ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 550

ความเชื่อใจของซวนหยวนฉงโจวที่มีต่อผู้เฒ่าคนนั้น ล้วนมาจากตัววู๊วูจิ้งจอกน้อยทั้งสิ้น

เขาเชื่อใจโหลชี จิ้งจอกน้อยที่สามารถติดตามโหลชีและยังได้รับความเชื่อใจรักใคร่ท่วมท้นนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ เช่นนั้น ในเมื่อจิ้งจอกน้อยสามารถยอมให้ผู้เฒ่าเครายาวนั่นอุ้มและตามเขาไป คนผู้นี้ต้องเป็นมิตรมิใช่ศัตรูแน่

แต่ตอนนี้ดูแล้ว เรื่องนี้ออกจะไม่ชอบมาพากลอยู่นะ

"ฉงอ๋อง ที่นี่ดูพิกลนัก" ทหารองครักษ์คนหนึ่งพูดขึ้นพลางมองไปยังเทียนไขสองข้างทาง ที่นี่มักมีลมหมุนเล็กๆเสมอ แต่ถึงไฟจากเทียนไขจะโอนเอน แต่ไม่มีเล่มไหนมอดเลย มันทำให้พวกเขาประหลาดใจนัก

ฉิงเหวยเครียดขึ้นมาละ เขาจับจ้องเพ่งมองแผ่นหลังผู้เฒ่าคนนั้นที่เดินอยู่ข้างหน้าตลอด พูดเสียงต่ำว่า "ไม่ใช่แค่ที่นี่ที่พิกล ผู้เฒ่าคนนั้นก็พิกลนัก พวกเจ้าดูสิ"

ทุกคนหันไปมอง เห็นว่าผู้เฒ่าคนนั้นคล้ายกำลังเดิน แต่ร่างกลับเหมือนลอยอยู่ และไม่เห็นเขาขยับอะไรเลย ร่างกลับไปข้างหน้าสิบกว่าก้าวแล้ว

"นี่เป็นวิชาตัวเบาในการเดินชนิดหนึ่ง" ทหารกองราชาอสูรเทพคนหนึ่งก้าวเข้ามาพูดว่า "ข้าคลับคล้ายคลับคลาว่า ใครมีวิชานี้นะ...ตอนนี้คิดไม่ออก"

ก่อนหน้านี้เหล่าทหารกองราชาอสูรเทพถูกขังไว้ในเขาเวิ่นเทียนนานขนาดนั้น และจำศีลมานานด้วย พอออกมา หลายความทรงจำยังคงงุนงงอยู่ เหมือนเรื่องที่ไม่สลักสำคัญเท่าไหร่ พวกเขาส่วนมากถึงมานึกได้ตอนหลัง

แต่ในใจซวนหยวนฉงโจวมีลางสังหรณ์ประหลาด เรื่องนี้ต้องไม่ใช่เรื่องไม่สลักสำคัญแน่ และยังสำคัญมากด้วย "เจ้าลองคิดดูให้ดีๆสิ ทางที่ดีรีบคิดให้ออกโดยเร็วที่สุด"

วิทยายุทธ์ลับมากมายไม่ถ่ายทอดให้คนภายนอก ดังนั้นขอเพียงรู้วิชาเขา บางทีจะรู้ฐานะของเขาด้วย

ซวนหยวนฉงโจวรู้สึกว่า ฐานะคนผู้นี้ต้องสำคัญกับพวกเขามากแน่

ในที่สุดผู้เฒ่าคนนั้นก็หยุดลง ตรงนั้นมีประตูอีกบานหนึ่ง

.....

ในถ้ำ โหลชีร่างอ่อนยวบราวไร้กระดูก เอนกายบนขาของเฉินซ่า

มีเสื้อคลุมของเขาปกคลุมท่อนล่างของพวกเขา ตอนนี้เสื้อคลุมนั้นสกปรกแล้ว

โหลชีสองแก้มแดงเรื่อ ประหนึ่งเมาเหล้า

สองมือนางยังคงขยับ สายตาเบนหนี แต่ก็ทนไม่ไหวเหล่มอง "นายท่าน"ที่สองมือนางกำลังบริการอยู่ นางรู้สึกว่าตัวเองใกล้บ้าแล้ว

"นี่ ไอ้เฉินซ่า พอได้หรือยัง?"

ในที่สุดนางก็ถลึงตาใส่เขาอย่างทนไม่ไหว เดิมนางไม่กล้ามองของเขาเลย เพราะนางไม่คิดว่า ในวินาทีสุดท้าย จอมเผด็จการนี่จะเซ็กซี่ขนาดนั้น ดวงตาดำแดงส่องประกายระยิบระยับ สีหน้าแดงเรื่อ ริมฝีปากบางโค้งอย่างอารมณ์ดี ไม่เหมือนกับเขาในเวลาปกติที่เย็นชา เซ็กซี่มาก

ดูแวบเดียวนางก็รู้สึกว่าลำคอแห้งผาก

เพียงแต่ แม่งเอ๊ย เมื่อไหร่จะเสร็จเนี่ย? ก่อนหน้านี้ก็ยืมขานาง ตอนนี้ยืมมือนาง...

"อุ๊..."

เฉินซ่าดึงนางเข้ามา ยกขึ้นเล็กน้อย มาซบที่แผงอกว้างของตน

"ชีชี รีบหาวิธีแก้กู่ให้ข้าเร็ว" น้ำเสียงเขาแหบพร่าเล็กน้อย แค่แบบนี้เขายังรู้สึกจะบ้าคลั่งกับรสชาตินั่น คิดไม่ออกเลยว่ายามได้ครอบครองนางอย่างแท้จริงนั้นจะอัศจรรย์เพียงใด

โหลชีสะอึก นางคิดหาทางอยู่ตลอดนะ เมื่อครู่นางใช้เลือดตัวเองดึงหนอนกู่ให้ไปทางไหล่เขา แต่หลังจากนั้นหนอนกู่ก็ไม่ขยับแล้ว นางก็คิดไม่ออกว่าจะแก้ยังไงดี

ก่อนจะแก้ได้ สองตาเขาเป็นสีดำแดงตลอด แต่โชคดีว่า ถึงจะไม่มีพิษร้ายคอยสมดุลแล้ว สถานการณ์กลับยังคงเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุดที่พวกเขาเคยนึกได้อย่างตอนนี้ กู่กำเริบแล้ว แต่อย่างน้อยเลือดของนางก็สามารถสะกดไว้ได้ชั่วคราว ถึงหนอนกู่จะอาละวาดจนทำให้เฉินซ่ามีตาสีดำแดง และตอนนี้ร้อนผ่าวไปทั้งร่าง อย่างน้อยก็ไม่ได้ตายทันทีไม่ใช่หรือไง? เพียงแต่มันก็เป็นระเบิดเวลาที่พร้อมระเบิดทุกเมื่อลูกหนึ่ง ตอนนี้พวกเขาไม่แน่ใจว่า มันจะระเบิดเมื่อไหร่ ถ้าระเบิดขึ้นมา คราวนี้เทวดาก็ช่วยไม่ได้แล้ว ดังนั้นตอนนี้นางมองดูเฉินซ่าแล้วรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงจริงๆ

"รีบลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้า" โหลชีจิ้มคางเขา

เฉินซ่ายืนขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน มองดูนางใส่เสื้อผ้าตนเองอย่างเร่งรีบ เขายืนกางสองแขนออกรอนางมาช่วยตนใส่เสื้อผ้าอย่างหน้าตาเฉย

โหลชีค้อนใส่อย่างอารมณ์เสีย หยิบเสื้อผ้าเขามาสะบัดๆ และช่วยเขาใส่ เสื้อตัวในยังถือว่าสะอาด แต่เสื้อคลุมเพราะเอามารองเมื่อกี้ ตอนนี้เลยสกปรกแล้ว

แต่น่าแปลกที่คราวนี้เฉินซ่ากลับไม่ถือสาเท่าไหร่

อันที่จริงต่อให้เขาไม่พูด นางก็อยากช่วยเขาใส่เสื้อผ้าอยู่แล้ว ไม่ใช่แบบทาส แต่เพราะตอนนี้นางกลัว กลัวเขาไม่ทันระวังกู่ก็กำเริบแล้ว ถึงรู้ว่าไม่ใช่ใช้แรงเยอะแล้วกำเริบ แต่ตอนนี้หัวใจนางก็อดไม่อยู่คิดว่าตอนนี้เขาน่าจะอ่อนแออยู่ ก็อย่าทำอะไรหักโหม ควรจะปกป้องเขาไว้ดีกว่า

พึ่งใส่เสื้อผ้าให้เขาเสร็จ ด้านนอกก็มีเสียงหมอเทวดาถามขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า "จักรพรรดินี พิษของฝ่าบาทถอนแล้วหรือยัง?"

โหลชีเดินเข้าไปหน่อย ใช้เท้าเหนี่ยวพุ่มไม้ที่บังปากทางเข้าถ้ำออก แสงสว่างลอดเข้ามา มีลมพัดมา นางอดรู้สึกไม่ได้ว่าในถ้ำมีกลิ่นอายน่าอายอยู่

ใบหน้าร้อนผ่าว

"พิษถอนหมดแล้ว"

เฉินซ่าจูงมือนางเดินออกมา หมอเทวดาเห็นเขาแล้วดีใจลิงโลด "พิษของฝ่าบาทถอนแล้วจริงๆ! กู่มิได้กำเริบด้วยใช่หรือไม่?"

"จะไม่กำเริบได้ยังไง?" เฉินซ่าเหลือบตาขึ้นมอง ให้เขาเห็นดวงตาสีดำแดงของตน หลังจากดีใจสุดๆแล้วเห็นอย่างนี้ หัวใจของหมอเทวดาแทบวายตาย แต่อันที่จริงเขาก็มีเตรียมใจไว้ เดิมหลายปีมานี้พวกเขาก็มีการเตรียมใจไว้ พิษและกู่คานกันสมดุลอยู่ พอทำลายความสมดุลก็แย่ละ ตอนนี้ช่วยไม่ได้ พิษกำเริบก่อน เลยต้องถอนพิษก่อน

"เริ่มกำเริบแล้ว..." หมอเทวดาบ่นพึมพำ "ไม่มีเวลาแล้ว ไม่แน่อาจจะกำเริบหมดเลยก็ได้..."

นี่ ชีวิตของฝ่าบาทนี่เหลือแค่ฟางเส้นสุดท้ายแล้ว

"มิเป็นไร มีชีชีอยู่" เฉินซ่ายื่นมือไปลูบหัวโหลชี เหตุใดรู้สึกว่า หลังจากผ่านเหตุการณ์ไฟเร่าร้อนนัวเนียในถ้ำก่อนหน้านี้มาแล้ว ตอนนี้ยิ่งรักนางมากขึ้นนะ? รัก รักมากอย่างยิ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ