โหลเหล่าไท่จวินฝืนแสยะยิ้มออกมา "ข้าดูออกละว่า โหลชีและสามีของนาง พวกเขาไม่ใช่คนที่จะยอมโดนรังแกหรือใส่ร้ายได้ง่ายๆดอก เจ้าคิดว่าพวกเจ้าจะทำสำเร็จรึ?"
"งั้นก็รอดูเถิด ข้าไม่ฆ่าเจ้า ข้าจะให้เจ้ารอดูจุดจบของหลานชายหลานสาว ถึงเวลานั้นเจ้าก็จะรู้เองว่าใครกันที่เป็นคนตระกูลโหลที่แท้จริง!"
"ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลโหลกับตระกูลซวนหยวน เด็กเยี่ยงเจ้าจะรู้อะไร?" โหลเหล่าไท่จวินถุยน้ำลาย
โหลรั่วหว่านแค่นเสียงออกมา "เกี่ยวข้องอันใดกันเล่า? ก็แค่ตอนนั้นที่เจ้าไม่รักนวลสงวนตัวไร้ยางอาย เป็นฮองเฮาของราชวงศ์ซวนหยวน แต่ยังมายั่วยวนท่านปู่ข้า ซึ่งเป็นเจ้าตระกูลโหลในตอนนั้นไม่ใช่หรือไง? ฮองเฮาแคว้นหนึ่ง กลับคบชู้สู่ชาย เป็นชู้กับเจ้าตระกูลตระกูลโหล เจ้ายังกล้าพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลโหลและตระกูลซวนหยวนรึ? ฮะฮะ น่าขันยิ่งนัก! ยายเฒ่าแพศยา!"
โดนนางชี้จมูกด่ากราดอย่างระคายหูเยี่ยงนี้ ดวงตาโหลเหล่าไท่จวินมีประกายโกรธขึ้ง นางกัดฟันหันไปทางโหลยู่เทียน ตะคอกเสียงเย็นว่า "ยู่เทียน! พ่อเจ้าให้ความสำคัญกับเจ้าเสมอมา ตอนนี้เจ้าคิดจะอยู่กับสตรีบ้าผู้นี้ แล้วทำให้ตระกูลโหลล่มสลายจริงรึ?"
โหลยู่เทียนมองนาง ก่อนหันไปทางโหลรั่วหว่าน "รั่วหว่านพูดถูกต้องแล้ว ตระกูลโหลไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า ตระกูลโหลยังมีพวกเรา จะล่มสลายได้ยังไง? เพราะรั่วหว่าน พวกเราถึงเปิดโปงแผนการร้ายของเจ้า ตอนนั้นเจ้ายั่วยวนท่านปู่ ต่อมาก็ให้ร้ายท่านปู่จนตาย ขึ้นเป็นเหล่าไท่จวินตระกูลโหลทั้งๆที่เป็นแค่คนนอก ยังให้ร้ายท่านอาข้าจนตาย ตอนนี้ตำแหน่งนายน้อยก็ยกให้หลานชายแท้ๆเจ้า คิดจะใช้สายเลือดซวนหยวนมาแอบอ้างเป็นสายเลือดตระกูลโหล ฮุบตระกูลโหลไว้ในมือ "
"ราชวงศ์ซวนหยวนของพวกเจ้าน่ะช่างหน้าด้านไร้ยางอาย ละโมบโลภมากสิ้นดี! โชคดีที่ยังมีคนรู้เรื่องจริงในตอนนั้น มิเช่นนั้นทั่วทั้งตระกูลโหลต้องโดนเจ้าปิดบังราวกบในกะลาแน่! บัดนี้พวกเราร่วมกับลัทธิสิ้นโลกีย์ ขอเพียงจับตัวโหลฮ่วนเทียนและโหลชีมาได้ ตระกูลโหลจะชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วแผ่นดินใหญ่หลงหยิน!"
เขาพูดมาถึงตรงนี้ สายตามีประกายฮึกเหิมรอคอยออกมา "ข้าจะกลายเป็นเจ้าตระกูลโหล พ่อข้าก็จะภูมิใจในตัวข้า! ตอนนี้คุมตัวพวกเขาไว้ เพื่อป้องกันพวกเขาดูสถานการณ์ไม่ดีแล้วออกมาวุ่นวาย ถึงเวลาที่ทุกอย่างเรียบร้อยจบสิ้น ค่อยปล่อยพวกเขาออกมา พวกเขาต้องยินดีปรีดายิ่งแน่! เจ้าลัทธิพูดแล้ว ฝ่าบาททรงรับปากแล้ว ไว้งานใหญ่สำเร็จเมื่อไหร่ จะสร้างเมืองให้เจ้าตระกูลโหลใกล้ๆกับแผ่นดินใหญ่หลงหยิน ถึงเวลานั้นตระกูลโหลก็จะเบียดตนจนกลายเป็นตระกูลสูงของแผ่นดินใหญ่หลงหยินไปเลย!"
"ไร้เดียงสา โง่เขลายิ่งนัก! พวกเจ้ากำลังคิดจับเสือมือเปล่า!" โหลเหล่าไท่จวินผิดหวังกับพวกเขายิ่งนัก และก้มหน้าลงต่ำไม่พูดอะไรอีก
"เอาล่ะ อย่ามัวแต่เสียเวลาพล่ามกับยายเฒ่านี่เลย พี่ยู่เทียน ท่านคอยเฝ้าตระกูลโหลไว้ ข้าจะไปดูโหลฮ่วนเทียนสักหน่อย" โหลรั่วหว่านยื่นมือตบบ่าโหลยู่เทียนเบาๆ หมุนตัวเดินออกไป
โหลยู่เทียนกำลังจะตามออกไป แต่หูกลับได้ยินเสียงโหลเหล่าไท่จวิน อาจเพราะนางได้รับบาดเจ็บภายใน และยังโดนยาพิษ ดังนั้นเสียงเลยขาดๆหายๆ
"ยู่เทียน ฮ่วนเทียนกับเสี่ยวชีล้วนเป็นเลือดเนื้อตระกูลโหล เจ้าอย่าได้ตามโหลรั่วหว่านทำเรื่องผิดต่อไปอีกเลย"
โหลยู่เทียนหันกลับมามองนาง แค่นเสียงเย็นก่อนออกไป
โหลรั่วหว่านรีบกระโดดขึ้นม้าควบออกจากตระกูลโหล สิบห้านาทีผ่านไปนางก็ลงทางลับไปผาโทงเทียน มุ่งตรงไปยังเรือนนั้น เปิดประตูใหญ่นางเผยป้ายคำสั่งออกมา ผ่านตลอดทางมิมีผู้ใดขวางกั้น
หน้าเรือนหนึ่ง นางพลิกตัวลงจากม้า และไม่สนใจม้านั้นอีก ก้าวเท้ายาวเข้าไปในเรือน เรือนที่ปลูกเมเปิลแดงเต็มเรือนดูแล้วแดงดุจไฟ หน้าประตูห้องหลัก ชายชุดดำสองคนยืนเฝ้าซ้ายขวา
"แม่นางรั่วหว่านมาแล้ว"
โหลรั่วหว่านอืมรับคำ "สองวันนี้เขาเป็นยังไงบ้าง?"
"ยังคงเป็นอย่างเดิม ทุกวันกินแล้วก็นอน นอนแล้วก็กิน บางครั้งยังพึมพำร้องเพลง" ชายชุดดำคนหนึ่งพูดหน้านิ่วคิ้วขมวด
โหลรั่วหว่านกลับยิ้มมุมปาก "เปิดประตูเถอะ"
ประตูถูกเปิดออก โหลรั่วหว่านเดินเข้าไป และปิดประตูลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ