ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 508

ฮูหยินที่หลงเอี๋ยนกล่าวถึง ย่อมหมายถึงโหลหยุนโยวอยู่แล้ว

แต่ว่าตอนนี้โหลฮ่วนเทียนน่าจะยังอยู่ที่ตระกูลโหลถึงจะถูก ทำไมถึงเกิดเรื่องได้?

"เกิดเรื่องอะไรขึ้น?" สีหน้าของโหลชีขรึมลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงกับตื่นตระหนกเป็นกังวล อย่างไรเสียนางก็ยังไม่ได้ความรู้สึกใดๆต่อโหลหยุนโยว นอกจากนี้ ท่าทีที่โหลหยุนโยวมีต่อนางก็น่าแปลกมากอยู่เล็กน้อยเช่นกัน

หลงเอี๋ยนยื่นกระดาษที่อยู่ในมือมาให้

โหลชีเปิดออกดู ลายมือบนกระดาษหวัดมาก นางก็มากไม่ออกว่าเป็นลายมือของใคร ลายมือของโหลฮ่วนเทียนนางก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็น ดังนั้นจึงแยกแยะไม่ออก

บนกระดาษมีเพียงสองประโยค

ฮูหยินไปที่ผาโทงเทียนนัดพบคนลึกลับกลางดึก วันรุ่งขึ้นกลับหายตัวไปอย่างลึกลับ นายน้อยต้องการจะออกจากตระกูลโหล ถูกเหล่าไท่จวินกักตัวเอาไว้ หอบังคับกฎพบกับศัตรูที่แข็งแกร่ง ชั่วขณะหนึ่งไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้

คิ้วของนางขมวดขึ้นมากะทันหัน โหลหยุนโยวนัดพบคนลึกลับกลางดึก? คนลึกลับเป็นใคร? ทำไมโหลฮ่วนเทียนถึงถูกโหลเหล่าไท่จวินกักตัวเอาไว้?

นางรู้สึกว่ามีหมอกปกคลุมเข้ามาเป็นชั้นๆ ทำให้นางรู้สึกหายใจไม่ออกเล็กน้อย อันที่จริงโหลหยุนโยวเป็นอย่างไรนางไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่นัก แต่ว่าโหลฮ่วนเทียนถูกขังกลับทำให้ในใจของนางเป็นห่วงขึ้นมากะทันหัน

ก่อนที่อารองของนางจะบอกกับนางเกี่ยวกับความพัวพันระหว่างตระกูลโหลกับซวนหยวนจ้านนางยังไม่ค่อยเป็นห่วงมากเท่าไหร่ เพราะบางทีตระกูลโหลอาจจะเห็นโหลฮ่วนเทียนเป็นหลานโดยสายเลือดของตระกูล แต่ตามที่ซวนหยวนอี้เล่ามา โหลเหล่าไท่จวินรู้ความจริงทุกอย่างอยู่แล้วแท้ๆ นางจะเห็นพี่ใหญ่ของนางเป็นหลานชายแท้ๆได้อย่างไร? เช่นนี้ ก็มีความเป็นไปได้ที่โหลฮ่วนเทียนจะได้รับอันตราย

"อยากไปช่วยเขา?" เฉินซ่ายื่นหน้ามามองเนื้อหาบนกระดาษนั่น สีหน้าราบเรียบมองอะไรไม่ออก

โหลชีก็ยังคงขมวดคิ้วอยู่ "ท่านยังขาดตัวยานำพาอีกสองชนิด"

ใบหน้าเฉินซ่าถึงได้มีรอยยิ้มขึ้นมา

จะว่าเขาเห็นแก่ตัวก็ดีใจแคบเผด็จการก็ช่าง เขาแค่ชอบให้ผู้หญิงของตัวเองมุ่งมั่นอยู่กับการห้อมล้อมอยู่รอบๆตัวของเขา หากนางไม่สนใจตัวยานำพาของเขารีบร้อนจะไปช่วยโหลฮ่วนเทียน เช่นนั้นเขาต้องโกรธอย่างแน่นอน

เขากำลังจะพูดออกมา เฉินเซียงก็แทรกถามขึ้นมา: "ซ่าเอ๋อร์ เจ้าขาดยาอะไร?"

ใบหน้าของเฉินซ่าดำมืดแล้ว: "อย่าเรียกข้าเช่นนี้?"

เฉินเซียงหดตัวไปทางด้านสามี อายุใกล้จะสี่สิบแล้วสีหน้าท่าทางกลับยังดูเหมือนสาวน้อยที่สวยและน่ารักอยู่เลย มุ่ยปากขึ้นมาเล็กน้อย: "เช่นนั้นข้าจะเรียกเจ้าอะไร?"

ความกังวลของโหลชีก็ถูกนางทำให้เบาบางลงไปเล็กน้อย ถามนาง: "ชื่อในอดีตของเฉินซ่าก็คือชื่อนี้หรือ? ฮ่องเต้...ทำไมถึงตั้งชื่อเช่นนี้ให้เขา?"

"เรื่องนี้ข้ารู้" เฉินเซียงกล่าว: "ตอนนั้นว่ากันว่าช่วงเวลาตกฟากเจ้าหนักเกินไป ใช้ชื่อที่เบาและอ่อนโยนเกรงว่าคงจะระงับเอาไว้ไม่อยู่ ตอนนั้นก็เคยถามราชครู สุดท้ายก็เลยตั้งเป็นชื่อนี้"

ดังนั้น องครักษ์และสาวใช้ที่พาเขาหนีออกมาก็ไม่กล้าเปลี่ยนชื่อของเขา ก็ยังให้เขาชื่อเดิม

นางมองดูสีหน้าที่ดำราวกับก้นหม้อของเฉินซ่า กล่าวกับเฉินเซียงว่า: "อาสะใภ้รองก็เรียกเขาว่าเฉินซ่าแล้วกัน"

"เรียกท่านอา" เฉินซ่าแก้ไขการเรียกของนางให้ถูกต้องอย่างราบเรียบ

"เพราะอะไร? ก็เป็นอาสะใภ้รองของข้าแท้ๆ" โหลชีจ้องเขม็ง

เฉินซ่าเลิกคิ้ว: "แต่งงานตามสามี" นั่นคือท่านอาของเขา ภรรยาของเขาก็ควรจะเรียกตามเขา

ผู้ชายคนนี้เป็นผู้ชายที่ไร้สาระปัญญาอ่อนเกินไปไหม? อะไรก็จะควบคุมนางใช่ไหม?

เฉินเซียงและคนอื่นๆมองดูพวกเขาเถียงกันไปมาเช่นนี้ รู้สึกว่าทั้งแปลกใหม่ทั้งตลก ไม่ได้บอกว่าขาดตัวยานำพาหรอกหรือ? ยังมีกะจิตกะใจมายุ่งอยู่กับแค่คำเรียกเช่นนี้อีก

ซวนหยวนฉงโจวกระแอมไอครั้งหนึ่ง ถามโหลชี: "น้องสาว บอกพี่ชายมา ยังขาดยาอะไร?"

"ไสหัวไป!" เฉินซ่าหยิบถ้วยชาออกมาแล้วขว้างใส่เขาจริงๆ ถึงแม้จะเป็นการขว้าง แต่ถ้วยชานั่นก็ยังพุ่งออกไปอย่างเรียบๆ น้ำชาที่อยู่ในนั้นไม่หกออกมาเลยแม้แต่น้อย ซวนหยวนฉงโจวยิ้มออกมาเล็กน้อย ไม่รู้ว่าไปหยิบพัดออกมาจากไหน บังเอาไว้ แล้วพลิกกลับมา ถ้วยชานั่นก็หล่นอยู่บนพัดอย่างมั่นคง ไม่มีน้ำชาหกออกมาเลยแม้แต่น้อยเช่นกัน

โหลชีไม่อยากจะสนใจพวกเขา กล่าวกับเฉินเซียงว่า: "เราต้องการแมลงสนแดงกับก้างน้ำแข็ง"

สองสิ่งนี้ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะหาได้จากที่ไหน ถึงแม้ว่านางจะมีสิ่งที่สามารถใช้ล่อปลาน้ำแข็งได้ แต่ว่าหาปลาน้ำแข็งไม่เจอก็ไม่มีประโยชน์

เฉินเซียงมองไปทางซวนหยวนฉงโจว "แมลงสนแดงอะไรนี่ โจวเอ๋อร์ ก่อนหน้านี้ตอนที่เจ้าไปหายาให้แม่บอกว่าเคยเห็นมาก่อนไม่ใช่หรือ?"

โหลชีรีบหันหน้าไปทางซวนหยวนฉงโจวทันที: "อยู่ที่ไหน?"

"น้องสาว เจ้าเรียกข้าว่าพี่ชายให้ฟังหน่อยสิ" เดิมทีซวนหยวนฉงโจวไม่ได้มีนิสัยเช่นนี้ แต่ตั้งแต่รู้ว่าโหลชีเป็นน้องสาวลูกพี่ลูกน้องของเขาแล้วเขาก็อยากแหย่นางเล่นตลอด อยากจะฟังนางเรียกว่าพี่ชายสักคำ เพราะนิสัยของนางเขาพอจะรู้ดี เฉินซ่านางยังเรียกอย่างจริงจังเลย ไม่ใช่คนที่นางใกล้ชิดสนิทสนมด้วยไม่แน่ว่านางจะยอมรับได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ เรียกพี่ชายคำหนึ่ง ไม่ว่าอย่างไรก็รู้สึกว่าเป็นการทำให้นางลำบากใจ

"พี่ชาย พูดมาเถอะ"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ