ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 506

หลังจากที่สอบสวนเฟยเยว่แล้ว เฉินซ่าก็นิ่งเงียบผิดปกติ โหลชีรู้ว่าเขาน่าจะมีข้อสงสัยที่ถือว่าน่ากลัวเล็กน้อยอยู่ในใจ ฉินซูเป่าเคยบอกไว้ว่า พ่อแม่ของเขารักใคร่ซึ่งกันและกัน ในวังหลวงไม่ได้มีผู้หญิงคนอื่น ถึงจะมีก็เป็นเพียงแค่นางกำนัล แต่ว่าสามารถเข้าถึงตัวไท่จื่อได้ ต้องไม่ใช่นางกำนัลธรรมดาทั่วไปแน่ เช่นนั้น เป็นไปได้อย่างมากที่จะถูกคนข้างกายที่ซึ่งพ่อแม่ของเขาไว้วางใจทำร้าย

"เบิกตัวแม่ทัพฉินมาเข้าเฝ้า"

หลังจากที่เฉินซ่านิ่งเงียบไปพักใหญ่ ก็เบิกตัวฉินซูเป่ามาเข้าเฝ้า

หลังจากที่ฉินซูเป่ามาถึงยังไม่ทันได้พูดอะไร เฉินซ่าก็กล่าวถามอย่างเคร่งขรึมแล้ว: "ในวังหลวงของราชวงศ์เฉิน มีผู้หญิงที่มีหน้าตางดงาม แซ่โกวไหม?"

"แซ่โกว?" ฉินซูเป่าอึ้งไปครู่หนึ่ง "ฮองเฮาก็แซ่โกว"

อะไรนะ?

ทีนี้แม้แต่โหลชีก็นั่งตัวตรงขึ้นมา มองดูเขาอย่างตกตะลึง "ฮองเฮาแซ่โกว?" นางมองเฉินซ่าครู่หนึ่ง พบว่าในดวงตาของเขามีเมฆหมอกแห่งความความทุกข์พุ่งขึ้นมา มือกำพนักพิงเก้าอี้เอาไว้แน่น ข้อนิ้วมือก็ยังซีดขาว

"พ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮามาจากตระกูลโกวที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง"

แววตาของเฉินซ่ามืดสลัวลง: "ในวังนอกจากฮองเฮาแล้ว ยังมีใครอีก?"

"เรื่องนี้กระหม่อมก็ไม่ทราบ ในตอนนั้นกองราชาอสูรเทพฝึกในกันอย่างยากลำบากและหนักหนาสาหัสมาก กระหม่อมใช้เวลาอยู่ในกองทัพตลอด สำหรับเรื่องในวัง สิ่งที่รู้มีน้อยมาก" ฉินซูเป่าพูดไป ก็เห็นว่าสีหน้าของพวกเขาต่างก็ไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่ ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร แค่คิดดูแล้วก็กล่าวถามว่า: "ฝ่าบาท ได้ยินมาว่าลูกชายขององค์หญิงเฉินเซียงก็อยู่ที่จิ่วเซียว?"

เฉินซ่าได้สติกลับมา ถึงได้นึกขึ้นมาได้ว่า ถ้าหากสิ่งที่ซู่ฉงโจวพูดก่อนหน้านี้ล้วนถูกต้องทั้งหมด เช่นนั้น แม่ของซู่ฉงโจวก็คืออาของเขา ไม่แน่ว่านางจะรู้เรื่องในวัง

โหลชีเห็นเขามองมา รีบกล่าวว่า: "ก่อนหน้านี้เขาเคยบอกไว้ว่าพ่อแม่ของเขาใกล้จะมาถึงต้าเซิ่งแล้ว คาดว่าน่าจะมาถึงวันสองวันนี้แหละ"

สมัยนั้นตอนที่ซู่ฉงโจวจากไปยังเด็กมาก ยังไม่เคยไปที่ราชวงศ์เฉิน ฉินซูเป่าย่อมไม่รู้จักเขาอยู่แล้ว แต่ว่าพ่อแม่ของเขามา ไม่ว่าอย่างไรฉินซูเป่าก็ต้องรู้จักองค์หญิงเฉินเซียงในตอนนั้น ดังนั้นรอพวกเขามาถึงแล้ว ตัวตนของซู่ฉงโจวก็จะได้รับการยืนยันอย่างสมบูรณ์

"พระสนม พ่อแม่ของคุณชายฉงโจวมาถึงด้านนอกวังแล้ว" เอ้อร์หลิงเดินก้าวเท้ารีบเข้ามารายงาน

พวกเขาล้วนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าจะมาถึงเร็วขนาดนี้ "คุณชายฉงโจวล่ะ?"

เอ้อร์หลิงกล่าวตอบว่า: "คุณชายฉงโจวไปรับด้วยตนเองแล้ว"

เฉินซ่าเงยหน้า "เรียกตัวมาเข้าเฝ้า"

หน้าประตูตำหนักสาม คนกลุ่มหนึ่งเดินมาอย่างเร็ว

คนที่อยู่ข้างหน้าคือซู่ฉงโจว เดิมทีเขาเดินช้าๆอย่างใจเย็น แต่สาวงามวัยกลางคนคนหนึ่งกลับเดินก้าวขึ้นมาข้างหน้าอย่างเร็วแล้วจับมือของเขาเอาไว้ กล่าวอย่างรีบร้อน: "โจวเอ๋อร์เจ้าเดินเร็วๆหน่อยสิ มัวแต่ชักช้าร่ำไรเช่นนี้ทำไมกัน?"

ซู่ฉงโจวเห็นมืออีกข้างหนึ่งของนางถือชายกระโปรงเอาไว้ ด้วยท่าทางที่ใกล้จะบินทะยานไปข้างหน้า กล่าวขึ้นมาอย่างจนใจ: "ท่านแม่ รีบร้อนทำไม?"

"ไม่รีบร้อนได้อย่างไร? เด็กคนนั้นข้าไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อก่อนก็คิดมาตลอดว่าจากไปแล้วเช่นกัน ยังร้องไห้อยู่นาน ตอนนี้ยังมีโอกาสได้เจอ เจ้าว่าแม่ที่เป็นอา ยังจะไม่รีบร้อนได้หรือ?"

สาวงามวัยกลางคนนี้ดูแล้วอายุก็น่าจะประมาณสามสิบสี่สามสิบห้า ลักษณะของใบหน้าสวยงามสดใส ไม่ใช่ลักษณะอ่อนโยนนิ่มนวล แต่เป็นความงามที่งามที่สุดในแผ่นดินราวกับดอกโบตั๋น เมื่อมองดูอย่างละเอียด คิ้วยังมีส่วนคล้ายเฉินซ่าสามส่วน

โหลชีเป็นคนแรกเห็นสาวงามวัยกลางคนนี้ แทบจะทันทีที่เห็นนางก็เชื่อแล้ว ท่านผู้นี้คือองค์หญิงเฉินเซียง อาแท้ๆของเฉินซ่า

และหลังจากที่นางเห็นเฉินเซียงแล้วก็มองไปทางชายวัยกลางคนที่ตามอยู่ข้างหลังทันที

เฉินเซียงแต่งงานกับอารองของนาง ดังนั้น ชายวัยกลางคนคนนี้ก็คืออารองของนาง ซวนหยวนอี้ หมายความว่า นางยังต้องเรียกเฉินเซียงว่าอาสะใภ้รองด้วยสิ

ครั้งก่อนลืมถามนักพรตเลวไปว่า พวกเขาสามพี่น้องหน้าตาเหมือนกันไหม

แต่ว่าตอนนี้เห็นซวนหยวนอี้นางก็รู้แล้ว ไม่เหมือนกันเลยสักนิด

สิ่งที่ซวนหยวนอี้อยู่เหนือความคาดหมายของนางคือเป็นประเภทบันฑิตหน้าขาว หน้าตาสะอาดสะอ้านหล่อเหลา รูปร่างสูงโปร่ง กิริยาท่าทางสง่างาม เมื่อมองเช่นนี้ ซู่ฉงโจวยังดูเหมือนเขามากกว่าเล็กน้อย

เช่นนั้น พ่อแท้ๆของนางหน้าตาจะเป็นอย่างไรกันนะ?

ในระหว่างที่นางใช้ความคิดอยู่เล็กน้อย คนสามคนนั้นก็เดินอ้อมต้นดอกท้อสองสามต้นมาแล้ว เดินมาถึงด้านหน้า ต้นดอกท้อสองสามต้นนั้นก่อนหน้านี้โหลชีเป็นคนสั่งให้เสี่ยวโฉวปลูก

ความสัมพันธ์ระหว่างโหลชีกับซวนหยวนอี้ ตอนนี้ยังมีแค่นางกับเฉินซ่าเท่านั้นที่รู้ แม้แต่เสี่ยวโฉว ถึงแม้จะรู้ชื่อของนักพรตเลว แต่ก็ไม่เคยคิดไปทางด้านนี้เลย

ดังนั้นซู่ฉงโจวจึงไม่รู้

นางก็ไม่พูด เพียงแค่นั่งอยู่ข้างกายของเฉินซ่า สีหน้าท่าทางเกียจคร้าน เสี่ยวโฉวอยู่ด้านข้างกำลังปอกองุ่นให้วู๊วูอยู่ วู๊วูเจ้านักกินตัวน้อยนี่ถูกปรนนิบัติจนเคลิบเคลิ้มไปทั้งใบหน้า

แต่พวกเขาต่างก็นึกไม่ถึง แวบแรกที่ซวนหยวนอี้มองไม่ใช่คน แต่ว่ามองไปทางเจ้าจิ้งจอกน้อยตัวนั้น ในแววตาเผยความตกตะลึงออกมาโดยปริยาย

เฉินซ่ากับโหลชีมองหน้ากันครู่หนึ่ง ในใจรู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันที

แต่ว่าซวนหยวนอี้ระงับอารมณ์เอาไว้ได้ ไม่ได้พูดอะไรออกมาในทันที แต่โค้งคำนับเฉินซ่าภายใต้การแนะนำของซู่ฉงโจว การคำนับของพวกเขาย่อมไม่ใช่การคำนับแบบราชากับขุนนางอยู่แล้ว

สามารถมองออกมาได้ว่า ทุกท่วงท่ากิริยาของพวกเขาสง่างามและสมบูรณ์แบบ เห็นได้ชัดว่าได้รับการอบรมกิริยามารยาทที่เข้มงวดของราชวงศ์

"ซวนหยวนอี้พาฮูหยิน เฉินเซียง คำนับจักรพรรดิแห่งต้าเซิ่ง พระสนม"

ทันทีที่ซวนหยวนอี้พูดออกมา โหลชีก็กดไลก์ให้เสียงของเขาหนึ่งหมื่นครั้ง นี่มันช่างไพเราะมากจริงๆ ราวกับสายลมบางเบาที่พัดผ่านใต้แสงจันทร์ ไม่สูงไม่ต่ำ ไพเราะจนรู้สึกเคลิบเคลิ้มสบายหู

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ