ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 556

"เสี่ยวชี!"

โหลฮ่วนเทียนได้ยินเสียงโหลชีในทันที ดีใจมาก ร่างยังค้างกลางอากาศ ก็พลิกตัวหันมาทางโหลชีทันที แต่เขายังมีแบ่งสติดูเฉินซ่าอยู่ เพราะเท่าที่เขาเข้าใจ เขารู้ระดับความหึงของหมอนี่ อาจไม่ยอมให้เขากอดเสี่ยวชีได้

แต่เขาไม่คิดว่า พอเขาโผเข้ามาเอื้อมมือดึงโหลชีเข้ามากอด เฉินซ่ายังคงยืนนิ่งอยู่!

โหลฮ่วนเทียนเลิกคิ้ว กอดโหลชีแน่นๆทันที "เสี่ยวชี เจ้าหาที่นี่เจอได้ยังไง? ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องเป็นห่วงพี่ชายแน่นอน!"

ตอนนี้โหลชีก็ถอนหายใจโล่งอก ถึงนางพูดว่าจะหาตัวทูตซ้าย เฉินซ่าสำคัญที่สุด แต่ที่จริงแล้วก็เป็นห่วงโหลฮ่วนเทียนเหมือนกัน

ตอนนี้เห็นเขาไม่เป็นอะไร กระโดดได้พูดได้ หินก้อนใหญ่ในใจพลันสลายหายไป

"พี่ชาย ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?"

"ไม่เป็นไร คนอย่างพี่ชายมีหรือจะเกิดเรื่องได้ง่ายๆ?" โหลฮ่วนปล่อยแขนออกเล็กน้อย ยื่นมือเคาะหัวนางเล็กน้อย หลังจากดีใจที่ได้เจอนางที่นี่ เขาทำหน้าเข้มขึ้นมาอีกดุว่า "ที่นี่อันตรายมาก ทำไมเจ้ามาที่นี่ได้?"

พูดไปได้สองคำ เขาก็รู้สึกแปลกใจมาก ทำไมเฉินซ่ายังไม่มาดึงเขาออกอีกล่ะ? พอหันไปดู กลับเห็นเฉินซ๋าจ้องมองไปยังด้านหลังเขาด้วยสายตาทะมึนมีประกายอาฆาต เขาหันไปดู เจอกับเฮ่อเหลียนเจี๋ยที่มือไขว้หลังยืนนิ่งอยู่

เอ้า มิน่าล่ะ? ระหว่างทั้งสองคนทำไมจู่ๆก็มีความรู้สึกเจ้าตายข้าอยู่ขึ้นมาได้ล่ะ?

โหลชีดึงคอเสื้อด้านหลังเขา ดึงเขาออกเล็กน้อย มากันนางไว้

"นี่ บอกคนขี้หึงของเจ้าซะ อย่ามาสู้กันที่นี่ คนพวกนั้นจะตามมาทันแล้ว เราต้องรีบจากไป" โหลฮ่วนเทียนตบหัวนางเบาๆ แต่พบว่ามือนางยังจับมือแน่นกับเฉินซ่าอยู่เลย

โหลชีส่ายหัว จะบอกว่าข้าไม่ไป เฉินซ่าก็หันไปพูดกับเฮ่อเหลียนเจี๋ยแล้ว

"อยากตายอย่างไร? เลือกมา ข้าจะหลีกเลี่ยงมัน"

พรืด

โหลชีทนไม่ไหวคนแรก บีบแขนเขา เอนกายพิงเขาราวกับไม่มีกระดูก เงยหน้าขึ้นมองเขา "รู้หรือไม่ว่า คนที่ไม่อารมณ์สุนทรีย์พลันล้อเล่นเย็นขึ้นมา มันทำให้คนรู้สึกหนาวเหน็บยิ่งนักน่ะ?"

คนบางคนก้มหน้าเหล่นาง "ข้าจำได้ว่า ครั้งก่อนตอนในถ้ำบนเขาข้าช่วยให้เจ้าร้อนรุ่มไปทั้งร่างได้"

"...."

โหลชีแพ้ราบคาบ

ฝ่าบาทท่านชนะละ! บัดนี้ท่านไม่เพียงล้อเล่นเสียงเย็น ยังพูดจาเลื่อนเปื้อนอีก!

ตั้งแต่ต้นจนจบนางไม่ได้มองเฮ่อเหลียนเจี๋ยเลย เลยไม่ได้สังเกตว่าแววตาของเฮ่อเหลียนเจี๋ยมีประกายทะมึนเมื่อได้ยินคำพูดนั้นของเฉินซ่า

แต่เฉินซ่ามองเห็น เขาเลิกคิ้ว รออีกฝ่ายตอบ

เฮ่อเหลียนเจี๋ยกลับยิ้มบาง ราวกับพูดเรื่องสภาพอากาศ "วันนี้เดือนเพ็ญ ท่านคิดจะสู้กับข้าพร้อมกับองค์หญิงน้อยรึ? ไม่กลัวข้าแย่งองค์หญิงน้อยไปอีกรึ?"

พวกอวิ๋นและเฉิงสิบทนกันลำบากมาก เวลานี้เดิมพวกเขาควรจะร่วมแรงกันขึ้นไปขวางหน้าฝ่าบาทไว้ ให้เจ้าเฮ่อเหลียนเจี๋ยนั่นดูสิว่า ตอนนี้มันมีแค่คนเดียว พวกเขากลับมีไม่น้อย มาเหิมเกริมอะไรเนี่ย

แต่พวกเขาก็รู้ว่า ด้วยความเย่อหยิ่งของฝ่าบาท เมื่ออยู่ต่อหน้าศัตรูเยี่ยงนี้ จะไม่มีทางยอมให้ตนหลบหลังผู้อื่นเป็นแน่ ตอนนี้พวกเขาเลยได้แต่ฝากความหวังที่จักรพรรดินีเท่านั้นแล้ว

เพียงแต่ในสถานการณ์ตอนนี้ เฮ่อเหลียนเจี๋ยนั่นพูดถูก ฝ่าบาทและจักรพรรดินีแยกกันไม่ได้ ถ้าฝ่าบาทพาจักรพรรดินีสู้ด้วย ไม่ว่ายังไงก็ต้องเสียเปรียบ วิทยายุทธ์ของเฮ่อเหลียนเจี๋ยไม่ด้อยเลย ตอนนี้ฝ่าบาทไม่อาจลงมืออะไรรุนแรงได้ กลัวหนอนกู่กำเริบ ดังนั้นน่าจะสูสีกับเขา ถ้าเกิดระหว่างนั้นเฮ่อเหลียนเจี๋ยปะทะกับจักรพรรดินีจริงๆ ฝ่าบาทไม่บ้าไปเลยรึ?

ไม่ว่าจะดูยังไงฝ่าบาทก็ด้อยกว่าหน่อย ดังนั้นเฮ่อเหลียนเจี๋ยเลยไม่หวั่นเกรงใดๆเยี่ยงนี้กระมัง เดิมซวนหยวนอี้จะไกล่เกลี่ย โหลชีก็แอบส่งสัญญาณมือให้เขา ซวนหยวนอี้น่าจะสู้เฮ่อเหลียนเจี๋ยไม่ได้ ดังนั้นนางก็ไม่อยากให้เขาโดนเหยียดหยามในฐานะผู้อาวุโสกว่าด้วย

ในตอนนี้เอง โหลฮ่วนเทียนพลันขึ้นหน้าก้าวหนึ่ง ชักชายแขนเสื้ออย่างโกรธขึ้ง ชี้ไปทางเฮ่อเหลียนเจี๋ยอย่างโอหัง โพล่งบอก "นี่ เจ้าไม่เห็นข้าอยู่ตรงนี้หรือไง? กล้าพูดจะแย่งน้องสาวข้าต่อหน้าข้า มา ผ่านด่านข้าให้ได้เสียก่อน!"

พอพูดจบ โหลชีสะบัดมือเอาแส้ปลิดวิญญาณให้ไปทันที "พี่ชาย ซัดให้สะบักสะบอมเลย! ไม่ต้องกลัว ถ้าเห็นท่านใกล้จะแพ้ ข้าจะสาดพิษเอง"

ถึงดูแล้วเฮ่อเหลียนเจี๋ยจะแก้พิษเครื่องหอมได้เอง แต่นางยังมีอีกหลายพิษให้เขาลองให้พอเลยเชียว

เฉินซ่าจะก้าวขึ้นหน้า โหลฮ่วนเทียนหันหน้ามา ถือแส้สะบัดๆ พูดอย่างได้ใจว่า "ทำไม? ในฐานะที่ข้าเป็นพี่ชายเพียงคนเดียวของน้องสาวข้า จะแย่งออกหน้าแทนเจ้าไม่ได้หรือไง? ถ้าเจ้าไม่ยอม มาสู้กับข้าสักตั้งก็ได้!"

ท่าทางอย่างนั้น เห็นได้ชัดว่าหนึ่งเดียวในใต้หล้าคือข้านี่แหละ

และเพราะเขาเป็นพี่ชายของโหลชี เชอะเชอะ ฐานะนี้ทำไมเขารู้สึกสะใจอย่างนี้ เจ้าดูสิ ดีกว่าเป็นสามีอีก?

ใบหน้าเฉินซ่ามืดลง แต่หลังจากเห็นใบหน้าเฮ่อเหลียนเจี๋ยดำยิ่งกว่า เขาเลิกคิ้วอีก โอบโหลชีถอยหลังไปหนึ่งก้าว

"ข้ารอไหว"

เฮ่อเหลียนเจี๋ยปรายตามองโหลฮ่วนเทียนอย่างเย็นชา เดิมเขาคิดจะเหยียดหยามเฉินซ่าเล็กๆน้อยๆ มาโดนโหลฮ่วนเทียนป่วนแบบนี้ เท่ากับช่วยเฉินซ่าซะอย่างนั้น

"บางทีนายน้อยโหลคงลืมไปแล้วว่า ยังร่วมมือกับข้าอยู่"

โหลฮ่วนเทียนโบกมือ พูดอย่างไม่ยี่หระว่า "ตอนนั้นข้าอยู่คนเดียวก็ต้องเลือกร่วมมือกับเจ้าอยู่แล้ว ตอนนี้น้องสาวน้องเขยข้ามาแล้ว ไม่ต้องใช้เจ้าล่ะ การร่วมมือก็ยกเลิก"

"นายน้อยโหลคิดจะเสร็จงานแล้วแยกกันรึ?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ