มีการคาดเดาบางอย่างวาบผ่านเข้าหัวใจโหลชี
"กุญแจแสงจันทร์ ยังหาไม่เจอรึ?" นางถามอย่างเนียนๆ
กุญแจแสงจันทร์ที่ว่า คือหยกชิ้นนั้นล่ะมั้ง? ทำออกมาเป็นอย่างนั้น แถมยังใหญ่มาก ถ้าไม่รู้ ใครจะเดาว่านั่นเป็นกุญแจกัน
นางหมุนตัว หลังพิงไหล่เฉินซ่า เหยียดขายาวออกไป วางขาไว้มุมกล่องไม้กล่องหนึ่ง และถามขึ้นอีกว่า "ถ้าหากุญแจแสงจันทร์ไม่เจอจริงๆ หุบเขาศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้าก็เปิดไม่ได้แล้วรึ?"
หยุนฉิงเอ๋อร์พยักหน้า แต่ท่าทีนางกลับดูยินดียิ่ง "หากุญแจแสงจันทร์ไม่เจอ ข้าคิดว่าน่าจะหากลับมาไม่ได้แล้วแน่"
"หา? หายากเพียงนั้นรึ?" โหลชีถามอีก
"แน่นอน" หยุนฉิงเอ๋อร์บอก "หัวหน้าเผ่าเราประกาศแล้ว หากผู้ใดหากุญแจแสงจันทร์มาได้ ผู้นั้นก็จะสามารถพาสามคนเข้าหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ และยังสามารถหยิบสมบัติออกมาได้สี่อย่างด้วย! เงื่อนไขดีเยี่ยงนี้ ถ้ามีคนสามารถหากุญแจแสงจันทร์ได้จริงๆ คงส่งมันมาให้เผ่าไปนานแล้ว จนป่านนี้ยังไม่มีใครส่งมันมาเลย เห็นได้ชัดว่ายังหาไม่เจอ"
"กุญแจแสงจันทร์หน้าตาเป็นยังไง?"
"พอฟังชื่อท่านก็รู้แล้วนี่ แสงจันทร์ กุญแจใช้หยกทำขึ้นมาเป็นพิเศษ ไม่แตกไม่พัง และยังส่องแสงสว่างบริสุทธิ์ด้วย จำได้ง่ายเลย แค่เห็นแสงบริสุทธิ์นั่น ก็จะเกิดความรู้สึกเคารพ จะอยากคุกเข่าลงคำนับ ในเผ่าเรากุญแจแสงจันทร์ก็ถือเป็นของสูง ต้องนำมาเคารพบูชา" หยุนฉิงเอ๋อร์บอก สายตาเป็นประกายวาบผ่าน ดูปรารถนามาก พลางว่า "ข้าแค่เคยได้ยินเหล่าผู้อาวุโสของเผ่าพูดถึงเท่านั้น ไม่เคยเห็นจริงดอก"
ท่าทางอย่างนั้นเหมือนกับว่า ถ้าให้นางเห็นกุญแจแสงจันทร์ตอนนี้ นางจะรีบโผเข้าไปกราบไหว้โขกศีรษะสามครั้งก็ไม่ปาน
สายตาเฉินซ่าเป็นประกาย เหล่มองกล่องที่นางเอาเท้าพาดอยู่ อดยิ้มมุมปากไม่ได้ ของสูงค่าควรบูชาของผู้อื่น บัดนี้ถูกนางนำมาใช้พาดขาน่ะ
สตรีผู้นี้เหตุใดจึงเอาแต่ใจเยี่ยงนี้นะ?
แต่เหตุใดนางเอาแต่ใจเพียงนี้ เขากลับยิ่งดูยิ่งรักนางมากขึ้นเล่า?
ทนไม่ไหว
เขาทนไม่ไหวยื่นมือโอบเอวนาง พลางถามเสียงต่ำว่า "ง่วงแล้วรึ? จะนอนพักสักหน่อยหรือไม่?"
โหลชีส่ายหัว พลันเอียงหลังเบียดแขนเขา บ่นว่า "เฮ้อ รู้เยี่ยงนี้น่าจะอาบน้ำในเมืองมาก่อน เหตุใดรู้สึกคันหลังเยี่ยงนี้เล่า?" พูดไปพลาง ถูหลังไปพลาง
เอ้อร์หลิงหน้าแดงเล็กน้อย เสี่ยวโฉวกลับเบี่ยงหน้าหนีอย่างหน่ายใจ ไอ้โหย จักรพรรดินี ที่นี่นอกจากพวกท่านสองคนแล้ว พวกนางล้วนเป็นหญิงสาวที่ยังมิได้แต่งงานเลยนะ ทำเยี่ยงนี้ดีแล้วรึ?
แต่ที่บ้ายิ่งไปกว่าคือฝ่าบาทผู้ยิ่งใหญ่นี่แหละ เขายิ้มน้อยๆ ดึงร่างนางเข้ามา เอื้อมมือไปเกาหลังนางแผ่วเบา
"แรงเท่านี้ดีหรือไม่?"
โหลชีหรี่ตาเล็กน้อย เผยสีหน้าพึงพอใจเหมือนกับเมื่อครู่ที่ได้กินขนมไป ประหนึ่งแมวตัวน้อยที่ได้รับการลูบขนตัวหนึ่ง "ได้ได้ อ๊า ซ้ายหน่อย ล่างหน่อย"
สามพี่น้องตระกูลหยุนไม่รู้จะหันไปมองทางไหนดี
ในใจหยุนฉิงเอ๋อร์บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง พูดไม่ออกว่าดีหรือร้าย ยังไงซะก็รู้สึกกำลังเกิดฟองสบู่อยู่ตลอด ฟองสบู่อ่อนยวบเติมเต็มจิตใจนาง และยังปวดใจด้วย
"ท่าน ท่านเป็นสนมชายที่นางเลี้ยงไว้รึ?"
ตอนแรกไม่มีใครได้ยินคำพูดนี้ชัดเจน พอได้สติกลับมา รังสีเฉินซ่าคมปลาบทันที รังสีอำมหิตที่จู่ๆพวยพุ่งออกมาทำให้ทั้งสามคนสั่นเทาไปทั้งร่าง ขดตัวเข้ามุมอย่างควบคุมไม่อยู่
หยุนชุ่ยรู้สึกเหมือนใกล้จะเป็นลมไปแล้ว หยุนผิงกับหยุนฉิงเอ๋อร์สีหน้าซีดเผือด เหงื่อไหลพรากทั้งร่าง
สวรรค์ ช่าง น่ากลัวยิ่งนัก
หยุนฉิงเอ๋อร์ปากสั่นเทา นางเองก็พึ่งได้สติว่าตนพูดอะไรออกไป ไม่คิดว่าตนจะกล้าพูดอย่างนี้ออกมา
บางทีอาจเป็นเพราะเขาในตอนนั้นดูอ่อนโยนยิ่งนัก อ่อนโยนจนนางรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ บุรุษหน้าตาหล่อเหลารูปร่างสูงใหญ่เพียงนั้น จะช่วยสตรีเกาหลังได้ยังไงกัน?
นี่มันมิใช่ว่ามีแต่สนมชายที่ทำได้รึ?
ดังนั้นเวลานั้นนางคิดเยี่ยงนี้ เลยเผลอพูดออกไปเลย
ตอนนี้นางมีหรือจะกล้าคิดว่าเขาเป็นสนมชาย?
ใครเคยเห็นสนมชายที่น่ากลัวเยี่ยงนี้บ้าง? พวกนางไม่เคยเห็นบุรุษที่มีรังสีน่ากลัวเยี่ยงนี้มาก่อนเลย! ต่อให้เป็นอริยะมนต์แห่งเผ่ามนต์ดำ นางยังรู้สึกเพียงเย็นชาน่ากลัว แต่ไม่รู้สึกถึงรังสีเท่านี้
แทบจะไม่ใช่รังสีอำมหิต
บุรุษผู้นี้ไม่ได้อยากฆ่านาง นางรู้แน่ชัดในจุดนี้ และเพราะเยี่ยงนี้นางถึงตกใจ หากเป็นรังสีอำมหิตโจมตี ยอดฝีมือจำนวนมากล้วนทำได้ พูดได้เลยว่ามันเกี่ยวข้องกับกำลังภายใน แต่ใช้เพียงรังสีก็ทำให้คนยำเกรงหวาดหวั่นได้ ไม่เพียงแค่เกี่ยวข้องกับกำลังภายในเท่านั้นแล้ว ไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะทำได้เลย
บุรุษที่มีรังสีเยี่ยงนี้ จะเป็นสนมชายได้อย่างไร?
สำหรับบุรุษมากมาย สนมชายล้วนเป็นการลบหลู่ ยิ่งไปกว่านั้นกับบุรุษเยี่ยงนี้ด้วยแล้ว?
หยุนฉิงเอ๋อร์ใจกระตุก ต่อให้นางตะลึงกับความหล่อเหลาของเฉินซ่าและความอ่อนโยนที่มีต่อโหลชีก่อนหน้านี้เพียงใด ตอนนี้นางก็ไม่กล้ามองเขาตรงๆอีกแล้ว
"ท่านทำให้พวกนางตกใจแล้ว" โหลชีพลันหัวเราะพรืดออกมา ยื่นนิ้วมือเรียวขาวออกไปจิ้มๆหน้าเฉินซ่า เบ้ปากบอก "อันที่จริงถ้าข้าจะเลี้ยงดูท่านก็ไม่ใช่เลี้ยงไม่ไหวหรอก ท่านก็รู้นี่ ถ้าข้าจะหาเงินล่ะก็ แค่ขายยาก็ขายได้เงินไม่น้อยแล้วนี่นา"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ