มือทั้งสองข้างกำลังถือดาบคู่เอาไว้ ข้อมือและข้อเท้าล้วนมีกระดิ่งสีทองห้อยอยู่ และมันก็มีเสียงกรุ๊งกริ๊งๆ ดังขึ้นมาตามการเคลื่อนไหวของนาง ซึ่งเป็นเสียงที่ดังกังวานและไพเราะมาก
นางทำผมทรงเฟยเซียนจี้ หน้าตาประดุจดั่งภาพวาด งดงามจนน่าตื่นตะลึง และตรงหว่างคิ้วก็มีท่วงทำนองที่พิเศษกลุ่มหนึ่ง เหมือนกล้วยไม้ในหุบเขาที่ว่างเปล่า และเหมือนดอกบัวที่สดใสหลังฝนตก แต่กลับเหมาะกับชุดกระโปรงสีชมพูที่สวยหยาดเยิ้มและกระดิ่งสีทองที่แฝงไปด้วยท่วงทำนองที่ทำให้ผู้คนรักใคร่เอ็นดูอยู่เล็กน้อย และทั้งตัวของนางก็มีความรู้สึกที่ทำให้ผู้คนอิ่มเอมเป็นอย่างมากแฝงอยู่ด้วย
"ข้าน้อยหลันอี้ถวายบังคมฝ่าบาท ถวายบังคมยู่ไท่จื่อถวายบังคมองค์หญิงทั้งสอง และขอคารวะแขกที่มาจากแดนไกลทุกท่าน"
หลันอี้ยืนอยู่ในห้องโถงอย่างสุภาพเรียบร้อย และพูดด้วยน้ำเสียงที่กังวานใส
"แม่นางหลันอี้มีชื่อเสียงสมคำร่ำลือจริงๆ อ่ะ"
"ลักษณะท่าทางทั้งเนื้อทั้งตัวของแม่นางหลันอี้นี้ ช่างไม่แพ้องค์หญิงเลยอ่ะ"
มีการวิพากษ์วิจารณ์ที่ละเอียดมากดังขึ้นมาอีกครั้ง ในขณะที่โหลชีกำลังรับประทานเนื้อวัวอยู่ก็รับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์เหล่านี้ไปด้วย คิดว่าคนเหล่านี้พอกินอิ่มแล้วก็คงไม่มีอะไรทำจริงๆ ก็เลยเอาแต่พูดถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ทั้งคืน
"คารวะแม่นางหลัน" ตงสือยู่แสดงเจตนาให้ทรายด้วยการยกแก้วให้นาง อันที่จริงในตอนแรกอดีตจ้าวครองพั่วอวี้ก็ถือว่าเป็นบุคคลหนึ่ง มิฉะนั้นก็จะไม่มีทางอยู่ที่นี่เพื่อที่จะจู่โจมเมืองที่รกร้างว่างเปล่าแล้วก่อตั้งพั่วอวี้ได้ เพียงแต่ว่าเขาบังเอิญไปยั่วโมโหเฉินซ่าเข้าพอดี จึงทำให้เกิดการล้างแค้นขึ้น แล้วถูกสังหารและถูกยึดเมืองไป
"นี่แม่นางหลันจะแสดงระบำดาบรึ?" เป่ยฝูหรงก็ถามเช่นกัน
"กราบทูลองค์รัชทายาท กราบทูลองค์หญิง การแสดงที่หลันอี้จะขอมอบให้กับฝ่าบาทและแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ระบำดาบจริงๆ เพคะ แต่ทว่า อันที่จริงการแสดงระบำดาบนี้จะดีที่สุดต้องมีคนสองคนแสดงร่วมกัน จึงจะน่าชมเป็นที่สุดเพคะ" หลันอี้พูด
ยู่ไท่จื่อยิ้มแล้วพูดว่า "ถ้าอย่างนั้น แม่นางหลัน หาคนที่จะมาร่วมแสดงได้แล้วหรือยัง?"
"หลันอี้ใคร่จะขอเชิญแม่นางโหล มาร่วมระบำด้วยกัน ไม่ทราบว่าแม่นางโหลจะยินดีหรือไม่?" หลันอี้เงยหน้ามองโหลชีที่นั่งอยู่ข้างๆ เฉินซ่า และไม่สนใจนางเลย
ทันทีที่นางพูดแบบนี้ออกมา ภายในห้องโถงก็เงียบสงัดลงอีกครั้ง
หลันอี้คนนี้ ไม่ได้ยินที่เฉินซ่าพูดเมื่อกี้หรือไง? ยังกล้าพูดออกมา! แต่ทว่า นี่เป็นการกระตุ้นอารมณ์ที่แย่จริงๆ เลยอ่ะ กระตุ้นเสียจนดวงตาของพวกเขาแวววาวไปหมดแล้ว ดี ดี มันควรที่จะคึกคักแบบนี้แหละ
หลันอี้มองโหลชีด้วยสายตาที่แข็งกร้าวเล็กน้อย ดูเหมือนนางไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไร นางเพียงแค่ยืนคอยอยู่ตรงนี้ตลอดเวลาเท่านั้น
โหลชีทอดถอนใจอยู่ในใจ นี่นางหาเรื่องยั่วยุใครแล้วหรือเปล่า? จะไม่ปล่อยให้นางอยู่อย่างสงบสักคนเลยสินะ ตกลงมันหมายความว่ายังไงกันแน่เนี่ย?
นางวางตะเกียบเงินลง นางมองไปที่หลันอี้ แล้วพูดว่า "ต้องขออภัยด้วย แม่นางหลัน ข้ารำดาบไม่เป็น เจ้าก็เห็นแล้ว ว่าข้า เป็นแค่คนที่เก่งเรื่องกินคนหนึ่ง ข้าแค่อยากจะกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยเท่านั้น เจ้าเชิญคนอื่นร่วมเต้นรำกับเจ้า ได้ไหม?"
นางรู้สึกว่าน้ำเสียงและอากัปกิริยาของตัวเองดีพอแล้วในตอนนี้ จริงๆ นะ ถ้าไม่ใช่เพราะว่านางมีความตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ที่จะวางมือ ถ้าไม่ใช่เพราะว่านางตั้งใจที่จะเป็นหญิงสาวที่โง่เขลาคนหนึ่ง ด้วยนิสัยก่อนหน้านี้ของนาง และด้วยความเคยชินก่อนหน้านี้ของนาง คาดว่าหลันอี้อาจจะต้องตายศพไม่สวยมากเป็นแน่ ก่อนหน้านี้ใครๆ ต่างก็รู้ดีว่า อย่ามายั่วอารมณ์นางตอนที่นางอยากจะรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยจะดีที่สุด มิฉะนั้นนางจะโกรธได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ