ท่ามกลางเงาไม้ ชัดเจนว่ายังมีใครคนหนึ่งอยู่ แค่ถ้าไม่สังเกตให้ดีก็จะไม่สามารถพบเจอได้โดยง่าย
ในตอนกลางคืนเช่นนี้ ท่ามกลางเงาไม้ข้างระเบียงทางเดินนี้ หากมาเพื่อชมพระจันทร์ ใครเล่าจะไปเชื่อ
ตรงที่โหลชีกำลังยืนอยู่นั้นยังคงอยู่ห่างจากเขาไปสองหรือสามเมตร
โหลชีไม่ขยับ คนคนนั้นก็ไม่ขยับด้วย
ท่ามกลางแสงสีในยามราตรี ลมหายใจของคนคนนั้นแผ่วบางมาก แต่ก็ไม่สามารถซ่อนเร้นจากสายตาของโหลชีได้
ทั้งสองคนต่างก็ไม่ขยับ แล้วก็ไม่ส่งเสียงใดๆ ออกมาเลย เพื่อดูว่าใครมีความอดทนดีกว่ากัน
ทันใดนั้นโหลชีก็ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย หันหลังแล้วก็จะเดินจากไป โง่ไปแล้วหรือไง? นางจะกลับไปที่ตำหนักสาม มันก็ไม่ใช่ว่าจะมีแค่เส้นทางนี้ทางเดียวนี่นา
ตอนนี้นางกลัวความลำบาก คิดแต่จะใช้ชีวิตอย่างขี้เกียจและเอาแต่กินรอวันตายไปวันๆ เท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแล้ว ให้นางเดินไปทางอ้อมนางก็ยอม
คนคนนั้นคิดไม่ถึงเลยว่านางจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ เดิมทีเขาไม่แน่ว่านางพบตัวเองแล้วหรือยัง แต่ตอนนี้เขาแน่ใจแล้ว เงาต้นไม้สั่นไหวเล็กน้อย แล้วคนที่อยู่เบื้องหลังก็ได้กระโดดมาขวางหน้าโหลชีแล้ว
อายุประมาณยี่สิบสามหรือยี่สิบสี่ปี กำลังสวมชุดสาวใช้ของตำหนักสองอยู่ หน้าตาจัดอยู่ในระดับดี สิ่งแรกที่โหลชีสังเกตเห็นกลับเป็นมือของนาง ปลายนิ้วของนางหยาบกระด้าง และเล็บของนางก็ค่อนข้างดำ
นี่เป็นผลมาจากการทำยาสมุนไพรหรือยาพิษมาเป็นเวลานาน
โหลชีรู้จักดีเลยทีเดียว
เพราะว่านางรู้จักดี ดังนั้นนางจึงได้ถอนหายใจออกมายาวๆ เห็นได้ชัดว่านางอยากจะหลีกเลี่ยงคนที่ไม่สนใจเรื่องนี้ หาได้ยากนักที่นางจะขี้เกียจอย่างนี้ แต่อีกฝ่ายกลับไม่เห็นค่า คิดไม่ถึงเลยว่ายังจะมาหานางจนพบอีก
"โหลชีเป็นชื่อจริงๆ ของเจ้าหรือไม่?"
น้ำเสียงที่ผู้หญิงคนนั้นพูดแข็งทื่อ ดูเหมือนว่าจะเป็นผลจากการที่นางไม่ได้พูดมาเป็นเวลานาน
"เป็นชื่อจริงๆ ของข้าหรือไม่ มันเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย?" โหลชีเองก็รู้อีกด้วยว่าในเมื่อฝ่ายตรงข้ามมาหาถึงที่ขนาดนี้นางจะต้องไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ขนาดนั้นอย่างแน่นอน นางก็เลยยืนพิงเสาอย่างเหนื่อยหน่ายไปเสียเลย แล้วเด็ดดอกไม้ตามสบาย ดึงกลีบดอกไม้ทีละกลีบๆ ดูเหมือนว่าจะเป็นท่าทางของคนที่รู้สึกเหนื่อยหน่ายมากจริงๆ ท่าทีนี้ช่างเป็นท่าทีที่ไม่อยากยั่วอารมณ์คนมากเกินไปจริงๆ อย่างไรก็ตาม ในสายตาของผู้หญิงที่มีสีหน้าเรียบเฉยนี้ก็ได้มีความโกรธปรากฏขึ้นมาแวบหนึ่งแล้ว
"พูดมา เจ้าเป็นคนซีเจียงใช่หรือไม่?"
โหลชีเลิกคิ้วขึ้น แล้วพูดว่า "คนซีเจียงเหรอ? ขอโทษนะ ข้าไม่ชอบคนซีเจียง แล้วจะเป็นคนซีเจียงได้ยังไง"
"ไม่ใช่คนซีเจียง แล้วทำไมเจ้าถึงแก้คำสาปของราชาแห่งซีเจียงได้ล่ะ? พูดมา ว่าอาจารย์ของเจ้าเป็นใคร?"
"คำสาปของราชาแห่งซีเจียงเหรอ? มันคืออะไรเหรอ? แล้วก็นะ อาจารย์ของข้าเป็นใครดูเหมือนว่าข้าก็ไม่จำเป็นต้องบอกเจ้ากระมัง? ยังไงซะเขาก็ไม่ใช่คนซีเจียงอย่างแน่นอน" โหลชียิ้มแล้วพูดว่า "เป็นเจ้านี่เอง ไม่ง่ายเลยที่จะต่อสู้เพื่อเข้าไปในตำหนักสองใช่ไหมล่ะ? นี่เจ้าคงคิดไม่ตกมากเลยสินะ ทำไมต้องมาหาข้า? หากไม่มาหา เจ้าก็ยังสามารถทำหน้าที่เป็นจารชนของเจ้าให้ดีได้ อืม ถึงเวลานั้นค่อยหาโอกาสร่ายสาปราชวงศ์ใส่เฉินซ่าอีกครั้ง หลังจากนั้นก็ปลูกหญ้าปีศาจเอาไว้ในสถานที่ที่มีพลังหยินมากสินะ"
"คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะรู้จัก!" ทันใดนั้นสีหน้าผู้หญิงคนนั้นก็สดใสขึ้นมาค่อนข้างมาก ดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้าง และมองโหลชีด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ การปลูกหญ้าปีศาจเอาไว้ในสถานที่ที่มีพลังหยินของตำหนักจิ่วเซียว มันก็เป็นวิชาคาถาประเภทหนึ่งของซีเจียงของพวกเขาเช่นกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วคาถานี้จะต้องเป็นส่วนตัวและเป็นความลับมากกว่าคาถาที่ใช้กับเฉินซ่าก่อนหน้านั้นอยู่บ้าง และเป็นวิธีการลับเฉพาะของวงศ์ตระกูลของพวกเขา ซึ่งหลายคนในซีเจียงไม่รู้จัก คิดไม่ถึงเลยว่าโหลชีผู้นี้จะรู้จัก คิดไม่ถึงเลยว่านางจะรู้จักจริงๆ !
นางจะต้องรีบไปบอกเรื่องนี้กับฝ่าบาทอย่างแน่นอน! ว่าโหลชีผู้นี้ ไม่อาจตีสนิทด้วยได้ ไม่ได้ นางจะต้องตายอย่างแน่นอน!
ในแววตาของผู้หญิงคนนั้นมีจิตสังหารปรากฏขึ้นมาแวบหนึ่ง ทันใดนั้น นางก็ยกมือขึ้นแล้วโบกไปบนใบหน้าของโหลชีผงที่ละเอียดมากลอยเข้ามาแล้ว จากนั้นภายใต้แสงจันทร์จางๆ ก็มีแสงสีฟ้าส่องประกายขึ้นมา
"ใช้ไม้นี้กับข้าอย่างนั้นรึ?" โหลชีไม่ได้ขยับเขยื้อนเลย นางเพียงแต่ยืนยิ้มเล็กน้อยอยู่ตรงนั้น นางถึงขั้นยังรู้สึกเบื่อหน่ายเลกน้อยจนต้องเด็ดกลีบดอกไม้ลงมาอีกครั้ง ใช้ปากเป่ามันให้ปลิวออกไป และเฝ้ามองดูมันร่วงหล่นลง แล้วจึงถอนหายใจเบาๆ
ผู้หญิงคนนั้นเบิกตาโพลงโตอีกครั้ง ในครั้งนี้ นางได้ตื่นตระหนกตกใจไปแล้วโดยสิ้นเชิง ตกใจจนก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว แล้วพูดด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อยว่า "ทำไม ทำไมเจ้าถึงไม่กลัวผงหญ้าปีศาจได้?"
เรื่องนี้มันเป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้!
หญ้าปีศาจ สามารถเติบโตได้ในสถานที่ที่มีพลังหยินมากเท่านั้น และเนื่องจากการเติบโตของมันจะต้องดูดซับพลังปราณที่แก่กล้าและพลังหยางในสถานที่แห่งนั้นทั้งหมด ดังนั้นสถานที่แห่งนั้นจะกลายเป็นสถานที่ที่มีพลังหยินมากขึ้นเรื่อยๆ และด้วยวิธีนี้ หญ้าปีศาจก็จะสามารถเติบโตได้ดียิ่งขึ้น
เอาหญ้าผีมาบดให้เป็นผง ขอเพียงแค่สูดเข้าไปเล็กน้อย คนคนนั้นก็จะหมดสติในทันที อีกทั้ง ชีวิตจะถูกหญ้าปีศาจชิงเอาไปจนหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว คนจะไม่ตาย แต่จะดูเหมือนคนแก่ แล้วก็ไม่มีความสามารถในการต่อต้านใดๆ อีกด้วย
คนแบบนี้ไม่ใช่คนที่ไม่มีบทบาทอะไรแล้ว คนแบบนี้สามารถใช้มาทำหุ่นเชิดได้
ใช้โหลชีเป็นหุ่นเชิด ก็จะยั่วเย้าเฉินซ่าได้สินะ
น่าเสียดาย นางคิดไม่ถึงเลยว่า โหลชีจะยืนอยู่แบบนี้อย่างไม่คาดฝัน นางจะหลบก็ไม่หลบ แต่กลับไม่เกิดอะไรขึ้นกับนางเลย!
ในซีเจียงของพวกเขาไม่สามารถหาคนที่จะไม่กลัวผงหญ้าปีศาจได้เลยสักคน! ผู้หญิงคนนี้ทำได้อย่างไรกันแน่นะ? นี่มันตัวประหลาดอะไรกันแน่เนี่ย!
"ข้าไม่กลัวของแบบนี้หรอก แต่ข้ารำคาญมันมากจริงๆ " โหลชีโบกมือไปมา แล้วเงยหน้าขึ้นไปมองนาง ผู้หญิงคนนั้นสะดุ้งตกใจเมื่อพบว่า นางแตกต่างไปจากเดิมแล้ว แตกต่างไปจากเดิมแล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ