บทที่ 507 ตระกูลเฉินกับตระกูลโหล – ตอนที่ต้องอ่านของ ใต้ร่มยาใจ
ตอนนี้ของ ใต้ร่มยาใจ โดย ลิ่วเยว่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายประวัติศาสตร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 507 ตระกูลเฉินกับตระกูลโหล จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
เดิมทีโหลชีก็ไม่ได้คิดจะไม่สนใจจริงๆ ถึงอย่างไรก็เป็นอารองของตนเอง เรื่องราวในอดีตมากน้อยเขาก็รู้อยู่เล็กน้อย อย่างเช่นว่าเพราะอะไรพ่อของนางคือซวนหยวนจ้าน แต่กลับแซ่โหล แล้วก็ยังมีฐานะของท่านแม่นาง ก็สามารถคลายความสงสัยให้นางได้ใช่ไหม?
"ใช่"
"คนตระกูลโหล?" ซวนหยวนอี้กล่าวซักถามอีก
โหลชียิ้มออกมาเล็กน้อย "โหลหยุนโยว" ชื่อนี้ทำให้ซวนหยวนอี้กับเฉินเซียงต่างก็สะดุ้งตกใจ ทั้งสองมองดูนางอย่างตะลึงงัน นานพักใหญ่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
"ท่านพ่อ ท่านแม่ เกิดอะไรขึ้น?" ซวนหยวนฉงโจวขมวดคิ้ว
เรื่องพวกนั้น สามีภรรยาซวนหยวนอี้ไม่เคยพูดกับเขามาก่อน เขาย่อมไม่รู้อยู่แล้ว
โหลชีกล่าวอีกว่า: "ซวนหยวนคงคืออาสามของข้า"
ซวนหยวนอี้ตกตะลึง: "น้องสาม? เจ้า เจ้าคือ พวกเจ้า...ไม่ตาย?" เขาก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งอย่างเสียการควบคุม แต่ก็หยุดเอาไว้
"อืม อารอง" คำว่าอารองโหลชีเรียกได้อย่างไม่มีภาระเลย เมื่อครู่นี้นางก็สังเกตพวกเขาอยู่ตลอดเช่นกัน ที่ซวนหยวนอี้มองสังเกตนางกับวู๊วูนางย่อมเห็นอยู่ในสายตา แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาเป็นพี่รองของนักพรตเลว นางย่อมต้องยอมรับอยู่แล้ว
อารองคำหนึ่ง คนที่ได้รับความตกใจมากที่สุดคือซวนหยวนฉงโจว ที่เขามาหา ก็พุ่งเป้าไปที่เฉินซ่าตลอด มีลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งก็ทำให้เขารู้สึกเป็นเรื่องยากและล้ำค่ามากแล้ว ตั้งแต่เด็กจนโต เขาก็รู้ว่าที่นี่พวกเขามีเพียงครอบครัวสามคนเท่านั้น ไม่มีญาติสนิทคนอื่นๆ
แต่สถานที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่เพื่อนบ้านทางซ้ายและขวาล้วนมีลูกกันหลายคน ถึงแม้จะถกเถียงทะเลาะกัน แต่เขาก็รู้สึกอิจฉามาก ดังนั้น ถึงแม้หลังจากที่หาเฉินซ่าเจอแล้ว เฉินซ่าเย็นชาต่อเขามาก แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ เขาก็มีพี่น้องแล้วไม่ใช่หรือ?
ตอนนี้กลับบอกกับเขาว่า เขายังมีน้องสาวลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่ง?
และน้องสาวลูกพี่ลูกน้องคนนั้นยังเป็นโหลชีด้วย?
ล้อเล่นอะไรกันน่ะ นี่คือโหลชีเชียวนะ! เมื่อก่อนจ้าวหยุนก็เคยพูดถึงโหลชีให้เขาฟังหลายครั้ง หลังจากที่พบหน้ากันแล้วเขาก็รู้สึกว่าเป็นโหลชีที่เก่งกาจมากเช่นกัน! กลายมาเป็นน้องสาวลูกพี่ลูกน้องของเขา!
เขามองดูโหลชีด้วยสายตาเป็นประกายสดใส: "เจ้าเป็นลูกสาวของท่านลุงใหญ่?"
"ถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด น่าจะใช่"
ซวนหยวนฉงโจวกล่าวขึ้นมาทันที: "เช่นนั้นเจ้าก็ควรจะเรียกข้าว่าพี่ใหญ่ไม่ใช่หรือ?" กล่าวไปก็มองไปทางเฉินซ่า "นี่มันดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย น้องชายลูกพี่ลูกน้อง หรือไม่ว่าน้องเขย?"
เฉินซ่าเหล่มองเขาครู่หนึ่ง: "ฉงอ๋อง"
"อะไรนะ?" ซวนหยวนฉงโจวตะลึงงัน: "ฉงอ๋อง?"
"ข้าตัดสินใจแต่งตั้งเจ้าเป็นฉงอ๋อง ท่านอ๋อง เจ้าเลือกเองเลยว่าอยากจะดูแลตรงไหน?"
เฉินเซียงตื่นเต้นจนน้ำตาไหลลงมาอีกครั้ง นี่คือยอมรับพวกเขาแล้วใช่ไหม? ต่อไปพวกเขาก็ไม่ต้องเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามระหกระเหินพเนจรอยู่ข้างนอกอีก และนางก็ยังคงติดอยู่ในใจมาตลอดเรื่องที่ลูกชายที่มีฐานะเป็นถึงท่านอ๋องน้อยของราชวงศ์แผ่นดินใหญ่หลงหยินของตัวเองยังต้องลำบากลำบนไปเป็นขุนนางที่แคว้นตงชิงแผ่นดินใหญ่ซื่อฟาง ทำงานอย่างยากลำบากมาหลายปีเป็นได้แค่นายอำเภอคนหนึ่ง
หลังจากที่ซวนหยวนฉงโจวตะลึงงันไปครู่หนึ่งก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่ยื่นมือไปทางเฉินซ่า มองดูเขา เฉินซ่าไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเขา เบ้ปากลงมา แต่ก็ยังยื่นมือไปปรบมือของเขาครั้งหนึ่ง
นี่ถือว่าเป็นการยอมรับกันอย่างเป็นทางการระหว่างพี่น้องแล้ว
ความตื่นเต้นของพวกเขาขัดจังหวะการพูดคุยอยู่เดิมของซวนหยวนอี้กับโหลชีไป แต่ว่าอาหลานสองคนนี้ก็ไม่ได้รีบร้อน ต่างคนต่างนั่งอยู่ด้านข้างรอให้ความตื่นเต้นของพวกเขาสงบลงมาเล็กน้อย
สุดท้ายพวกเขาก็นั่งลงอีกครั้ง เอ้อร์หลิงกับเสี่ยวโฉวยกน้ำชามาให้พวกเขา ภายใต้ควันจากถ้วยชาที่ลอยขึ้นมา ฟังซวนหยวนอี้เล่าเรื่องของพ่อแม่โหลชี
ซวนหยวนอี้ดื่มชาไปคำหนึ่ง สายตามองไกลออกไปเล็กน้อย ถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วกล่าวว่า: "ตั้งแต่เด็กเสด็จพี่ก็เป็นคนที่มีความสามารถมากที่สุด เป็นคนที่ขยันขันแข็งมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของเรา ปีที่อายุได้สิบขวบก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นไท่จื่อ บรรดาเหล่าขุนนางล้วนมีความคิดอยากจะให้ลูกสาวแต่งเข้าไปในตำหนักไท่จื่อกันแทบจะทุกคน งานเลี้ยงในวังหรืองานเลี้ยงส่วนตัวทุกครั้ง ก็มักจะมีสาวงามต่อสู้กันทั้งต่อหน้าและลับหลังเพื่อเขาตลอด แต่เพราะพี่ใหญ่เห็นผู้หญิงที่มีนิสัยเช่นนี้มามากแล้วเลยรู้สึกรังเกียจมาก เลยมักจะเย็นชาต่อผู้หญิงทุกคนมาก"
ท่วงท่าที่สง่างาม ความสามารถและรูปลักษณ์เหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป ยังเป็นถึงไท่จื่อเด็กหนุ่มผู้มีฐานะสูงส่ง ย่อมต้องหยิ่งผยองอยู่แล้ว จนกระทั่งมีครั้งหนึ่ง มีคนกล่าวว่าบริเวณชายแดนของทั้งสองแผ่นดินใหญ่มีจิ้งจอกแสงจันทร์ม่วงที่มีชี่ทิพย์อย่างมากอยู่ตัวหนึ่ง ลูกหลานจากตระกูลแม่ทัพในราชสำนักต่างก็หวั่นไหวเล็กน้อย ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเสนอขึ้นมา เปิดเป็นการเดิมพันขึ้นมา ใครจับจิ้งจอกแสงจันทร์ม่วงตัวนั้นได้ถือเป็นผู้ชนะ ส่วนสิ่งที่ใช้เดิมพันนั้น ไม่ได้มีเพียงความมั่งคั่งมหาศาลเท่านั้น ยังมีอสังหาริมทรัพย์ ร้านค้า
เพียงแต่ว่าตระกูลโหลในรุ่นนั้นมีไม่กี่คนที่มีพรสวรรค์คู่ควรต่อการฝึกฝนเลยจริงๆ ตระกูลโหลกำลังค่อยๆตกต่ำลงไป โหลเหล่าไท่จวินไม่อยากให้ตระกูลโหลพ่ายแพ้ไปเช่นนี้ ขอร้องให้ซวนหยวนจ้านช่วยครั้งแล้วครั้งเล่า
สามารถพูดได้ว่า ต่อมาที่ตระกูลโหลยังสามารถยืนหยัดมาถึงทุกวันนี้ได้ ส่วนใหญ่เป็นความดีความชอบของซวนหยวนจ้าน และพวกเขาสองสามีภรรยาก็สลับเปลี่ยนการใช้ชีวิตอยู่บ่อยๆ มีอยู่ช่วงหนึ่งคือใช้ทางฝั่งตระกูลโหลเป็นการพักผ่อน เมื่อเทียบกับฐานะไท่จื่อไท่จื่อเฟยของแคว้นแล้ว เป็นเพียงนายน้อยฮูหยินน้อยของตระกูลชั้นสูง มันง่ายดายกว่ามาก
คำพูดท่อนนี้ฟังจนทุกคนตะลึงงันพูดอะไรไม่ออก น่าจะบอกว่าทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เพราะว่าเรื่องมันเป็นเช่นนี้ เมื่อเรื่องราวทุกอย่างมาบรรจบอยู่ที่เดียวกัน เลยก่อให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นมา
สิ่งที่ซวนหยวนอี้รู้มีประมาณนี้ ส่วนเรื่องที่ว่าระหว่างโหลไท่จวินกับซวนหยวนจ้านยังมีข้อตกลงอะไรกันนั้นก็ไม่รู้แน่ชัดแล้ว เรื่องราวต่อจากนั้น ทำไมหยุนโยวถึงพาพี่ชายกลับไปอาศัยอยู่ที่ตระกูลโหลถาวรอีก เรื่องนี้เขาเองก็ไม่รู้เช่นกัน แต่ว่า ตอนเด็กๆโหลชีถือกำเนิดในวัง คนของฝั่งตระกูลโหลไม่รู้ว่า "นายน้อย" ของพวกเขายังมีลูกสาวอยู่อีกคนหนึ่ง
"ดังนั้น เจ้าควรจะแซ่ซวนหยวนนะ ทำไมน้องสามถึงได้ให้เจ้าแซ่โหล?" เกี่ยวกับข้อนี้ ซวนหยวนอี้กลับรู้สึกไม่พอใจซวนหยวนคงเล็กน้อย องค์หญิงน้อยของราชวงศ์พวกเขา ใครบอกเขาว่าแซ่โหลกัน?
โหลชีเหงื่อตก "เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อาสามเขาไม่รู้เลยสักนิด"
เรื่องของฝั่งนี้นางก็พอจะรู้ว่าเป็นมาอย่างไรแล้ว จู่ๆก็หันไปทางเฉินเซียง: "อาสะใภ้รอง ท่านแม่ของเฉินซ่าแซ่โกว?"
"ใช่แล้ว"
"เช่นนั้นสมัยนั้นในวังหลวงของราชวงศ์เฉิน ยังมีหญิงสาวที่หน้าตางดงาม แล้วแซ่โกวคนอื่นอีกไหม?"
ผู้หญิงคนนี้เป็นกุญแจสำคัญในเรื่องพิษกู่ของเขา พวกเขาต้องสืบหาให้ชัดเจนให้ได้
เฉินเซียงตะลึงงันไปครู่หนึ่ง คิดทบทวน ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า: "ไม่มีแล้ว แล้วก็ไม่เคยได้ยินว่าพี่สะใภ้มีพี่น้องนะ"
ได้ยินคำพูดปฏิเสธของนาง ในใจโหลชีรู้สึกหนักอึ้งเล็กน้อย
เวลานี้จู่ๆหลงเอี๋ยนก็ปรากฏตัวขึ้นมา การแสดงออกทางสีหน้าเคร่งขรึม: "ประมุขเสี่ยวชี คนของเราส่งข่าวด่วนมา เกิดเรื่องขึ้นกับฮูหยินแล้ว!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ