คนผู้นั้นโดนพวกเขาจับมาก่อนหน้านี้ เป็นคนซีเจียง จากครั้งก่อนที่ซีฉางหลีมาปล้นนักโทษนั้น พวกเขายิ่งมั่นใจว่า คนผู้นี้ต้องสำคัญกับซีเจียงอย่างมากแน่ น่าเสียดายที่พวกเขาเค้นคำตอบอะไรออกมาไม่ได้เลย
"เขาเป็นเยี่ยงไร?" โหลชีเริ่มสนใจ หลายวันนี้อยู่ในคุก ฝีมือการสืบสวนของฮั่วหยูฉุนนางก็เคยเห็นมาก่อน เวลาควรร้ายหมอนี่ก็ร้ายมาก แล้วมันเพราะเหตุผลอะไรล่ะ ที่ทำให้เขาหมดหนทางกับคนคนนั้น?
"คนผู้นั้นก็ควบคุมตัวเองมิได้ พอเขาตื่นเต้นหรือหวาดกลัว กระทั่งฮึกเหิมก็จะชักกระตุกตลอด พ่นน้ำลายสีขาว พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว ดังนั้นพวกข้าเลยไม่อาจลงทัณฑ์ได้ และมิอาจใช้การเค้นถามข่มขู่ใดๆได้เลย แต่เขาก็เจ้าเล่ห์อย่างมาก หากพวกข้ามิใช้วิธีการใดเพียงคุยกับเขา เขามิไยดีท่านเลย" ฮั่วหยูฉุนปวดขมองอย่างหนัก พวกเขาจับคนผู้นี้มานานแล้ว กลับถามมิได้แม้แต่ประโยคเดียวเลย มันเป็นสิ่งอัปยศของคุกยิ่งนัก
หลายวันนี้ความสามารถของโหลชีกำราบเขาและลูกน้องเขาซะอยู่หมัด โดยเฉพาะแปดองครักษ์ที่เข้าร่วมการรบกับสิ่งลี้ลับในวันนั้น หลังจากวันนั้นเสร็จสิ้นลง โหลชีนัดแนะพวกเขาพูดคุยกันอย่างลับๆ นับจากนั้นทั้งแปดคนราวกับได้เกิดใหม่ หลายวันนี้ต่างพยายามฝึกยุทธ์กันอย่างหนักหน่วง และราศีของทุกคนต่างเคร่งขรึมหนักแน่นกันหมด เมื่อคืนยามเขาออกจากห้องขังอย่างหมดหนทางแล้วอีกครั้ง หนึ่งในลูกน้องแปดคนนั้นบอกเขา หัวหน้า เหตุใดมิให้แม่นางโหลลองดูเล่า?
ใช่สิ ทำไมมิให้นางลองดูเล่า เขารู้สึกว่า หากเป็นนาง ต้องมีวิธีแน่นอนกระมัง
เดิมวันนี้คิดจะหาเวลาเอ่ยกับนางสักหน่อย ใครจะรู้ว่าฝ่าบาทรอนางกลับตำหนักสามเองมิไหว หากมิพูดคงมิมีโอกาสอีกแล้ว
โหลชีได้ยินเรื่องของคนคนนั้นแล้ว มือลูบคางครุ่นคิด ใจนางไม่ได้ไม่แปลกใจ แบบนี้ในยุคปัจจุบันมีคนทำวิจัยออกมาแล้ว นั่นเป็นสารควบคุมระบบประสาทชนิดหนึ่ง พูดตรงๆคือพิษต่อระบบประสาท หลังจากใช้พิษชนิดนี้แล้ว ขอเพียงตื่นเต้นฮึกเหิม ก็จะกระตุ้นฤทธิ์ยาชนิดนั้น ทำให้สมองออกคำสั่งผิด กระตุกไปทั้งร่าง น้ำลายฟูมปาก รู้สึกว่าตนใกล้ตายแล้ว ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เขามีหรือจะยังพูดอะไรออกมาได้อีก
อีกอย่าง มีคนใช้พิษต่อระบบประสาทชนิดนี้มาใช้ในเรื่องสายลับ เพื่อป้องกันพวกเขาคายความลับตอนโดนจับได้ แน่นอน ไม่ใช่ทุกคนจะรู้จักสิ่งนี้ การที่นางรู้ ก็เป็นเพราะเคยมีคนจ้างสิบล้านหยวนให้นางไปขโมยสูตรพิษนั่น แต่นางคิดว่าตนเองไม่ใช่ระดับเซียนขโมย เลยไม่ได้รับงานนี้
เพียงแต่ว่าตอนนั้นนางพอเข้าใจพิษชนิดนั้นอยู่บ้าง ลูกค้าที่ออกราคาบางทีอาจจะคิดไม่ถึงว่า ถึงนางจะไม่รับออเดอร์นั้น แต่เพราะนางแปลกใจ เลยแอบตามเข้าไปในห้องวิจัยของประเทศนั้นเปิดอ่านสูตรนั้น
ทั้งๆที่เข้าไปได้สำเร็จ และสามารถเอาสูตรนั้นมาไว้ในมือได้ นางก็เลยชวดสิบล้านไปเพราะไม่อยากรับภารกิจนี้แหละ
ในยุคปัจจุบัน นางเองก็เป็นพวกเงินเยอะไม่แคร์เหมือนกัน ไม่คิดเลยว่า พอมาที่นี่ นางกลับไม่มีเงินติดตัวสักแดง แถมยังกลายเป็นนางกำนัล น่าปวดใจชะมัด
"เทียนอิ่งเจ้ากลับไปเถิด บอกกับนายท่านว่า รอข้าเสร็จธุระทางนี้แล้วจะกลับไป แต่ถ้าฝ่าบาทยินยอม เปลี่ยนให้ข้าเป็นนางกำนัลของหัวหน้าผู้คุ้มฮั่วเถิด" โหลชีโบกมือไล่
ฮั่วหยูฉุนตกใจแทบตาย "แม่นางโหล คำล้อเล่นเยี่ยงนี้พูดมิได้ขอรับ!" นางกำนัลใกล้ชิดที่ฝ่าบาทให้ความสำคัญ มาเป็นนางกำนัลของเขา เขามีศีรษะกี่อันให้ฝ่าบาทบีบกันล่ะ?
"ใครล้อเล่น? ข้าพูดจริง ไปเถิดไปเถิด พาข้าไปพบนักโทษพิเศษคนนั้นดูสักหน่อยเถอะ"
เทียนอิ่งมองตามแผ่นหลังพวกเขา มองฮั่วหยูฉุนที่เดินเคียงไหล่กับโหลชี แอบภาวนาในใจให้เขามิได้ ดีนี่ ทำให้แม่นางโหลอยากอยู่ต่อ นี่ไม่เท่ากับเป็นการบอกว่าเสน่ห์ของเขามากกว่าฝ่าบาทหรอกรึ?
เขาแตะปลายเท้าพื้น ทะยานขึ้นฟ้า กลับไปรายงาน
โหลชีกับฮั่วหยูฉุนมาถึงห้องขังห้องหนึ่ง ห้องขังห้องนี้อยู่เป็นเอกเทศ ตำแหน่งทิศทางไม่เลวเลย และกว้างขวางใสกระจ่าง มีทหารองครักษ์รักษาการด้านนอกสองคน พอเห็นพวกเขามาก็ยกมือทำความเคารพ
"หัวหน้า แม่นางโหล!"
ชื่อเสียงโหลชีกระจายไปทั่วคุก ที่นี่มีใครบ้างไม่รู้จักนาง แต่โดยส่วนตัวแล้วฮั่วหยูฉุนเคยเตือนพวกเขาแล้ว ห้ามนำเรื่องนางออกมาพูด ทั้งหมดให้หยุดแค่ในคุกนี้ ไม่เพียงเพราะตัวโหลชีพูดเอง และก็เป็นเพราะเขาไม่อยากให้โหลชีของพวกเขาโดนคนอื่นแย่งไป เหอะเหอะ แม่นางโหลเป็นของคุกพวกเขาและตำหนักสามเท่านั้น!
"เปิดประตู"
ประตูถูกเปิดออก โหลชีโบกมือ ห้ามปรามฮั่วหยูฉุนไม่ให้เข้าไปพร้อมกับนาง
ฮั่วหยูฉุนมองนางเดินเข้าไป ยังหันมาปิดประตู อดกังวลขึ้นมาไม่ได้ กำลังภายในของคนผู้นั้นถูกสกัดจุดไว้แล้ว แต่เขายังกังวลว่าโหลชีจะเกิดเรื่องอยู่
หากจะบอกว่าที่นี่เป็นคุก สู้บอกเป็นห้องรับรองดีกว่า แสงสว่างครบครัน สะอาดสะอ้าน เตียงใหญ่หนึ่งเตียง ด้านบนปูด้วยผ้าปูลายดอกไม้สีฟ้า โต๊ะกลมมีเก้าอี้กลมสี่ตัวล้อมรอบ มีแสงสะท้อนเงาวับของไม้ที่ใช้มานานออกมา
ชายผู้หนึ่งในชุดกังฟูสีเทายืนอยู่ข้างหน้าต่าง หมุนตัวกลับมาเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ใบหน้าอ่อนเยาว์ หน้าตาธรรมดา เป็นคนประเภทที่โยนเข้าฝูงชนแล้วหาไม่เจอพวกนั้น แต่โหลชีกลับจับสังเกตลักษณะพิเศษบางประการของเขาได้ทันที นี่เป็นความเคยชินตามอาชีพของนาง เนื่องจากใช้มานานหลายปี ครั้งแรกที่มองคนจะหาจุดพิเศษของเขาได้ก่อนเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ