ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 573

"ถ้าไม่อย่างนั้น แค่ควันกระจอก ๆ แค่นี้จะทำอะไรข้าได้ล่ะ?"

เขาไม่อยากให้เฮ่อเหลียนเจี๋ยตายแบบง่าย ๆ อ้อ จริงสิ! จะให้ดีก็ควรให้เขามีโอกาสได้มาเห็นเขากับชีชีรักกันหวานชื่นเป็นครั้งคราว ยั่วยุกระตุ้นให้เขาโกรธแค้นจนกระอักเลือดตายไปเลยยิ่งดี เพราะพูดตามตรง เขาเกลียดคนคนนี้มาก เกลียดมากเสียจนถึงขั้นมีความคิดว่า หากปล่อยให้เขาตายง่าย ๆ นับว่าเสียเปรียบให้คนคนนี้อย่างถึงที่สุดเลยทีเดียว

ได้เห็นเขาธาตุไฟเข้าแทรกจนเป็นบ้าไปเลยยิ่งดี

โหลชีใช้คาถาวาโยปัดเป่าควันที่ลอยอวลอยู่เต็มห้องออกไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อควันจางลง ก็พบว่าเฮ่อเหลียนเจี๋ยไม่อยู่ที่นั่นแล้ว

เมื่อพวกเขากลับขึ้นมาบนพื้นดิน แวบแรกที่โหลฮ่วนเทียนได้เห็นสิ่งที่อยู่ในมือของโหลชี ก็รีบพุ่งถลาเข้ามาทันที ร้องอุทานด้วยความประหลาดใจ "กล่องหยกกลไก นี่พวกเจ้าได้กล่องหยกกลไกมาอย่างนั้นหรือ?"

"อื้ม"

โหลฮ่วนเทียนหยิบกล่องหยกไป พลิกไปพลิกมาในมือ แต่กลับไม่พบช่องว่างหรือรอยต่อใด ๆ ที่อาจเป็นจุดเปิดกล่องใบนี้

"เจ้าของนี่สรุปว่ามันเปิดอย่างไรกันแน่นะ?" ในที่สุดเขาก็หมดความอดทน เงื้อมือขึ้นเตรียมจะขว้างมันลงพื้น แต่ซวนหยวนจื้อรีบเข้ามาหยุดเขาไว้ทันที: "เจ้าเด็กบ้า นี่เจ้าคิดจะรนหาที่ตายรึ? กล่องหยกกลไกไม่อาจกระแทกหรือขว้างทำลาย เพราะภายในติดตั้งกลไกฝนเข็มพิษเอาไว้ หากถูกแรงกระแทกจากภายนอก ฝนเข็มพิษจะถูกยิงกราดออกมาทันที มันจะกระจายไปทั่วทุกหนทุกแห่ง จึงไม่อาจใช้กำลังบังคับเปิดอย่างเด็ดขาด!"

"แล้วมันเปิดอย่างไรล่ะ? เจ้าเปิดได้รึ?" โหลฮ่วนเทียนยื่นกล่องหยกกลไกให้ซวนหยวนจื้อ

ซวนหยวนจื้อพูดอย่างโกรธเคืองว่า "เจ้าพ่อสารเลวคนนั้นของเจ้า กระทั่งข้ามันก็ยังไม่ไว้ใจ พอได้เจ้าของสิ่งนี้มา ก็ไม่เคยบอกข้าเหมือนกันว่าจะเปิดมันอย่างไร"

"พรืด!" โหลฮ่วนเทียนหลุดหัวเราะอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของชาวบ้าน "นี่ก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วไม่ใช่รึ เจ้าอยากทำร้ายลูกสาวของเขา เขาจะยอมบอกวิธีเปิดเจ้าของสิ่งนี้กับเจ้าได้อย่างไรล่ะ?"

"เจ้าเด็กหน้าเหม็น! นี่เจ้าพูดกับเสด็จปู่ของตัวเองอย่างนี้เชียวรึ?" ซวนหยวนจื้อทำท่าเหมือนจะตีเขา ซวนหยวนอี้รีบเข้ามาหยุดเขาไว้ทันที

"เสด็จพ่อ"

เมื่อเห็นแววตาเรียบเฉยไม่แยแสของโหลชี ท่าทีดื้อรั้นของโหลฮ่วนเทียน กับได้เห็นแววตาไม่เห็นด้วยของซวนหยวนอี้กับซวนหยวนฉงโจว ซวนหยวนจื้อพลันเกิดความรู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความรักความชอบจากเหล่าลูหลานตนเอง

เขาสะบัดแขนเสื้อ แล้วเดินกลับไปที่รถม้า "ข้าไม่อยากสนใจพวกเจ้าแล้ว!"

แต่ในใจเขาได้ตัดสินใจไปแล้วว่า จากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะตามพวกเขาไปให้ถึงที่สุด เผื่อว่าโหลชีเกิดสร้างปัญหาอะไรขึ้นมาอีก อย่างน้อยเขาก็จะพยายามทุ่มเทจนสุดความสามารถเพื่อปกป้องราชวงศ์ซวนหยวน

โหลฮ่วนเทียนยังคงพัวพันอยู่กับกล่องหยกกลไก "เสี่ยวชี นี่คือฤกษ์ยามวันตกฟากกับหนังสือสมรสของเจ้า จะเอาออกมาอย่างไรได้?"

เขายังคงมีความรู้สึกผูกพันล้ำลึกและเคารพเทิดทูนพ่ออยู่มาก จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการแต่งงานของน้องสาวตัวเองจะถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ได้รับหนังสือสมรสที่เขียนด้วยลายมือของพ่อเขาจริง ๆ

โหลชียกยิ้มเล็กน้อย: "ของสิ่งนี้ข้าไม่ต้องการหรอก พี่ชาย ยกให้พี่ไปแล้วกัน จะโยนทิ้งหรือจะเก็บไว้เล่นสนุก ๆ ก็ตามใจพี่เถอะ"

เฉินซ่าแก้กู่ได้แล้ว วันตกฟากของนางจะยังมีความสำคัญอะไรอีก? ต่อให้ไม่มีหนังสือสมรสนี้ ใครจะกล้ามาบอกล่ะว่า การแต่งงานของนางถือเป็นโมฆะ?

แต่ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของนาง เฉินซ่ากลับยื่นมือออกไปหยิบกล่องหยกมา

เห็นแค่เขามองนั่นนี่สองสามครั้ง จากนั้นก็วางกล่องหยกกลไกไว้กลางฝ่ามือ นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เกิดเสียงดัง "ป๊อก" ขึ้นมาเสียงหนึ่ง เหมือนว่ามีกลไกบางจุดถูกสัมผัส กล่องหยกใบนั้นพลันปริแยก ตรงส่วนฝาครอบเปิดออกมา

ทุกคนมองเฉินซ่าด้วยความตกตะลึงพรึงเพริศ

จักรพรรดิเปิดออกได้อย่างไรกันนะ?

"ว้าว! เฉินซ่า เจ้าสุดยอดไปเลย!" โหลชีกลับไม่สนสี่สนแปดใด ๆ ทั้งสิ้น กระโดดพรวดเดียวขึ้นไปตรงหน้าของเฉินซ่า ยกสองแขนขึ้นโอบคอ แขวนตัวเองไว้บนตัวเขา ก่อนจะเงยหน้ามองด้วยความชื่นชม : "ขนาดของแบบนี้เจ้าก็ยังเปิดได้อีก! สุดยอดไปเลย!"

ต่อหน้าผู้อาวุโสกับลูกน้องมากมาย เล่นมากอดรัดฟัดเหวี่ยง ร้องตะโกนโวยวายแบบนี้ มันใช้ได้ที่ไหนกัน?

ซวนหยวนจื้อลดม่านรถลงอย่างขุ่นเคือง "เห็นแล้วแสลงนัยน์ตาก็อย่าไปมองให้แปดเปื้อน!"

ไม่มีใครสนใจเขา เฉินซ่ามือหนึ่งถือกล่องหยก มือหนึ่งโอบโหลชี จ้องมองใบหน้าที่แสนสดใสของนาง สองตาเป็นประกาย รู้สึกชื่นชมจากใจจริง ถูกเขาทำให้ประทับใจ เคารพยกย่อง ในใจเขาเกิดความรู้สึกสุขกายสบายใจไม่น้อย

ที่ชอบ ก็เพราะนิสัยตรงไปตรงมาของนางนี่เอง

ยินดีหรือไม่ยินดี ชอบหรือไม่ชอบ ก็จะแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาเสมอ ทำไมถึงถูกใจเขาได้ขนาดนี้นะ? เมื่อเปรียบเทียบระหว่างลูกสาวหลานสาวบรรดาผู้ลากมากดี ผู้หญิงที่อ่อนโยนนุ่มนวล ผู้หญิงที่มีคุณธรรมมีมารยาททั้งหลายเหล่านั้นแล้ว เขาชอบนางกว่าไม่รู้ตั้งกี่เท่าต่อกี่เท่า! เป็นความชอบที่ถึงขั้นหลงใหลคลั่งไคล้!

"เจ้าไม่รู้หรือว่าผู้ชายของเจ้ามีพรสวรรค์ในด้านเครื่องจักรกลน่ะ?" เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มองนางด้วยรอยยิ้มจาง ๆ

โหลชีพยักหน้าอย่างจริงจัง: "ถูกแล้ว ข้ารู้อยู่!"

โหลฮ่วนเทียนพุ่งถลาเข้ามา ออกแรงต่อยหยอก ๆ เข้าที่ไหล่ของเฉินซ่าไปหนึ่งที ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งหยิบกระดาษมันสองแผ่นที่ถูกพับไว้ในกล่องออกมา

เขาเปิดกระดาษมันออกดู แต่กลับไม่เห็นมีตัวอักษรอะไรเขียนอยู่บนนั้นเลย หลังจากพินิจดูครู่หนึ่ง เขาก็ฉีกกระดาษส่วนบนที่เป็นชั้นเคลือบผิวออก ผลคือข้างในมีตัวอักษรที่ถูกจารึกไว้ดังคาด

โหลชีกระโดดลงจากตัวเฉินซ่า โน้มตัวเข้าไปดู

แผ่นแรกเป็นวันเวลาตกฟากของนาง

โหลชีมองดูครู่หนึ่ง แล้วหันไปทางเฉินซ่า: "ข้าไม่ใช่หญิงธาตุหยินจริง ๆ ด้วย"

"อื้ม แต่เจ้าเป็นยาของข้า" เฉินซ่ามองนางด้วยแววตาที่อบอุ่น ก่อนที่ประโยคถัดมาจะพูดโดยใช้เคล็ดวิชาส่งสัญญาณเสียงลับซึ่งได้ยินกันเพียงสองคนเท่านั้น: "คืนนี้ข้ายังต้องการยาเสริมร่างกายอีกมากมายเลยทีเดียว"

ในสมองของโหลชี ผุดภาพความทรงจำที่พวกเขาสองคนแนบชิดสนิทแน่นขึ้นมาทันที อดหน้าแดงก่ำไม่ได้ ยั้งใจไม่ไหวจนต้องพูดตอบออกไปว่า: "คืนนี้ก็ต้องให้ข้าได้พักผ่อนบ้างสิ!"

"บำรุงเสร็จค่อยให้เจ้าพัก หรือไม่เจ้าก็นอนหลับได้เลย ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้ายุ่งเองก็ได้"

โหลชีถึงกับร้องสบถว่าแม่....งเอ๊ย!ในใจ จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ชักจะเริ่มหน้าด้านไร้ยางอายขึ้นทุกที ๆแล้วนะ "เจ้าบ้าพลังซะขนาดนั้น ใครจะไปหลับลงได้เล่า!?"

"ความหมายของเจ้าคือจะชมว่าข้าห้าวหาญฮึกเหิมมากอย่างนั้นสินะ?" เฉินซ่าหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า : "ขอบคุณสำหรับคำชม จักรพรรดินีของข้า จากนี้ข้าจะพยายามทำงานหนักต่อไป ยังมีอีกนะ เจ้าชอบหรือไม่?"

เชี่ยเอ๊ย!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ