ซวนหยวนฉงโจวพยายามลุกขึ้นมา แต่เขาพบว่า แค่เขาขยับ โครงกระดูกนั่นที่ห้อยเหนือหัวเขาก็จะขยับตามด้วย และทุกการขยับ แรงในร่างเขาก็จะหายไปเล็กน้อย
เดิมก็แทบไม่มีแรงเหลือแล้ว พอแบบนี้เขารู้สึกว่าเริ่มมึนหัวมากขึ้นเรื่อย
แต่ถ้าไม่ขยับ และนอนบนเตียงน้ำแข็งต่อไป เขาเชื่อว่าไม่นานตนต้องหนาวจนไม่สบายแน่
จะนอนรอความตายอยู่แบบนี้ไม่ได้
ซวนหยวนฉงโจวกัดลิ้นตนเองโดยแรง รสเลือดอุ่นค่อยๆหลั่งรินเต็มคอ ความอบอุ่นเล็กน้อยนี้ทำให้เขาอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย และความเจ็บปวดนี้ทำให้เขาได้สติกลับมาเล็กน้อย
แค่พริบตาเดียวเขาไม่กล้าขยับอีก เขาต้องคิดหาทางขจัดโครงกระดูกประหลาดที่ห้อยเหนือหัวนี่เสียก่อน
ถ้าโหลชีอยู่ที่นี่ก็ดีสิ นางต้องมีหนทางแน่
ซวนหยวนฉงโจวที่นอนหนาวบนเตียงน้ำแข็งจนครุ่นคิดอะไรแทบไม่ออกยิ้มเศร้า เขาเริ่มติดการพึ่งพาโหลชีเสียแล้วสิ นี่ไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่ดี
ในตอนนี้เองเขาได้ยินเสียงเรียกอ่อนแรง "วู๊..วู" ...
ซวนหยวนฉงโจวดีใจมาก รีบร้องขึ้นมาทันที "วู๊วู? วู๊วูรีบมาเร็ว!"
.....
คืนนี้โหลชีกับเฉินซ่าไม่มีทางนอนหลับในเรือนรับรองอย่างว่าง่ายอยู่แล้ว ระหว่างทางที่มาพวกเขาก็พักผ่อนมาแล้ว เพื่อจะได้อาศัยเวลากลางคืนหาร่องรอยโหลฮ่วนเทียน
"พวกเจ้าไปทางนั้น องครักษ์อวิ๋นพวกเจ้าไปทางนั้น เฉิงสิบ พวกเจ้าก็ระวังตัวด้วย หน้าที่ของพวกเจ้าคือหา ไม่ใช่ช่วย หลังจากหาเจออย่าพึ่งทำอะไรเอิกเกริก รู้ไหม? อีกอย่าง ไม่ว่าหาเจอหรือไม่ เที่ยงคืนต้องกลับมาที่นี่ เข้าใจหรือไม่?" โหลชีกำชับ
เฉินซ่าต้องเป็นพวกออกคำสั่งแล้วไปเลย ไม่มีทางมากำชับให้ละเอียดและเตือนพวกเขาให้ระวังตัวแน่ ในสายตาเขา ต้องระวังตนเองอยู่แล้ว ไม่ใช่เด็กเสียหน่อย
"เข้าใจขอรับ!"
ทุกคนแยกย้ายไปกันคนละทิศทาง
"ท่านแน่ใจว่าพวกเราจะไปหาที่นั่นรึ?" โหลชีมองเฉินซ่า เสียดายว่าพวกเขามาที่นี่ผิดเวลา ผ่านเที่ยงคืนไปก็เดือนเพ็ญแล้ว ถึงพวกเขาอยู่ด้วยกันจะไม่เป็นไร แต่ที่นี่คือตระกูลโหล พวกเขาจะไปศาลบรรพชนของตระกูลโหล เกิดเรื่องอะไรขึ้นมา แล้วทั้งคู่ต้องแยกกันจะทำยังไง?
ถ้าแยกกันนางไม่แน่จะเป็นอะไร แต่พอผ่านเวลาเที่ยงคืนไปแล้ว เขาจะทำยังไงล่ะ?
เดิมตอนบ่ายพวกเขาตั้งใจว่าจะให้คนอื่นไปหา พวกเขารอรับที่นี่ แต่หลังจากออกมาจากเกาะกลางทะเลสาบก่อนหน้านี้ เฉินซ่ากลับเปลี่ยนความคิดกะทันหัน เตรียมขึ้นไปสำรวจเกาะกลางทะเลสาบอีก
"ไม่ ที่นั่นมีแค่พวกเราที่ไปได้ คนอื่นไปมันอันตรายเกินไป" เฉินซ่าโอบเอวนางไว้ และพานางหลบแอบมุ่งหน้าไปทางเรือนสนทิพย์ และบอกนางไปด้วยว่า "ก่อนหน้านี้พวกเราไม่คิดว่าโหลเหล่าไท่จวินจะมาไม้นี้ อีกอย่าง ปฏิกิริยานางหลังได้รับบาดเจ็บก็ผิดปกติมาก" โหลเหล่าไท่จวินมาไม้นี้ อันที่จริงแสดงว่านางกำลังกร่างไม่เกรงกลัว และการแสดงออกของนางหลังได้รับบาดเจ็บทำให้เขารู้สึกว่าสติหรือจิตของยายเฒ่านี่ดูจะไม่ปกติหรืออาจจะควบคุมตนเองไม่ได้ เขารู้สึกว่า เวลานี้นางอาจจะทำอะไรสักอย่าง และขอเพียงพวกเขาค้นพบความลับของนาง ก็เป็นไปได้อย่างมากที่จะรู้ว่านางเป็นคนเช่นไร หรือจะทำอะไรกับโหลฮ่วนเทียน อีกอย่าง ข้อตกลงกับซวนหยวนจ้านตอนนั้นเป็นการตกลงอย่างเต็มใจหรือโดนบีบบังคับกันแน่
เท่านี้ก็เพียงพอที่จะวิเคราะห์ถึงความสัมพันธ์ตอนนั้นของพวกเขาแล้วว่าดีหรือแย่ และพวกเขาจะมองโหลเหล่าไท่จวินเป็นมิตรหรือศัตรูกันแน่
โหลชีได้ฟังการวิเคราะห์ของเขาแล้วรู้สึกว่าถูกต้องมาก แต่ยังไม่สบายใจอยู่ลึกๆ เพราะผลที่พิษกู่ของเขากำเริบมันหนักหนามากเกินไป ถ้าเจออันตรายเข้าจะทำยังไง?
"ไปเถอะ" เฉินซ่าเป็นพวกคิดแล้วต้องทำ และเขาไม่ใช่คนแบบที่พอมีอันตรายแล้วจะล่าถอย ถ้าเขานิสัยอย่างนั้น ก็ไม่มีทางบุกเบิกฟันฝ่าจนมีผลงานแบบนี้ได้ เพราะครั้งแรกเขาไม่มีทางออกไปหาดอกลึกลับเองแล้ว เพราะตอนนั้นมีคนมากมายไล่ฆ่าเขา ด้านนอกมันอันตรายจริงๆ
อันที่จริงโหลชีเองก็ร้อนใจ ที่เฉินซ่าพูดนางก็เดาได้ และนางยังเป็นห่วงความปลอดภัยของพี่ชายมากกว่าเฉินซ่าด้วย เฉินซ่าน่ะไม่ผูกพันกับโหลฮ่วนเทียน เขาแค่คาดเดา แต่นางเป็นห่วง
วิชาตัวเบาของทั้งคู่ดีมาก ต่างพุ่งตรงไปเรือนสนทิพย์ที่โหลเหล่าไท่จวินพำนัก ระหว่างทางราวกับควัน มองไม่เห็นเงาคนเลย
แต่พวกเขาพบว่าระหว่างทาง การป้องกันแน่นหนามากจริงๆ มีหลายครั้งที่พวกเขาเกือบโดนเห็นเข้าแล้ว ถ้าคนอื่นมา คาดว่าอวิ๋นหรือฉินซูเป่าคงไม่อาจลอบเข้าไปแบบไม่โดนจับได้แน่
เฉินซ่าส่งกระแสจิตหาโหลชีว่า "ตัวยายเฒ่าอยู่ที่นี่เอง เกาะกลางทะเลสาบก็อยู่ที่นี่ แสดงว่าของสำคัญหรือที่สำคัญต้องอยู่ที่นี่"
"มันก็ไม่แน่นะ ทุกคนก็คาดเดากันอย่างนี้ พวกเขาไม่แน่ว่าจะโง่อย่างนี้ไม่ใช่หรือไง?" เฉินซ่ากำลังจะพูด ทันใดนั้นราวกับคืนที่มีหมอกพาดผ่าน เขาหน้ามืดทันที เกือบเป็นลม เลยหยุดยืนทันที
โหลชีรู้สึกมึนหัวขึ้นมาเหมือนกัน เลยรีบคว้าแขนเฉินซ่าไว้ทันที
เวลานี้พวกเขาเข้าใกล้ห้องโถงนั่นที่เคยมาก่อนหน้านี้แล้ว
ประตูห้องโถงไม่ได้ปิด ในนั้นไม่มีตะเกียง แต่มองจากจุดที่พวกเขายืนอยู่เข้าไป ก็มองเห็นภาพเบื้องหลังที่สีดำแดงนั่น
เหมือนกับลำแสงสว่างวาบเข้ามาในสมองนาง นางสำลักกะทันหัน รีบบอกเฉินซ่า "ไป!"
ไม่รอนางพูด ในเวลาเดียวกันเฉินซ่าก็สัมผัสถึงความไม่ชอบมาพากลได้ และโอบเอวนางเหาะปราดออกไปด้วยความเร็วดุจสายฟ้าแลบ!
ในตอนที่ร่างพวกเขาพึ่งปราดออกไป ก็มีร่างดำปราดไล่ตามพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว ไอหมอกจางลงแล้ว ห้องโถงมีร่างปรากฏขึ้นสองร่าง สองคนนั่นคือโหลรั่วหว่านและโหลยู่เทียน
"ตามไหม?" โหลยู่เทียนเอียงคอถามโหลรั่วหว่าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ