ทั้งๆที่ชิงยีได้ยินเสียงสตรีร้องขึ้นด้วยความตกใจเลยรีบเหาะกลับมามันเป็นเรื่องปกติ แต่ใบหน้าที่หันกลับมากลับเป็นใบหน้าสตรี
ต่อให้เฮ่อเหลียนเจี๋ยจะสุขุมนุ่มลึกยังไง พอเห็นสถานการณ์อย่างนี้ยังอดไม่อยู่
แต่เขาสงบใจได้ในเวลาอันรวดเร็ว พลางร้องเรียก "ชิงยี"
สตรีผู้นั้นขยับปาก เสียงที่ออกมายังคงเป็นเสียงของชิงยี
"นายท่าน เมื่อครู่ใครพูดกัน? สตรีที่ไหนกัน?"
ก่อนหน้านี้เสียงแรกที่บอกว่าแย่ละเป็นโหลชีแน่อยู่แล้ว แต่หลังจากนั้นที่บอกว่าดีเห็นได้ชัดว่าเป็นเสียงคนแปลกหน้า เสียงสตรีอ่อนโยนเย้ายวน เป็นคนละแบบกับโหลชี
ก็เข้ากันได้อยู่กับใบหน้าสตรีของชิงยี
เฮ่อเหลียนเจี๋ยสะบัดมือ ในมือชักกระบี่ออกมาคลี่ดุจคลี่พัด ด้านบนกระบี่ติดอัญมณีสามเม็ด ข้อมือเขาสะบัด แสงแดดส่องเข้าที่อัญมณีเหล่านั้นพอดี เกิดแสงสว่างพุ่งใส่ตาชิงยี
ชิงยีพลันร้องด้วยความเจ็บปวด จากนั้นยกกระบี่ฟันหูตัวเอง แสงกระบี่วาบผ่าน เกิดรอยเลือดสีแดง ที่ตกลงบนพื้นหญ้าคือหนอนหน้าตาประหลาดตัวหนึ่ง หัวของหนอนใหญ่กว่าตัวถึงสามเท่า ดูเหมือนใบหน้ามนุษย์ ร่างผอมยาว สีดำ
ใบหน้าชิงยีกลับมาเป็นหน้าตนเองแล้ว เขามองหนอนตัวนั้นบนพื้น ในใจรู้สึกสะท้านเยือก "เมื่อก่อนเคยได้ยินเรื่องน่ารังเกียจอย่างหนอนกู่หน้ามนุษย์ ข้ายังนึกว่าเป็นเรื่องหลอกเสียอีก ไม่คิดว่าจะเจอเข้าจริงๆ"
หลายคนถอนหายใจโล่งอกกันเล็กน้อย
โหลชีมองชิงยี อดตกใจไม่ได้ นางไม่คิดเลยว่าชิงยีจะสามารถฆ่าหนอนกู่ตัวหนึ่งได้ เห็นได้ชัดว่าฝีมือเก่งกว่าพวกเทียนอิ่งเทียนยีเฉิงสิบหลายขุมอยู่ ดูท่าคนทางแผ่นดินใหญ่หลงหยิน แค่ความรู้ก็ล้ำหน้าคนทางแผ่นดินใหญ่ซื่อฟางไปหลายถนนแล้ว
หูของชิงยีไม่ได้โดนตัด เลือดเมื่อครู่เป็นของหนอนกู่หน้ามนุษย์นั่น
"พูดเช่นนั้น เสียงเมื่อครู่ก็ออกมาจากหนอนกู่ตัวนั้นด้วย?" โหลชีถาม
เฮ่อเหลียนเจี๋ยหันกลับมา เห็นนางเดินอยู่คนสุดท้าย ก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงอืมและว่าต่อ "หนอนกู่หน้ามนุษย์ชนิดนี้ไม่มีทางพูดได้เหมือนคนจริงๆ เพียงแต่จับลักษณ์คำพูดสุดท้ายที่พูดต่อหน้ามันและเลียนแบบออกมา"
เหลือเชื่อจริงๆ ในเมื่อเป็นการเลียนแบบ ทำไมถึงเป็นเสียงสตรีอ่อนโยนล่ะ? นางไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับหนอนกู่หน้ามนุษย์ชนิดนี้มาก่อนเลย
"พูดอย่างนี้ สตรีอะไรในหุบเขาติดตรึงนี่ หรือความขุ่นเคือง เป็นไปได้อย่างมากว่าจะเป็นหนอนกู่หน้ามนุษย์พวกนี้? แต่ขอบเขตของตงชิงทำไมจึงมีหนอนกู่หน้ามนุษย์?"
เฮ่อเหลียนเจี๋ยยิ้มน้อยๆบอก "ดังนั้นเป็นไปได้อย่างมากว่าองค์หญิงน้อยโชคดียิ่ง บางทีพวกเราอาจจะได้เจอกับยายซิวโผของหนานเจียง"
"ยายซิวโผ?"
โหลชีถามไปพลางค่อยๆเดินตามเป็นคนสุดท้ายไปช้าๆ วู๊วูซบอยู่บนไหล่นาง และไม่มีใครเห็นพู่กันแท่งนั้นในมือนางที่กำลังขีดเขียนเบาๆอยู่ด้านหลัง
"ยายซิวโผเป็นยอดฝีมือในการเลี้ยงกู่ของหนานเจียง และนางยังเป็นคนกลุ่มน้อยที่เคยไปแผ่นดินใหญ่หลงหยินและได้สร้างชื่อเสียงมากที่นั่นโดยมาจากแผ่นดินใหญ่ซื่อฟางของพวกเจ้า" คำพูดนี้หลานยีเป็นคนอธิบาย เวลานี้เขารู้สึกแปลกเล็กน้อย พอหันกลับมา ก็เห็นโหลชีมือไขว้หลังยิ้มกว้างให้เขา
หลานยีหันกลับมา โหลชีถึงลงมือต่อ
เฮ่อเหลียนเจี๋ยไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแต่วางมือบนไหล่ชิงยีแผ่วเบา ตนเองเดินผ่านเขาไปถึงด้านหน้าสุด
"นายท่าน?"
ชิงยีรู้สึกไม่ปลอดภัยเล็กน้อย แต่ท่าทางของเฮ่อเหลียนเจี๋ยไม่อนุญาติให้โต้เถียงใดๆ สายตาโหลชีกลอกไปมาเล็กน้อย และไม่ได้พูดอะไร เฮ่อเหลียนเจี๋ยแย่งสายรัดเอวนางไป และยังสามารถหายาถอนพิษที่นางทาไว้บนตัวและแช่เสื้อผ้าได้จริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะยาถอนพิษที่นางแอบซ่อนไว้ในเล็บไม่ได้อยู่ในสายรัดเอวแล้วล่ะก็ นางคงหมดทางควบคุมเขาแล้วจริงๆ
ตอนนี้เขาอยู่ห่างนางหน่อยก็ดี ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น โอกาสที่นางจะหนีได้ก็มากขึ้นหน่อย
เดินเข้าไปอีกหน่อย พอเข้าไปปากทางเข้าหุบเขา สายตาพลันมีความรู้สึกสดชื่นสดใสขึ้นมา หูพลันได้ยินเสียงสายน้ำไหล เสียงสัตว์ตัวน้อยมุดพงหญ้า เสียงร้องของนกน้อย แสงแดดสาดส่องทุกที่เต็มไปด้วยแสงสีทอง กล้วยป่าเป็นแถบ มีหินขนาดครึ่งตัวคนหลากหลายรูปแบบ ด้านข้างล้วนเป็นพวกกลมเรียบ ไม่มีขอบมุมเลยสักนิด ทุกอย่างดูเงียบสงบ
ไหนเลยจะมีแววทะมึน? ไหนเลยจะมีความขุ่นเคือง? ไหนเลยจะมีผีสาวอะไร?
ถ้าเป็นก่อนหน้าที่ไม่มีหนอนกู่หน้ามนุษย์นั่น ไม่แน่ว่าพวกเขาจะผ่อนคลายลงหน่อย และยอมสยบให้กับทิวทัศน์ธรรมชาติที่งดงามเบื้องหน้านี้
ดังนั้นโหลชีคาดเดาอีกอย่างว่า คนที่หนอนกู่หน้ามนุษย์เมื่อกี้ลงมือ ที่จริงแล้วไม่ได้คิดร้าย แค่กำลังเตือนพวกเขาว่า ด้านหน้ามีอันตราย
หรืออาจจะเป็นไปได้อีกอย่างว่า อยากทำให้คนตกใจหนีไป ไม่อยากให้คนเข้ามาในหุบเขา ต้องการปกป้องของในหุบเขานี้
"วู๊วู" วู๊วูพลันร้องพลางถูหน้านาง จากนั้นหันไปมองลำธารเล็กสายนั้นที่พึ่งปรากฏต่อหน้าพวกนางเมื่อครู่ พลางสั่นขนบนตัวเล็กน้อย
โหลชีเข้าใจความหมายของมันโดยทันที
"เจ้าอยากอาบน้ำ?"
"วู๊วู"
วู๊วูที่รักความสะอาด ทนไม่ไหวกับสภาพอนาถอย่างนี้ของตนเอง ขนสีม่วงเงินของมันสกปรกจนเป็นสีเทาแล้ว อันที่จริงไม่ใช่แค่มันทนไม่ไหว โหลชีเองก็เริ่มทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน
แต่ในสถานที่แบบนี้ ลำธารเล็กก็ไม่แน่ว่าจะปลอดภัย ดังนั้นนางเลยลังเลเล็กน้อย
"สัตว์เลี้ยงของท่านอยากไปอาบน้ำ? งั้นไปเถิด จิ้งจอกน้อยเฉลียวฉลาดนัก มีเรื่องอะไรก็หนีได้เร็วมาก" ทั้งๆที่เฮ่อเหลียนเจี๋ยไม่ได้หันกลับมา กลับเหมือนรู้ทุกอย่าง
ตอนนี้โหลชีถึงเข้าใจว่าทำไมเขาวางใจให้นางเดินรั้งท้าย ดูท่าจะมั่นใจมากว่าต่อให้นางจะหนีก็ไม่มีทางหนีพ้นเงื้อมมือเขาไปได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ